เมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ความมืดโรยตัวเข้าปกคลุมทุกสรรพสิ่ง กองไฟใหญ่ก็ถูกจุดขึ้นที่ลานกลางค่าย กำลังพลจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อร่วมงานฉลองชัยชนะศึกเมืองเมสซานา และต่างเฝ้ารอชมการแสดงอันสำคัญในค่ำคืนนี้
แม่ทัพคลอดิอุสพร้อมด้วยเหล่าขุนพลเดินเข้ามากลางลาน ทำให้ระรันตาที่ยืนอยู่มุมหนึ่งบริเวณครัวสนามพร้อมแม่บ้านหลายคนได้เห็นเชลาลุสอีกครั้ง นางตื่นตาเมื่อเขาอยู่ในชุดนักรบดูงามสง่าอย่างที่นางคงไม่กล้าเดินเคียงใกล้หากเขาแต่งกายเช่นนี้เมื่อบ่ายที่พานางกลับไปยังหมู่บ้านเดิม
ใบหน้าของเชลาลุสนิ่ง เรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดอย่างให้ความเคารพกับช่วงเวลาสำคัญ เสียงผู้คนที่ดังจ้อกแจ้กหยุดลงทันใดที่ท่านแม่ทัพก้าวขึ้นบนปะรำไม้ ร่างกำยำในชุดเกราะหนังของท่านต้องเปลวเพลิงให้สีทองอร่ามเด่นขึ้นกลางลาน เสียงทรงพลังกังวาน
“เหล่าพี่น้องแห่งกองทัพโรม ข้ามีความยินดียิ่งนักที่เราได้มารวมตัวกันในค่ำคืนนี้ เพื่อร่วมฉลองชัย เพื่อความสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ข้าขอขอบคุณทุกคน ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ได้สู้อย่างไม่คิดชีวิต”
ถ้วยใส่น้ำเมรัยถูกแจกจ่ายแก่เหล่าทหารกล้า เมรัยนี้ดองอยู่ในไหเก็บในเรือนแยกต่างหากด้านหลังโรงครัว ผสมจากเหล้าหลายชนิดทำให้ได้น้ำเมาดีกรีแรง เมรัยยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เป็นน้ำร่วมสาบานให้ทหารทุกนายรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว
ท่านแม่ทัพชูถ้วยขึ้นสูงกล่าวเสียงหนักแน่น
“ทหารหาญของข้า ได้เวลาที่เราจะร่วมดื่มพร้อมกัน เพื่อเป็นสัญญาว่าเราจะผนึกกำลังเป็นปึกแผ่น พร้อมรบในทุกสมรภูมิ ขณะนี้ไซราคิวส์เร่งเสริมกองกำลังเพื่อเข้าปะทะกับเรา และกองกำลังคาร์เธจเองก็รวบรวมพลอยู่ เราคงจะได้เปิดศึกกับคาร์เธจอีกครั้งในไม่ช้า ฉะนั้น กองทัพแห่งโรมผู้ไม่เคยปราชัย จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เราจะรบและสู้ในทุกศึกอย่างไม่มีวันย่อท้อ ให้ศัตรูได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่และเกรียงไกรของพวกเราชาวโรมัน
กองทัพแห่งโรม เราจะรุกรบด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี และจำเอาไว้เพื่อนพ้องทุกท่าน เราจะต้องสู้เพื่อชัยชนะเท่านั้น เพื่อโรมของเรา เพื่อโรมของเรา”
เสียงขานรับกระหึ่มสะท้อนก้อง ระรันตาขนลุก บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์นัก หลอมรวมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งอย่างแท้จริง นางมองเขา...ทหารเอกแห่งโรม ยืนเยื้องหลังท่านแม่ทัพ เชลาลุสสีหน้าจริงจัง เปล่งเสียงขานรับเต็มที่ ดวงตามากเสน่ห์มองตรงไปเบื้องหน้าอย่างมาดมั่น เขายกถ้วยเมรัยขึ้นสูงก่อนจะดื่มรวดเดียว
และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง การแสดงพิเศษของเหล่าทหารที่เปรียบเสมือนตัวแทนความกล้าทั้งปวง นี้คือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่สืบมาช้านาน
การควงคบเพลิงเริ่มขึ้น ผู้แสดงไล่ลำดับชั้นยศตั้งแต่พลทหารไปสู่นายทหารยศสูงขึ้นเรื่อยๆ และรอบที่ทุกคนต่างตั้งตารอคือ รอบสุดท้าย...รอบของขุนพลระดับผู้บังคับบัญชา
กองฟืนกลางลานถูกเติมเพื่อให้ไฟโชติช่วง ระรันตาเห็นชายร่างกำยำห้าหกคน มีผ้าพันรอบเอวพร้อมผืนหนังแผ่นใหญ่ห้อยประดับด้านหน้า มีหนังเส้นเล็กๆ โดยรอบ ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่าเห็นอกกำยำทาน้ำมันจนเป็นเลื่อม ในมือทุกคนถือคบเพลิงขนาดใหญ่เปลวไฟลุกโชนทั้งสองด้าน ต่างยืนประจำจุดรอบกองไฟ
เสียงกลองดังหนักแน่นเป็นจังหวะปลุกใจ ทหารหาญเริ่มควงคบเพลิง หมุนซ้ายและขวาอย่างละครึ่งรอบ จังหวะกลองรัวการควงเริ่มครบรอบและหมุนเร็วขึ้น จากนั้นยกคบสูงเหนือหัว หมุนควงหลายรอบต่อเนื่องรวดเร็ว เสียงกลองเร่งเร้ายิ่งขึ้น ท่าการควงคบยากและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ระรันตามองเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น เชลาลุสควงคบสลับมือและส่งผ่านหน้าหลังอย่างสวยงามปนหวาดเสียว นางลุ้นอย่างใจจดจ่อไปด้วยกับทุกท่วงท่า ทหารหนุ่มควงคบได้งามสง่าสมคำร่ำลือจริงๆ
เสียงกลองระรัวเร็วจนแทบไม่ต้องหยุดหายใจ ความว่องไวในการควงมากขึ้นๆ จนเห็นแสงไฟสีส้มจากปลายคบเป็นสาย ผู้ร่วมควงคนอื่นต่างหยุดยืนนิ่งแล้ว เหลือเชลาลุสแสดงต่อเพียงผู้เดียว
เขาโยนคบขึ้นสูง เอื้อมมือรับในยามที่คบตกลงมา ระรันตากลั้นใจยกมือขึ้นปิดปากด้วยความระทึกยิ่ง เขายังคงโยนและรับคบอยู่หลายรอบไม่มีพลาด ควงซ้ายขวาสลับมือไปมารวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน สุดท้ายจบเข้าจังหวะกลองด้วยการโยนขึ้นสูงสุดและรับด้วยมือข้างเดียวยกค้างไว้งดงาม
เสียงปรบมือกราวดังอยู่นานทีเดียว ระรันตามองเขานิ่งงัน เชลาลุสงามสง่าน่าเกรงขามยิ่ง เขาคือเทพบุตรจำแลงอย่างแท้จริง
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **