แม้จะเป็นเช้าวันเสาร์ แต่คมสันก็ต้องตื่นมาเปิดร้านตั้งแต่ตีห้าตามปกติ ชายหนุ่มจะได้หยุดเฉพาะวันจันทร์เท่านั้นที่เฮียเพ้งจะปิดร้าน เพราะฉะนั้นวันจันทร์เขาจะนอนตื่นสายๆ แพลนไว้แล้วว่าจะตื่นมานอน นอนแล้วตื่น ตื่นมาแล้วก็นอนทั้งวันให้หายอยาก ไม่เชื่อคอยดู!
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังกวาดร้านในยามเช้านั้น พลันสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินผ่านหน้าร้าน ใครบางคนที่ทำให้คมสันถึงกับปล่อยไม้กวาดลงพื้นแล้ววิ่งตามไปร้องเรียก ก่อนจะคว้าแขนของหญิงสาวที่กำลังเดินอยู่ริมฟุตพาทไว้
“ฟ้าใส!”
คนที่ถูกเรียกชื่อถึงกับชะงักหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นคมสัน...อดีตชายคนรัก ก็ถึงกับเบิกตาโพลงแล้วเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะมาเจอคมสันที่นี่
“คม!”
“ฟ้าใส เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” ไม่แค่พูด มือที่จับแขนของหญิงสาวนั้นออกแรงดึงด้วยความโมโหและข้องใจในหลายๆ อย่าง คมสันอยากเคลียร์กับอดีตหญิงคนรักถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจ เพราะหลังจากที่ฟ้าใสหายไปจากชีวิต เขาก็ไม่เคยติดต่อหญิงสาวได้อีกเลย ในเมื่อวันนี้มาเจอแล้ว ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้สะสางเสียทีว่าทำไมถึงไปคบกับไอ้ไม้เพื่อนรักของเขาได้ แล้วไปแอบคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผ่านมาคือสวมเขาให้เขามาตลอดเลยใช่ไหม
“ปล่อยนะ ฟ้าใสไม่มีอะไรต้องคุยกับคมอีกแล้ว มันจบแล้วคม ปล่อย...ปล่อย บอกให้ปล่อย!” ฟ้าใสพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือของอีกฝ่าย แต่ทว่าไม่อาจสู้แรงชายหนุ่มได้ คมสันเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขายังยื้อยุดฉุดกระชากฟ้าใสโดยไม่สนเสียงร้องของหญิงสาวที่ดังลั่น
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ เขาจะทำร้ายฉัน ช่วยด้วย!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นจึงตรงเข้ามาต่อยหน้าคมสันจนล้มลงไปกองกับพื้น ฟ้าใสรีบวิ่งไปหลบหลังชายคนนั้น ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ในขณะที่ชายคนนั้นชี้หน้าคมสันด่า
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณมีเรื่องอะไรกัน แต่การใช้กำลังกับผู้หญิงแบบนี้เขาเรียกหน้าตัวเมีย ดีเท่าไรที่ผมไม่เรียกตำรวจมาจัดการ!” พลเมืองดีมองร่างที่นอนอยู่กับพื้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันมาถามสตรีที่ถูกทำร้ายด้วยความเป็นห่วง “คุณบาดเจ็บตรงไหนไหมครับ แล้วรู้จักผู้ชายคนนี้ไหม อยากไปแจ้งความไหมครับ”
ฟ้าใสหันมองคมสันที่มองตรงมายังเธอเช่นกัน อดีตหญิงคนรักตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่รู้จักเขา”
สิ่งที่ฟ้าใสเอ่ยออกมา ทำเอาคมสันเจ็บยิ่งกว่าหมัดที่โดนต่อยเมื่อสักครู่นับร้อยนับพันเท่า ชายหนุ่มประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนพลางมองหน้าของฟ้าใสแล้วเอ่ย
“ใช่...เราไม่รู้จักกัน! เราไม่เคยรู้จักกันเลย!” พูดจบคมสันก็เดินโซซัดโซเซกลับเข้าร้านไป เสียงที่ฟ้าใสเอ่ยยังดังก้องในหูวนซ้ำไปซ้ำมา ราวกับต้องการตอกย้ำแผลที่เจ็บอยู่แล้วให้เจ็บมากขึ้นไปอีก ตลอดเวลาสามปีที่คบกันเป็นแฟน เราไม่เคยรู้จักกันเลย...ใช่ ไม่รู้จักกันเลยจริงๆ!
‘ไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่รู้จักเขา’
ฉัน...ไม่...รู้...จัก...เขา!
----------
กระป๋องเบียร์เปล่ากลิ้งมาชนรองเท้าผ้าใบของหายใจที่เดินเข้ามาในร้านซักผ้าพร้อมชานมที่ซื้อมาฝากพี่คมสันอีกเช่นเคย เด็กหนุ่มเห็นคมสันนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะแลกเหรียญ มีหญิงคนหนึ่งกำลังพยายามเรียกเขาเพื่อจะแลกเหรียญไปหยอดเครื่องซักผ้า
“คุณ...คุณคะ คุณ...”
หายใจเห็นเช่นนั้นก็รีบวางแก้วชานมแล้วเข้าไปช่วยลูกค้าสาวทันที
“พี่จะแลกเหรียญใช่ไหมครับ แลกเท่าไรครับ”
“สี่สิบค่ะ”
เธอบอกพลางส่ายหน้าอย่างระอาที่เห็นพนักงานเมาแอ๋หลับคาร้าน หายใจรีบเดินอ้อมไปทางด้านหลังของคมสันแล้วเปิดลิ้นชักทางด้านขวามือที่มีกุญแจเสียบคาไว้ หยิบเหรียญสิบออกมาสี่เหรียญก่อนจะส่งให้ลูกค้าสาวแลกกับแบงก์ยี่สิบสองใบ สาวเจ้ารับเหรียญไปแล้วมองคมสันพลางส่ายหน้าอีกครั้ง ในขณะที่หายใจทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์เปล่าที่อยู่บนพื้นมาทิ้งลงถังขยะ เห็นกระป๋องเบียร์อีกหนึ่งกระป๋องคาอยู่ในมือของคมสันก็พยายามจะดึงออกไปทิ้ง เพราะถ้าใครมาเห็นแล้วไปบอกเฮียเพ้งมีหวังคมสันไม่รอดแน่
เจ้าของกระป๋องเบียร์เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะถูกดึงกระป๋องออกจากมือก็สะดุ้ง ยกเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมอง พยายามปรับโฟกัสสายตาดูว่าเป็นใครอยู่ชั่วอึดใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อหายใจก็ยิ้มให้พลางทักทาย
“เอ้า...นายหายใจนั่นเอง นึกว่าใคร มาๆ มากินเบียร์กัน” ชายหนุ่มชวนแล้วตามด้วยยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกก่อนที่จะพบว่ามันว่างเปล่าเสียแล้ว “เอ้า...หมดซะแล้ว นายไปซื้อให้พี่อีกสักสามกระป๋องสิ”
คมสันทำท่าจะล้วงเงินส่งให้หายใจ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับดึงกระป๋องเบียร์เปล่าจากมือของคมสันแล้วทำเสียงดุใส่
“พอแล้วพี่คม พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพี่เมามากแล้ว” จากเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสดใสกลับมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“โอ๊ย...เมาเมยอะไร ไม่เมา...ไปๆ ไปซื้อให้พี่หน่อย” คมสันโบกมือไปมาพลางปฏิเสธทั้งๆ ที่ตัวเองพูดจาอ้อแอ้ ซ้ำยังหน้าแดงก่ำ บ่งบอกชัดเจนว่าแอลกอฮอล์แผลงฤทธิ์แล้ว
“ไม่ ผมไม่ให้พี่ดื่มแล้ว นี่มันเวลางานนะพี่คม ถ้าเฮียเพ้งรู้พี่จะซวยเอานะ พี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าร้านให้” เด็กหนุ่มพยายามจะดึงตัวพนักงานคนใหม่ให้ลุกขึ้นไปจัดการตัวเอง คมสันที่ถูกขัดใจก็โวยขึ้นทันที เขาลุกผึงขึ้นจากเก้าอี้แล้วผลักร่างของหายใจจนล้มลงกับพื้นพลางชี้หน้าด่า
“อย่ามาเสือก! นี่ชีวิตของกู กูจัดการเองได้ มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”
คมสันหันไปเจอแก้วชานมที่หายใจซื้อมาฝากก็คว้าขึ้นมาแล้วขว้างทิ้งลงพื้นจนน้ำชานมในแก้วสาดกระจาย ก่อนจะตะโกนลั่นใส่หน้าเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ยังล้มหงายหลังอยู่ตรงพื้นร้าน
“เเล้วก็เอาไอ้ชานมปัญญาอ่อนของมึงกลับไปด้วย กูไม่อยากกิน กูจะกินเบียร์ ไม่สนด้วยว่าใครจะว่าไง เพราะนี่มันชีวิตกู กูที่คนคนหนึ่งบอกว่าไม่เคยรู้จักกัน ทั้งๆ ที่แม่งรู้จักดี!” ชายหนุ่มยังนึกถึงสิ่งที่ฟ้าใสบอกด้วยความเจ็บปวดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
หายใจไม่พูดอะไร เด็กหนุ่มค่อยๆ ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากร้านซักผ้าอย่างเงียบๆ
เงียบ...และเจ็บปวด
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **