ทดลองอ่าน Sicily...ที่นี้มีรัก : ตอนที่ 20

 

 

ตอนที่ 20

 

 

ในงานนี้ ระรันตาประจำซุ้มอาหารที่เรือนโภชนายกครัวมาทำกับข้าวกับปลาบริเวณลานกว้าง ง่ายต่อการดูแลสำรับและเครื่องดื่มหลากหลายรายการ ขณะที่นางง่วนจัดอาหารนานันก็เดินมาบอกว่าท่านแม่ทัพตามตัวนาง นานันจึงให้ยกกาแฟไปเสิร์ฟด้วย

แต่ระรันตาไม่คาดคิดว่าระหว่างทางจะพบกับเชลาลุส ไม่พบเปล่าแต่กลับต้องเห็นฉากพลอดรักของท่านกับชาบี นางตกใจสุดชีวิตจนเผลอทำถาดเกือบหลุดมือ กระนั้นถาดก็เอียงจนถ้วยกาแฟหล่นกับพื้นแตกเป็นเสี่ยง นางรีบเก็บแล้วก้มหน้างุดออกมากลัวจะถูกว่าที่ไปขัดจังหวะเช่นนั้น

“แม่นาง แม่นางระรันตารอข้าก่อน”

เสียงนั้น ท่านเชลาลุส นางไม่รู้ว่าควรหยุดหรือเดินต่อไปดี ความรู้สึกผิดที่พลันไปเห็น กระดาก อาย และความผิดหวังที่ไม่รู้มาจากไหนผุดขึ้นในใจ แล้วทหารหนุ่มก็ก้าวอาดถึงตัวจับแขนนางไว้จนต้องหยุดเดิน

“ระรันตา เจ้าฟังข้าก่อน”

“เอ่อ...ข้า ข้าขอประทานโทษท่าน ข้ามิได้ตั้งใจเข้าไปขัด...ท่าน...เอ่อ ข้าจะไม่พูดสิ่งใด...ท่านอย่าลงโทษข้าเลย” นางเอ่ยอย่างกลัวเกรงความผิด

เชลาลุสดึงถาดจากมือนางวางลงกับพื้น แล้วจับแขนงามเสลาทั้งสองข้างมั่นก้มลงมองขณะที่ระรันตาหลบตา “เจ้าเป็นอะไรไป ลงโทษ ข้าจะลงโทษเจ้าทำไม เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

นางเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีน้ำตาลทรงเสน่ห์ที่อยู่ใกล้เหลือเกิน “ข...ข้า ไม่รู้กาลเทศะ”

ทหารหนุ่มเลิกคิ้ว “เจ้าพูดอะไร”

ระรันตาตัวแข็งไม่กล้าขยับเมื่อเขาเชยคางนาง “ข้าต้องการบอกกับเจ้าต่างหากว่า เมื่อครู่ที่เจ้าเห็นมิใช่อย่างที่เจ้าเข้าใจ ข้ากับชาบีมิได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน”

นางกลอกตาหลบใบหน้าคมคายที่โน้มเข้ามาชิดใกล้เหลือเกิน ลมหายใจที่ปนกลิ่นเมรัยคลุ้ง “ท...ท่านบอกข้าทำไม”

เชลาลุสเลื่อนมือประคองแก้มนางบังคับให้สบตากัน “เพราะข้าไม่ต้องการให้เจ้าเข้าใจข้าผิดไป”

“ไม่...ไม่เกี่ยวกับข้าสักนิด” นางตอบอึกอัก

ยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าของเขาทำให้หัวใจนางสั่น ยิ่งคำพูดที่ตามมาทำแก้มนางร้อนผ่าว

“จงจำไว้ ผู้หญิงที่อยู่ในสายตาข้ามีเพียงคนเดียว...คือเจ้า”

สัมผัสจุมพิตเบาบางบนหน้าผากก่อนร่างกำยำจะผละออก ก้มลงหยิบถาดให้แล้วเอ่ย

“ไปเก็บที่เรือนโภชนาใช่ไหม ข้าจักเดินไปเป็นเพื่อน ข้าอยากได้กาแฟแก่ๆ สักถ้วยด้วยจะได้หรือไม่”

นางมิกล้าเอ่ยอันใด ใจคอเต้นไม่เป็นส่ำ กายสาวยังแผ่วผ่าวด้วยความรู้สึกประหลาดล้ำ

เรือนโภชนาปิดเงียบไม่มีใครอยู่ ระรันตายื่นกาแฟหอมกรุ่นในถ้วยดินเผาให้แก่เขาที่นั่งรอตรงชานมุมหนึ่ง

“ขอบใจมาก นั่งสิเจ้า” เขาวางมือยังที่ว่างข้างๆ

ระรันตาเว้นระยะให้เหมาะสม นางพยายามนั่งนิ่งแต่เหมือนว่าอะไรๆ มันตื่นไปหมดในตัว เหลือบมองเขาจิบกาแฟช้าๆ แล้ววางถ้วยลง ดวงตาทหารหนุ่มที่มองนางวันนี้แดงเรื่อ แววตามีประกายวิบวับผิดไปจากวันอื่น กลิ่นเมรัยผสมกับเหงื่อกายบุรุษยิ่งทำนางประหม่า

“อีกไม่กี่ราตรี พวกเราต้องย้ายค่ายแล้วเจ้ารู้หรือยัง”

“ย้ายค่าย! ไปที่แห่งใดกัน” นางตกใจ หากที่กังวลคือไปไกลเมืองบ้านเกิดอย่างเมสซานา

“เราจะมุ่งหน้าลงใต้ เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม” น้ำเสียงและนัยน์ตาของเขาที่มองมาอ่อนโยน 

“แล้วค่ายแห่งนี้ล่ะเจ้าคะ”

“เราจะเผาทิ้ง”

“อะไรนะเจ้าคะ เผาทิ้ง!” นางตกใจไม่น้อย ค่ายที่เหล่าทหารเพียรสร้างมากับมือด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย

เชลาลุสยิ้มอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ถูกต้อง เมื่อเราย้ายค่ายใหม่ เราต้องเผาค่ายเก่าทิ้งเสมอ เพื่อมิให้ใครมาใช้ประโยชน์จากค่ายของเราได้”

หญิงสาวนิ่งงันกับคำบอกกล่าว ไม่รู้ตัวว่าร่างใหญ่เขยิบเข้ามาจนชิดใกล้

“เจ้าลำบากหน่อยนะต้องมาอยู่ในค่ายทหาร แล้วยังต้องย้ายไปเรื่อยๆ ตามสมรภูมิรบเช่นนี้”

นางสั่นศีรษะ “แค่นี้ก็ถือเป็นพระคุณหาใดเทียบ ยิ่งท่านช่วยชีวิตข้าวันนั้น และกรุณาให้ข้าอยู่ในค่ายแห่งโรมอย่างสุขสบาย ข้าก็มิรู้จักตอบแทนคุณท่านอย่างไรจริงๆ” นางค้อมกายอย่างนอบน้อม

เชลาลุสวางมือลงบนแขนนาง เอียงหน้าเข้ามาชิดจนได้กลิ่นน้ำเมา “ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้ายินดี และเต็มใจที่ได้ช่วยเหลือเจ้า อย่าได้ถือเป็นบุญคุณเลย”

ระรันตาเก้อเขิน ยิ่งดวงตาคมมองอยู่แต่ใบหน้านาง มือสากดันคางมนขึ้น ประกายวิบวับในดวงตาทหารหนุ่มคล้ายหยอกเอิน 

“ระรันตา เจ้าช่างงามนัก”

เสียงเขาแผ่วเบาขณะที่ใบหน้าโน้มเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ระรันตาประหวั่นในหัวใจ กลิ่นเมรัยอวลรอบร่างกำยำ นางกำลังจะเบือนหน้าออก แต่ช้าเกินไป...ริมฝีปากของเขาประทับลงปิดสนิทแนบแน่นบนริมฝีปากนาง

มือแกร่งที่ควงคบเมื่อครู่บัดนี้ตรึงใบหน้านวลไว้ หากสัมผัสอ่อนโยน ระรันตาจะหันหนีแต่รสจูบอันรัญจวนที่เชลาลุสมอบทำให้ต้องหลับตาลง เขาลิ้มชิมและพาให้นางต้องตามจุมพิตอันดูดดื่มนั้นไปเอง แรงต้านทานมลายหายเสียเฉยๆ ร่างกายอ่อนยวบหัวหมุนดั่งใบไม้ลอยกลางลมไร้ทิศทาง ยิ่งเขาเอื้อมวงแขนกระหวัดเอวบางรัดรึงให้ลำตัวเบียดชิดกัน ระรันตาก็ผ่าวร้อนไปทั้งตัว

เชลาลุสยังเคลื่อนมืออีกข้างหนึ่งละไล้ต้นคอพร้อมบดขยี้ริมฝีปากนางหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเห็นดาวพร่างพราวฟ้าแม้หลับตาสนิท มือที่อยากผลักไสกลับสั่นระริกเอื้อมโอบบ่าหนาอย่างไม่รู้ตัว สัมผัสร่างกำยำเอนทาบจนนางต้องนอนราบลง

ดาวพราวฟ้าหายไปแทนที่ด้วยพายุโหมกระหน่ำ เมื่อไอร้อนรุ่มจากกายหนาหนั่นบดเบียดบนทรวงสาว นางหายใจไม่ทันปานจะหอบ เมื่อเขาละริมฝีปากนางก็ได้ยินเสียงหอบแรงของทหารหนุ่มเช่นกัน ระรันตาร้องห้ามแต่เสียงกลับกลืนหายเมื่อเชลาลุสขบซอกคอระหงอย่างสำรวจเล่นไล่จนถึงเนินอก

“ท...ท่าน...”

ความร้อนและความทรมานอย่างไม่เคยพานพบผสมปนเปจนตัวสั่นสะท้าน นางปะป่ายมือไปบนอกแกร่ง ยิ่งสัมผัสกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ของเขาก็ให้เหมือนเนื้อตัวถูกไฟโหม ทหารหนุ่มเองก็คงดำดิ่งลงสู่ใจกลางพายุสิเน่หาไม่ยอมรับรู้สิ่งใด

เมื่อลิ้นฉ่ำกลิ่นเมรัยดูดดื่มน้ำหวานจากเกสรที่ตั้งยอดอย่างสำราญก็ทำระรันตาแทบขาดใจ นางครางเสียงขาดห้วง

“ท...ท่าน...อ...อย่า”

เชลาลุสไม่ได้ยินหรือไม่ก็ไม่อาจรับรู้สิ่งอื่นใดๆ แล้ว มืออันกระด้างเคล้นคลึงบนอกหยุ่นทำนางจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขา กายสาวดิ้นเร่าอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ คล้ายจะแอ่นหงายรับสัมผัสทั้งๆ ที่ในใจต้องการหลีกหนี แต่ละครั้งที่กายบุรุษอันเปี่ยมไปด้วยพละกำลังเคลื่อนบนตัวนางเปรียบหัวเชื้อเพลิงที่จุดไฟให้สว่างวาบในเรือนกาย

ภายในเรือนโภชนาที่เงียบสงบบัดนี้มีแต่เสียงหอบของทั้งสอง และเมื่อเชลาลุสเลื่อนมือลงสำรวจกลีบดอกไม้อันบริสุทธิ์ระรันตาก็ร้องครางพลางปัดป่ายมือไปบนตั่งอย่างไร้จุดหมาย จนปลายนิ้วถูกถ้วยกาแฟอย่างจังกลิ้งหลุนๆ ไปบนชานไม้ ตามด้วยเสียง

เพล้ง!

เสียงนั้นดั่งสัญญาณเตือนสติให้เชลาลุสหยุดการเคลื่อนไหวแล้วค่อยๆ ยันกายลุกออกจากตัวนาง เสียงเขาหายใจแรงยังได้ยิน ลมหายใจอุ่นปนกลิ่นเหล้ายังสัมผัสได้ ระรันตาเองก็หอบแรงไม่แพ้กัน เนื้อตัวอ่อนระทวยลุกไม่ขึ้นจนเชลาลุสต้องประคองนั่ง นางรีบดึงผ้าคลุมที่ถูกเลิกออกปิดทรวงตามเดิม รอยผ้ายับยู่เห็นได้ชัด นางก้มหน้ามิกล้ามองเขา ร้อนผ่าวๆ ไปทั้งตัว ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเองเมื่อรู้สึกว่าบวมตึง

เชลาลุสจับมือนางไปกุม แล้วใช้นิ้วของตัวเองไล้ริมฝีปากนางแทนเบาๆ

“ข้าขอโทษระรันตา ริมฝีปากงามของเจ้าช้ำเพราะข้าแท้ๆ เชียว”

นางหันหนี หากทหารหนุ่มกระซิบข้างหู

“ข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ เจ้างามเหลือเกิน บริสุทธิ์ผุดผ่องไปทุกส่วนสัด อย่าว่าข้าเลยนะ เห็นทีข้าคงต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องโดยเร็ว มิเช่นนั้นข้าคงขาดใจตายเพราะแรงปรารถนาต่อเจ้าก่อนได้ไปออกศึกเป็นแน่”

“ท่าน!”

----------

หลังส่งนางถึงกระโจมพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชลาลุสก็เดินตามทางเพื่อกลับไปร่วมพูดคุยกับท่านแม่ทัพต่อ แต่จู่ๆ เขาก็หยุดเดินกลางคัน ผินหน้าไปมองด้านหลังพลางเรียกเสียงดัง 

“ชาบี!”

ประสาทสัมผัสของทหารหาญแห่งโรมไวต่อทุกเสียง ทั้งยังแยกแยะฝีเท้าของใครๆ ได้อย่างหาตัวจับยาก นางชาบีแอบสะกดรอยตามตั้งแต่หน้ากระโจมระรันตา ทำไมเขาจะไม่รู้

“เอ่อ...ข้า...” ชาบีทำหน้าสำนึกผิด หากดูอย่างไรก็เสแสร้ง

เชลาลุสมองด้วยดวงตาวาวโรจน์ เสียงถามห้วน “เจ้ายังกล้าตามข้ามาอีกหรือ!”  

“ท่านจงใจ มิให้แม่นางระรันตาพบท่านแม่ทัพ” ชาบีกล่าว แววตาดั่งจงอางหวงของระคนประหวั่นใจ

เชลาลุสหรี่ตา “แล้วเหตุใด นางต้องพบกับท่านด้วย”

“ท่านแม่ทัพต้องการตัวนาง” ชาบีต่อคำ

เขายกมุมปากขึ้นอย่างท้าทาย “มิมีคำพูดใดในวาจาท่านหมายความเยี่ยงนั้น เจ้าอย่าได้บิดเบือน”

ชาบีขบฟัน ดวงตาถมึงทึง เสียงเอ่ยแข็งกร้าวอย่างลืมความเกรงกลัวที่มีต่อเขา “ท่านคิดเยี่ยงไรกับนางกันแน่ ท่านเชลาลุส ถึงได้ปกป้องนางถึงเพียงนี้”

“เรื่องส่วนตัวของข้า ข้ามิมีความจำเป็นต้องตอบเจ้า” เชลาลุสเบ้ปากแล้วเดินหนี

“ท่านหลงนางเชลยจากเมสซานาผู้นี้อย่างนั้นรึ” ชาบีตะโกนไล่หลัง

“หุบปากของเจ้าซะ ชาบี!” เชลาลุสหันมาสวนทันควันด้วยน้ำเสียงกร้าวจนชาบีสะดุ้ง นางน้ำตาคลอแล้วพูดเสียงสั่นเครือ

“ท่านรับปากกับพ่อข้า ว่าจะดูแลข้า” นางยังคงอ้างเรื่องเดิมในมุมความคิดที่ฝังใจนาง ยากจะทำความเข้าใจ นั่นทำให้เขาทอดถอนใจ น้ำเสียงอ่อนลงอย่างระอา

“เจ้าไม่เข้าใจความหมายที่ข้าพยายามบอกกล่าวเลยอย่างนั้นสิ”

ชาบีส่งสายตาอ้อนวอน “ใช่ ข้าไม่เข้าใจ ไม่มีวันเข้าใจ ในเมื่อพ่อข้าเอ่ยวาจาแก่ท่านก่อนลมหายใจสุดท้าย ก่อนกายจะลาจากโลกนี้ไป แล้วท่านก็รับปากมั่นเหมาะ ชีวิตข้าเป็นของท่าน ทั้งตัวข้าคือของท่าน ท่านเชลาลุส”

ทหารหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น “เจ้ากำลังเข้าใจอะไรผิดไปนะชาบี”

“ข้าเข้าใจอะไรผิด” นางปาดน้ำตา เสียงแข็งอีกครั้ง “เพราะนางจากเมสซานา ทำให้ท่านทิ้งขว้างข้า”

เขาส่ายหน้า “ชาบี ข้ามิเคยมีใจผูกพันต่อเจ้า และทั้งนี้มิได้เกี่ยวข้องใดๆ กับแม่นางระรันตา แม้ไม่มีนาง ข้าก็เห็นเจ้าเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง มิมีวันเป็นอื่นใดไปมากกว่านั้น ขอให้เจ้าจงจำไว้”

เขาเดินออกไปทันทีที่กล่าวจบ ทว่าชาบีกลับถลันมากอด “ไม่นะท่าน! ท่านพ่อยกข้าให้ท่านแล้ว ตัวข้าเป็นของท่าน ข้ารักท่าน”

“หยุดนะเจ้า!!” เชลาลุสตวาดกร้าวดึงมือชาบีออก

ชาบีลงนั่งกับพื้นร้องไห้ฟูมฟาย “ท่านเชลาลุส ข้ารักท่าน”

“ชาบี! ฟังนะ อย่ากระทำกิริยากับข้าเยี่ยงนี้อีก มิเช่นนั้นครั้งหน้า เจ้าจักโดนลงโทษ!”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com