กองทัพโรมปะทะกับกองทัพคาร์เธจและกองกำลังจากไซราคิวส์บริเวณเมืองเมสซานา ชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สองกองกำลังคุมเชิงกันอยู่เป็นเวลานานหลายเดือน แม้กองกำลังของโรมจะน้อยกว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์โรมมีกองกำลังทหารประมาณเก้าพันนาย ส่วนกองกำลังคาร์เธจและกองกำลังจากไซราคิวส์รวมกันทั้งหมดประมาณหนึ่งหมื่นสองพันนาย แต่ด้วยประสิทธิภาพของทหารราบโรมัน รวมไปถึงกลยุทธ์การศึกที่แยบยลกว่า ทำให้โรมมีภาษีเหนือกว่า สามารถขับไล่กองกำลังแห่งไซราคิวส์ลงใต้ และกองกำลังคาร์เธจออกจากเมสซานาได้บางส่วน
ณ ค่ายใหญ่แห่งกองทัพโรม เสียงแตรปลุกเหล่าทหารและทุกๆ คนในค่ายแต่เช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์เรืองรองขึ้นที่ขอบฟ้าเหมือนดังเช่นทุกๆ เช้า
แม้กองกำลังส่วนใหญ่จะไปร่วมรบ แต่กำลังสำรองหลายร้อยหลายพันนายยังคงอยู่ในค่าย เตรียมพร้อมรบเมื่อมีคำสั่ง และยังคงทำการฝึกอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
ระรันตาตื่นพร้อมเสียงแตรไปด้วยทุกเช้า นางเริ่มคุ้นชินกับกิจวัตรประจำวันของทหารโรมันหลังจากอยู่ในค่ายนี้มาเป็นเวลาหลายเดือน
วันนี้ระรันตากับนานันรีบมาที่เรือนโภชนาแต่อรุณรุ่ง เพราะเป็นเวรเตรียมมื้อเช้า ทั้งสองเร่งอุ่นขนมปังและซุปที่เหลือจากวันก่อน พร้อมเตรียมวัตถุดิบเพื่ออบขนมปังชุดใหม่ แม่บ้านคนอื่นๆ เริ่มทยอยมาช่วยในช่วงสาย
เหล่ากำลังสำรองทยอยมารับมื้อเช้า อาหารที่เรือนโภชนาจัดนั้นส่วนหนึ่งคือที่เหลือจากวันก่อนซึ่งได้รับการถนอมอย่างดี โรงครัวจะไม่ทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้โดยไม่จำเป็น นั่นคือหลักการของค่ายทหารโรมัน
ระรันตายืนอยู่หน้าโต๊ะที่วางถาดขนาดใหญ่ใส่ขนมปังหลายชนิดเรียงรายน่ารับประทาน ข้างๆ กันมีหม้อซุปใบเขื่อง ภายในคือซุปผักกับมะเขือเทศอุ่นร้อนให้ควันฉุยกลิ่นหอมยวนใจ
หญิงสาวมีหน้าที่หยิบขนมปัง และตักซุปให้แก่ทหารที่ยืนเป็นทิวแถวรออยู่ ชายเหล่านี้มีตั้งแต่รุ่นหนุ่มจนวัยกลางคน ทหารหนุ่มๆ หลายนายมองระรันตาอย่างไม่ปิดบัง นางพยายามทำหน้าที่ตัวเองโดยไม่สนใจกับสายตาโลมเลียเหล่านั้น
“แม่นาง ข้าอยากได้ขนมปังก้อนนั้นแทน หยิบให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” ทหารรุ่นหนุ่มนายหนึ่งเอ่ย พร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่ม
ระรันตาเอื้อมหยิบขนมปังตามที่ทหารผู้นั้นร้องขอ
“ไม่ใช่แม่นาง ข้าหมายถึงชิ้นข้างในโน้นน่ะ” ทหารหนุ่มชี้มือไปยังขนมปังอีกก้อนซึ่งระรันตามั่นใจว่าเขาไม่ได้ชี้ก้อนนั้นแต่แรก หากพยายามถ่วงเวลาพูดกับนางมากกว่า หญิงสาวพยายามไม่ใส่ใจหันไปหยิบขนมปังชิ้นใหม่ ทว่าพอยื่นให้ทหารผู้นั้นกลับส่ายหน้า
“ไม่ๆ ข้าหมายถึงก้อนนั้นต่างหาก”
“ท่านต้องการชิ้นใดกันแน่” หญิงสาวหมดความอดทน
ทหารหนุ่มยิ้มนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ เอียงตัวเข้ามาเบียดกระแซะทำทีเลือกขนมปังเองอยู่นาน ระรันตาอึดอัดจะขยับไปไหนก็ไม่ได้เพราะถูกร่างใหญ่บดบังอย่างจนมุม
แต่แล้วจู่ๆ เสียงห้วนน่าเกรงขามก็ดังก้อง “เจ้าเลือกเสร็จหรือยัง!”
ทหารผู้นั้นสะดุ้งเฮือก ถอยห่างจากนางไปในทันที ท่าทางลนลานเมื่อเห็นผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามา
“ข้า ข้า เอ่อ เลือกเสร็จแล้วขอรับ”
เชลาลุสในชุดนักรบเต็มยศ ใบหน้าเกรียมแดดดำคล้ำไปกว่าเดิม หนวดเคราขึ้นจนนางแทบจำไม่ได้ เขายืนจังก้าเขม้นมองทหารผู้นั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจพลางตวาดกร้าว
“วางถาดอาหารของเจ้าลง แล้วไปวิ่งรอบค่ายสิบรอบ เช้านี้เจ้าไม่ต้องกินอาหาร ทหารโรมันกินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน จำไว้!”
เขามองจนทหารนายนั้นพ้นโรงครัวไปตามสั่งจึงหันมาบอกกับทหารที่เหลือ “อาหารมีให้กินก็บุญแล้ว อย่าให้ข้าเห็นว่ามีใครริเลือกอาหารหรือมีพฤติกรรมแบบนี้อีกเป็นอันขาด!”
เชลาลุสกลับจากศึกเมื่อใดมิมีใครทราบได้ กิริยาท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาคล้ายพายุลูกใหญ่ที่พัดหมุนให้ทุกคนในที่นั้นยำเกรง ยิ่งบุคลิกนิ่งๆ แข็งๆ เป็นทุนเดิม ระรันตาก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ทหารที่เหลือก็เข้าแถวรอรับอาหารเช้าอย่างสงบ ไม่มีเสียงพูดคุยสักแอะผิดกับเมื่อครู่ ทหารหนุ่มยืนคุมเชิงไม่ขยับไปไหนจนกระทั่งแถวทหารหมดลงจึงเดินเข้ามาหานาง
“ระรันตา เจ้าช่วยจัดอาหารเช้าไปให้ข้าที่กระโจมสักชุดได้ไหม”
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **