เฮียเพ้งเดินตรงไปยังโต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของร้านก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ดูท่าจะนั่งไม่สบายสักเท่าไร แล้วเปิดลิ้นชักหยิบตะกร้าที่เต็มไปด้วยเหรียญห้าเหรียญสิบขึ้นมาพลางอธิบาย
“อันนี้เป็นเหรียญเอาไว้ให้ลูกค้าแลกไว้หยอดเครื่องซักผ้า เฮียจะใส่เงินไว้ทุกเช้า นับทุกบาททุกสตางค์อย่าคิดเม้ม ส่วนเงินที่ลูกค้าเอามาแลกให้แยกไว้อีกเก๊ะ พอเฮียกลับมามืดๆ จะกลับมาทำบัญชีเอง เอ้านี่...กุญแจเก๊ะ” เฮียเพ้งส่งกุญแจให้กับพนักงานใหม่ที่ยังทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่างงในสิ่งที่เฮียเจ้าของร้านซักผ้าบอกหรือว่างงเพราะยังไม่สร่างเมาดี “...แล้วจะเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ให้มันเริ่มวันนี้เลยครับเฮีย” ทินที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในร้านตัดสินใจแทนเพื่อน อีกฝ่ายถึงกับหันขวับอยากจะท้วง แต่ก็ไม่ทันแล้ว
“ดี งั้นเดี๋ยวเฮียพาขึ้นไปดูห้องพัก อยู่ที่นี่กับเฮียมีที่นอน น้ำ ไฟ เล่นเน็ตฟรี แต่เรื่องกินต้องหาเอาเองนะ เฮียไม่มีเวลามาประเคนให้หรอก ไป” ว่าแล้วเฮียเจ้าของร้านก็เดินนำคมสันไปอีกด้านหนึ่งของร้าน
คมสันไม่ได้เดินตามเฮียเพ้งไปทันที ชายหนุ่มสบโอกาสนั้นหันมาถลึงตาใส่เพื่อน “ไอ้เหี้ยทิน! ใจคอมึงจะไม่ให้กูกลับไปตั้งหลักสักวันสองวันเลยเหรอ”
“จะตั้งหลักเหี้ยอะไรอีก กลับไปมึงก็แดกแต่เบียร์ เริ่มงานมันวันนี้เลยนี่แหละ หักดิบมันไปเลย ไปๆ เฮียเพ้งเดินไปโน่นแล้ว”
ทินกอดคอเพื่อนรักแล้วดันตัวให้เดินไป แต่แล้วคมสันก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ที่ขาของเขา เมื่อก้มมองจึงเห็นแมวสีขาวสะอาดมาคลอเคลียราวกับว่าต้องการทำความรู้จักกับพนักงานใหม่ ทินที่เห็นเพื่อนชะงักก็มองตาม แล้วจึงยิ้มออกมา
“อ๋อ เจ้าสำลีน่ะ มันเป็นแมวจรแถวนี้แหละ ชอบประจบคนไปทั่ว แต่เฮียแกเอ็นดูให้ข้าวให้น้ำเรื่อย มันเลยมาเล่นแถวนี้บ่อยๆ พอเจ็บป่วยก็พาไปหาหมอ แต่แปลกไหม เฮียแกบอกว่าไม่ใช่แมวแก แกไม่ได้เลี้ยง แต่ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ” คนเล่าหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ทำไมวะ” คนเป็นเพื่อนถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ใช่พวก ‘Pet Lover’ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ
“ก็ตอนวัยรุ่นเฮียเคยเลี้ยงแมว แล้วแมวถูกรถชนตาย แกเสียใจมาก คงฝังใจไม่อยากผูกพันกับสัตว์ตัวไหนอีก แค่มีเมตตาให้ก็พอ” แม้ไม่เคยฟังเหตุผลจากปากจริงๆ ของเฮียเพ้ง แต่ทินก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุผลนั้น...ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่ชั้นประถม เห็นเฮียเพ้งแกร้องห่มร้องไห้ไม่กินข้าวกินปลาตั้งหลายวัน
“เอ้า...มัวแต่คุยอะไรกันอยู่ ขึ้นมาได้แล้ว เฮียจะได้ออกไปทำธุระ!”
เสียงของเฮียเพ้งตะโกนมาจากชั้นสองของร้าน ทินกับคมสันมองหน้ากันแล้วก็รีบขึ้นบันไดไปทันที
“ไปแล้วเฮีย แหม...ช้านิดช้าหน่อยก็ไม่ได้ วัยทอง!”
----------
บนชั้นสองของร้านซักผ้า ห้องที่เฮียเพ้งพาเข้ามาเป็นห้องโล่งๆ แต่จะว่าโล่งก็ไม่ถูกนัก เพราะทางด้านหนึ่งนั้นมีพวกลังผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มที่รอเอาลงไปข้างล่างตั้งวางอยู่ เจ้าของร้านเปิดหน้าต่างกระจกออกกว้างเพื่อให้อากาศถ่ายเทแล้วบอก
“ห้องไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่แคบจนถึงขั้นอยู่ไม่ได้หรอก แอร์ก็มี แต่ไม่มีเตียงนะ มีเป็นที่นอนปิกนิกให้ นอนได้ไหมล่ะ” คำถามนั้นคนเป็นพนักงานใหม่กำลังจะตอบว่า ‘ไม่ได้ครับ...ปวดหลัง’ แต่เพื่อนรักกลับชิงตอบตัดหน้าว่า
“สบายมากเฮีย ไอ้นี่กินกลางดินนอนกลางทรายก็ยังได้”
“เดี๋ยวๆ!” คมสันทำท่าจะท้วงเพื่อน แต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ของเฮียเพ้งดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นชื่อคนโทร.มาเท่านั้น ชายเจ้าของร้านก็รีบหันมาพูดกับสองหนุ่มเร็วๆ
“เดี๋ยวเฮียต้องไปธุระแล้ว จัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยนะ อ้อ...ไอ้ทิน แกก็บอกหน้าที่ของเพื่อนที่ต้องทำไปคร่าวๆ ก่อน เดี๋ยวมืดๆ เฮียกลับมาดูอีกที” ว่าแล้วเฮียเพ้งก็รีบเดินออกไป ปล่อยให้ทินกับคมสันอยู่กันตามลำพัง
พนักงานใหม่หันมาถลึงตาใส่เพื่อนอีกรอบแล้วโวยวายทันที
“ไอ้เหี้ยทิน! กูไม่ชอบนอนพื้น มึงก็รู้”
“เออน่า นอนๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเองแหละ ไว้ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวกูคุยกับเฮียให้ งั้นรอกูแป๊บนะ ไปเอาไม้กวาดกับไม้ถูพื้นก่อน” ทินรีบบอกแล้วก็ออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าของห้องคนใหม่สำรวจนั่นนี่ตามลำพัง
คมสันเดินไปที่หน้าต่างห้อง มองออกไปเห็นตึกแถวอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน มีผู้คนเดินไปมาแต่ไม่จอแจวุ่นวายมากมาย สายลมเย็นๆ โชยพัดเข้ามาในห้องจนทำให้กลิ่นอับนั้นค่อยทุเลาลง
“ว่าไงสำลี หิวไหม”
เสียงของใครบางคนดังมาจากนอกร้านข้างล่างซึ่งตรงกับหน้าต่างห้องของคมสันพอดี ชายหนุ่มก้มมองเห็นเด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง ดูจากชุดแล้วน่าจะเรียนอยู่มัธยมปลายเพราะตัดผมทรงรองทรงสูง หน้าตายิ้มแย้มสดใสดูเป็นเด็กใจดี กำลังเล่นกับแมวสีขาวตัวนั้นอย่างคุ้นเคย
ไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาบนชั้นสองของร้าน ประสานสายตากับชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ เด็กหนุ่มยิ้มให้คมสันอย่างเป็นมิตรแล้วพยักหน้าเล็กๆ เป็นเชิงทักทาย แต่คมสันไม่มีกะจิตกะใจจะมาทำความรู้จักกับใครในเวลานี้ เขาจึงทำสีหน้าเฉยเมยแล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเจ้าสำลีต่อ
“สำลี พี่กลับบ้านก่อนนะ ไว้เดี๋ยวมาเล่นด้วยใหม่” เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากพื้น แอบเงยหน้ามองขึ้นไปบนชั้นสองของร้านอีกครั้งแล้วยิ้ม
ใครกันนะ น่ารักจัง ถ้ายิ้มเสียหน่อยคงน่ารักกว่านี้...
วันนี้ไม่ยิ้มให้ไม่เป็นไร สักวันเขาคงจะต้องยิ้มให้กันบ้างแหละน่า...
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **