“Nutty Crispy Tower กับ Frosted Choc Malt Fantasy ได้แล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ”
พนักงานสาวนำไอศกรีมสองถ้วยมาเสิร์ฟให้กับชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะตัวในสุดริมหน้าต่างบานใสที่เปิดกว้าง ทำให้เห็นบรรยากาศภายนอกในวันฟ้าใส หายใจมองไอศกรีมตรงหน้าแล้วยิ้มกว้างก่อนจะตักมันขึ้นมาชิมแล้วทำตาโต
“หืม...อร่อยมากเลยครับพี่คม”
“อร่อยก็กินเยอะๆ ไม่อิ่มเบิลได้เลยนะ แทนคำขอโทษที่พี่ทำไม่ดีกับนาย ถึงนายจะบอกว่าไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่พี่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี” คมสันพูดจากใจจริงๆ ซึ่งคนฟังเองก็รับรู้ได้ หายใจรู้ดีว่าถึงเขาจะบอกว่า ‘ไม่เป็นอะไร’ สักกี่ครั้ง พี่คมของเขาก็คงยังยืนยันที่จะให้มัน ‘เป็นอะไร’ อยู่ดี ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลิกที่จะพูดคำนั้นแล้วเปลี่ยนเป็น...
“ขอบคุณครับ”
คนที่พามาเลี้ยงจึงยิ้มได้ ก่อนจะหันมาสนใจของตัวเองบ้าง คมสันหยิบเชอร์รีบนยอดไอศกรีมออก ทำท่าเหมือนจะทิ้งมันเสีย หายใจเห็นเช่นนั้นก็รีบร้องห้ามเสียงหลงราวกับเขากำลังทำสิ่งที่ผิดมหันต์
“พี่คม! พี่จะทำอะไรครับ!”
“ตกใจหมด เสียงดังทำไม พี่ก็แค่จะทิ้งเชอร์รี ไม่ชอบกินน่ะ รสชาติมันแปลกๆ” ชายหนุ่มบอก ทุกครั้งที่เขามากินไอศกรีมร้านนี้ ก็จะทิ้งเชอร์รีทุกครั้ง เพราะไม่ค่อยถูกปากกับผลไม้ชนิดนี้
“หูย...ทิ้งได้ยังไงครับพี่ นี่คือของเด็ดของดีไฮไลต์เลยนะครับ ถ้าพี่ไม่กิน ผมขอนะ” ไม่พูดเปล่า หายใจลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วโน้มตัวมาหาอีกฝ่าย ใช้ปากงับเชอร์รีในมือของคมสันอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มแก้มตุ่ย ตานั้นเป็นประกายมีความสุขที่ได้กินเชอร์รีลูกนั้นราวกับมันเป็นอาหารวิเศษจากสรวงสวรรค์ คมสันเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าหัวเราะก่อนจะหันไปกวักมือเรียกพนักงานสาว
“น้องครับ ขอเชอร์รีเปล่าๆ มาถ้วยหนึ่งเลยครับ”
“ไม่ต้องพี่คม ผมเกรงใจ” หายใจรีบบอกรีบกลืนเชอร์รีลงคอ
“ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง กินได้เต็มที่เลย ทีนายยังเลี้ยงชานมพี่ตั้งหลายแก้ว” คมสันว่ายิ้มๆ
“งั้น...ขอบคุณนะครับ” หายใจเอ่ยคำนั้นอีกครั้งแล้วยกมือไหว้รุ่นพี่
คมสันพยักหน้ารับแล้วมองเด็กหนุ่มกินไอศกรีมด้วยความชื่นใจและอิ่มใจ มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วตั้งแต่ฟ้าใสทิ้งเขาไป น่าแปลกที่ตอนนี้ความรู้สึกเฮิร์ตนั้นช่างเบาบางลงจนแทบไม่รู้สึกเลย อาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘หายใจ’ คนนี้หรือเปล่า?
----------
เกิดมาใช่ว่าจะไม่เคยกินไอศกรีมร้านนี้เสียเมื่อไหร่ หายใจเคยกินมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงอร่อยและรู้สึกพิเศษกว่าวันอื่นๆ พิเศษจนเด็กหนุ่มอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะคนที่พามาหรือเปล่า หายใจเดินคู่กับคมสัน แอบมองเขาอยู่บ่อยครั้งด้วยหัวใจที่เต้นแรง แอบยิ้มเวลาที่เห็นคมสันยิ้ม...ไม่รู้สิ เขาชอบเห็นชายคนนี้มีความสุข ไม่อยากเห็นพี่คมเศร้าและอมทุกข์จมอยู่กับเหล้าเบียร์แบบเมื่อวันก่อน
“พี่คมครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับวันนี้นะครับ มันเป็นวันดีๆ วันหนึ่งในชีวิตที่ผมจะไม่ลืมเลย” เด็กหนุ่มบอกความรู้สึกกับรุ่นพี่ เมื่อเดินกันมาจวนจะถึงร้านซักผ้าแล้วเนื่องจากอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับร้านไอศกรีม คมสันนั้นหันมามองแล้วหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“นี่นายพูดขอบคุณพี่จะรอบที่ร้อยแล้วนะ ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ถือเป็นคำขอโทษจากพี่ที่อยากทำให้จริงๆ นายชอบพี่ก็ดีใจ ยิ่งเห็นนายกินเชอร์รีที่พี่สั่งมาให้หมด พี่ยิ่งดีใจนะ” คมสันถือโอกาสแซว ถ้าจำไม่ผิด เขานับเชอร์รีที่เด็กหนุ่มกินไปได้เกือบจะยี่สิบลูก
“แหะๆ วันนี้เป็นวันที่ผมได้กินเชอร์รีเยอะที่สุดเลยครับ ปกติกินแต่ของตัวเอง ไม่ก็ของคนที่ไปด้วยกันบ้างที่เขาไม่ชอบแบบพี่เลยยกให้ แต่นี่ได้กินเต็มๆ จนอิ่มแทนไอศกรีมเลยครับ” เด็กหนุ่มเล่าพลางยิ้มเขิน
“ไว้วันหลังพี่พามากินอีก สบายมาก ว่าแต่วันนี้ออกมาเที่ยวทั้งวัน กลับบ้านอย่าลืมอ่านหนังสือด้วยละ สอบไม่ได้ขึ้นมาจะมาโทษพี่ไม่ได้นะ”
“ครับผม”
หายใจรับปากแล้วยิ้ม คมสันยื่นมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู จังหวะนั้นสายตาของคมสันก็ประสานกับสายตาของหายใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ เด็กหนุ่มตอบสนองสายตาคู่นั้นด้วยการจ้องกลับ ต่างคนต่างเงียบ ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรง แรงเสียจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินว่ามันไม่ปกติ มือของคมสันจากที่ลูบศีรษะของเด็กหนุ่มกลับค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นประคองใบหน้าอันขาวผ่องของหายใจให้เงยขึ้นแล้วยื่นหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้...ใกล้...และใกล้จนแทบจะสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้
“คม!”
เสียงของใครบางคนเรียกชื่อคมสันดังมาจากทางด้านหนึ่งของถนน ทั้งชายหนุ่มและเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันสะดุ้ง รีบผละออกจากกันแล้วหันมองตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่คมสันจะมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อย
“ฟ้าใส!”
หญิงสาวที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนนวิ่งตรงเข้ามากอดอดีตชายคนรักไว้ โดยเผลอชนร่างของหายใจจนเซ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ทันทีที่เจอคมสันเธอก็ร่ำไห้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คม...ฟ้าใสไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลือใครแล้ว ฟ้าใสเพิ่งรู้ว่าไม่มีใครรักฟ้าใสเท่าคมอีกแล้ว”
“เดี๋ยวนะฟ้าใส ใจเย็นๆ ก่อน เกิดอะไรขึ้น” คมสันเอ่ยถามด้วยความงงงวย เมื่อวันก่อนเขาเพิ่งเจอกับหญิงสาว แต่เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าไม่รู้จักเขา แล้วจู่ๆ วันนี้ทำไมมาทำเหมือนเขาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตที่เธอขาดไม่ได้ มันคืออะไร?
หายใจที่ยังยืนอยู่ด้วยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินไปเสียแล้ว เขาจึงค่อยๆ เดินถอยห่างออกมาจากตรงนั้น ปล่อยให้คมสันได้สะสางปัญหาของตัวเอง เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งเขาเป็นบุคคลที่สาม ไม่สมควรอยู่ด้วยให้วุ่นวาย
“เข้าไปนั่งคุยกันในร้านดีกว่าไป” คมสันบอกหญิงสาว เพราะหากยืนคุยกันตรงนี้ใครผ่านมาเห็นจะเข้าใจผิดหาว่าเขาทำร้ายเธอแบบวันนั้นอีก ชายหนุ่มหันไปด้านหลัง จะบอกกับหายใจว่าให้อีกฝ่ายกลับไปพักผ่อนก่อนแต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว พยายามชะเง้อหาไปรอบๆ ก็ไม่เจอ จนเมื่อฟ้าใสร้องไห้หนักขึ้นจึงต้องรีบพาเธอไปที่ร้านของเขา
คมสันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฟ้าใสถึงกล้ามาหาเขา ทั้งๆ ที่วันก่อนยังผลักไสราวกับเกลียดกันเข้าไส้อยู่เลย
----------
แก้วน้ำถูกนำมาวางลงตรงหน้าฟ้าใสที่ตอนนี้หยุดร้องไห้ฟูมฟายแล้ว คมสันค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ หญิงสาวที่นั่งเงียบ ไม่มีทีท่าจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม เขาจำได้ดีว่าฟ้าใสไม่ดื่มน้ำเย็น หญิงสาวชอบดื่มน้ำอุณหภูมิห้องปกติ ซึ่งเขาก็จัดมาให้แบบนั้น ขณะเดียวกันก็กำลังครุ่นคิดว่าจะเริ่มถามสาวเจ้าอย่างไรดี เอาจริงๆ ตอนนี้เขาก็ยังโกรธและเคืองอยู่ที่ฟ้าใสทำกับเขาเมื่อวันก่อนแบบนั้น แต่ไอ้ครั้นจะไล่ไปก็ใจร้ายเกินสำหรับคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเขาจนเจ็บช้ำขนาดไหนก็ตาม
“ไม้ไม่รักฟ้าใสแล้วคม เขาไม่สนใจฟ้าใสแล้ว”
ยังไม่ทันจะเอ่ยถาม คนที่มาหาก็เป็นฝ่ายเปิดปากเล่าออกมาก่อน สิ่งที่ฟ้าใสบอกนั้นทำให้คมสันอยากจะหัวเราะแล้วลุกขึ้นเยาะเย้ยสมน้ำหน้า! แต่ก็ทำไม่ได้...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“นี่คือทะเลาะกับไอ้ไม้มา เลยมาหาเราใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะหึในลำคอ รู้สึกสมเพชตัวเองชอบกลที่มีค่าเป็นเพียงแค่ที่พักใจ ยังจำเสียงที่ฟ้าใสพูดเมื่อวันก่อนว่า ‘ไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่รู้จักเขา’ ได้ขึ้นใจ แผลมันเพิ่งสดๆ ใหม่ๆ ยังไม่ทันได้ล้างแผลด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ จะมาเอาปลาสเตอร์ปิดเพื่อปกปิดแผลทั้งๆ ที่เลือดยังไหลอยู่และบอกว่าหายสนิทดีแล้ว...มันเป็นไปไม่ได้หรอก
“คม...ฟ้าใสขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฟ้าใสเคยทำไม่ดีไว้กับคม คมจะด่าว่าจะทำอะไรฟ้าใสก็ได้ ฟ้าใสยอมรับผิดทุกอย่าง แต่อย่าไล่ฟ้าใสไปไหนเลยนะ ตอนนี้ฟ้าใสไม่มีที่ไปแล้ว ฟ้าใสรู้แล้วว่าไม่มีใครดีเท่าคม” หญิงสาวสะอื้นไห้แล้วเขยิบเข้ามานั่งเสียชิดก่อนจะโอบกอดชายหนุ่มไว้ ด้านคมสันแม้จะไม่ใช่คนใจร้ายแต่ก็ไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนง่ายๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่นานพอควร ชายหนุ่มค่อยๆ จับมือของสาวเจ้าที่โอบเขาไว้ออกก่อนจะเอ่ย
“เราไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ทำอะไรฟ้าทั้งนั้นล่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมกลับไปหาฟ้าหรอกนะ คนเราบางทีมันเจ็บแล้วก็ควรจำ เวลามีดบาดเนื้อถึงแผลจะหายแล้วแต่ก็ยังมีรอยแผลเป็นไว้เตือนใจให้เห็นให้นึกถึง นี่เราเพิ่งเจ็บมาหมาดๆ อยู่ดีๆ จะให้เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เราทำไม่ได้หรอก เราแสดงละครไม่เก่ง”
ชายหนุ่มบอกแล้วเบือนหน้าหนี ฟ้าใสเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ หญิงสาวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอ่ย
“ก็ได้ ฟ้าใสจะไม่มายุ่งกับคมอีกก็ได้ ฟ้าใสเคยคิดนะว่าคมจะเป็นคนที่เข้าใจฟ้าใสมากที่สุด เพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้วไม่ใช่!” พูดจบสาวเจ้าก็เดินตรงไปยังประตูร้านเพื่อที่จะออกไปตามทางของตัวเอง แต่แล้วเมื่อเปิดประตูออกกลับพบสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับต้องการจะซ้ำเติมกัน แต่กระนั้นฟ้าใสก็ไม่หน้าด้านพอจะอยู่ต่อแล้ว ในเมื่อคมสันพูดกับเธอขนาดนั้น เธอยอมวิ่งฝ่าสายฝนออกไปดีกว่าทนอยู่กับอดีตคนรักที่ไม่เห็นค่าเธอแบบนี้
ในขณะที่ฟ้าใสกำลังจะก้าวเท้าออกไปจากร้าน มือของคมสันก็คว้าแขนของสาวเจ้าไว้เสียก่อน
ใช่...เขาไม่ใช่คนใจดีนัก แต่ก็ไม่ใช่คนใจร้ายมากพอที่จะปล่อยให้ฟ้าใสเดินตากฝนออกไปแบบนั้น
“อยู่ที่นี่จนกว่าฝนจะซาก่อนก็ได้”
----------
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นบ่งบอกว่าคืนนี้ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงที่ฟ้าใสกับคมสันต่างพากันนั่งเงียบอยู่กันคนละมุมร้าน ไม่มีประโยคสนทนาใดทั้งสิ้น กระทั่งสุดท้ายฟ้าใสเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียเอง
“ดูท่าฝนคงไม่หยุดง่ายๆ ถ้าอย่างนั้นฟ้าใสไปดีกว่า อยู่แล้วทำให้คมอึดอัดฟ้าใสก็ไม่อยากอยู่ ขอบใจนะ” พูดจบเธอก็ทำท่าจะลุกเดินออกจากร้านไปอีกครั้ง คราวนี้ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงจนฟ้าใสหวีดร้องโผเข้ากอดอดีตชายคนรักด้วยความกลัว ใช่...มันเป็นความกลัวจริงๆ ที่ไม่ใช่การเสแสร้ง คมสันรู้ดี เขาจำได้ว่าฟ้าใสกลัวเสียงฟ้าผ่า และทุกครั้งเขาก็จะต้องคอยอยู่ข้างๆ หญิงสาวเสมอ แม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาสามารถผลักสาวเจ้าออกห่างจากตัวได้แต่คมสันก็ไม่ทำ นั่นเพราะเขาไม่ใจร้ายขนาดนั้น
“สงสัยคืนนี้ฟ้าคงต้องค้างที่นี่แล้วละ”
ฟ้าใสทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับแล้วหลับตาปี๋ทั้งยังกอดคมสันไว้
----------
ในขณะที่ฟ้าใสกอดคมสันด้วยความกลัวอยู่นั้น มีใครบางคนนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาด้วยความกลัวเสียงฟ้าผ่าเหมือนกัน แต่กระนั้นเมื่อหายใจคิดถึงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ก็อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกใจเต้นแรงตอนที่พี่คมเอาหน้าเข้ามาใกล้ อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ...ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
ผู้หญิงที่ชื่อ...ฟ้าใส
** ติดตามเล่มเต็มได้เร็วๆ นี้ **