คมสันนอนไม่หลับตลอดคืน...
น่าแปลก เรื่องที่ควรทำให้เขานอนไม่หลับควรจะเป็นเรื่องของฟ้าใสที่ทำให้เขาเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ใช่...เรื่องนั้นก็มีส่วน แต่ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์กับเรื่องของเขาที่ทำกับหายใจในวันนี้แล้ว เรื่องหลังกลับมีอิทธิพลจนทำให้เขานอนไม่หลับมากกว่าเรื่องแรก สิ่งที่เขาพูดกับเด็กหนุ่มนั้นมันรุนแรงเกิน รุนแรงเสียจนนึกโกรธตัวเองที่พูดออกไปแบบนั้น ยิ่งการที่เขาผลักเด็กหนุ่มจนล้มลงบนพื้นก่อนจะปาแก้วชานมไข่มุกที่อีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาให้ตามกันไป นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากมายเหลือเกิน สายตาของเด็กหนุ่มที่มองมาด้วยความเสียใจและผิดหวังยังแจ่มชัดในความทรงจำ ตอนนั้นเขาไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้มันกลับทำให้เขานอนไม่หลับและรู้สึกผิด...รู้สึกผิดมากจริงๆ
วันอาทิตย์ทั้งวัน นอกจากเฝ้าร้านซักผ้าและนั่งรอให้คนมาแลกเหรียญ คมสันก็ได้แต่คอยชะเง้อหาเด็กหนุ่มที่ชื่อหายใจ เขาอยากจะขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อวานเพราะขาดสติ แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มมา ไอ้ครั้นจะไปตามหาก็ไม่รู้จะไปตามที่ไหน แม้หายใจจะเคยบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้ แต่คำว่า ‘แถวนี้’ ก็ใช่ว่าจะมีบ้านแค่สองสามหลังเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายรอจนหมดวัน คมสันก็ไม่เจอหายใจอย่างที่หวัง แอบกังวลใจว่าเด็กหนุ่มจะโกรธจนไม่มาหาเขาอีกแล้วหรือเปล่า ภาวนาขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย
ดูเหมือนคำภาวนาจะเป็นจริง...
เช้าวันจันทร์ วันที่คมสันตั้งใจไว้หนักหนาว่าจะนอนตื่นสายๆ แล้วเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนทั้งวันให้สาแก่ใจ แต่เปล่าเลย ชายหนุ่มกลับสะดุ้งตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน ครั้นจะข่มตาให้หลับต่อก็นอนไม่หลับเสียแล้ว คมสันตัดสินใจอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาที่หน้าร้าน เปิดประตูร้านออกเพื่อรับอากาศดีๆ ในยามรุ่งอรุณ เช้าวันหยุดแบบนี้ที่ไม่ต้องทำงานแต่เหมือนยังมีอะไรต้องทำ นั่นคือการมาเฝ้ารอนายหายใจ หวังว่าจะได้เห็นเด็กหนุ่มเดินผ่านมา เขาจะได้ขอโทษเรื่องที่ทำไว้เมื่อวันก่อน
แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มคนนั้น
“อ้าว วันหยุดลงมาที่ร้านทำไม ไม่นอนพักหรือไปเที่ยวไหนเหรอ”
เสียงของเฮียเพ้งที่แต่งตัวหล่อเตรียมตัวออกไปธุระเอ่ยทักคมสันที่นั่งอยู่หน้าร้าน ชายหนุ่มหันมองเจ้าของร้านแล้วยิ้มพลางตอบ
“ตื่นเช้าจนชินแล้วน่ะครับเฮีย เลยลงมาสูดอากาศยามเช้า นอนอยู่แต่ในห้องมันอุดอู้”
“ดีๆ งั้นวันนี้ก็พักให้เต็มที่นะ เดี๋ยวเฮียต้องไปดูอีกร้าน เมื่อวานน้ำรั่ว ต้องตามช่างมาซ่อม วุ่นวายจริงๆ” เฮียเพ้งตบบ่าพนักงานคนใหม่เบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถกระบะที่จอดไว้ไม่ห่างจากร้านนัก
คมสันมองรถของเฮียเพ้งแล่นออกไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา...สิบโมงกว่าแล้ว ถ้าหายใจจะเดินผ่านหน้าร้านเพื่อไปโรงเรียนก็คงเดินผ่านไปนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นๆ หลังโรงเรียนเลิกเขาค่อยกลับมานั่งรอใหม่ดีกว่า
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ เตรียมจะปิดประตูร้านเพื่อกลับขึ้นไปอยู่บนห้องของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น...คนที่เขาเฝ้ารอคอยมาตั้งแต่เมื่อวาน
“ฮั่นแน่ แอบเห็นชะเง้อมองหาใคร ใช่ผมหรือเปล่าครับ”
เสียงใสเอ่ยทักจนคมสันต้องหันไปมอง พบหายใจมาในชุดเสื้อยืดสีพื้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสบายๆ กับรองเท้าผ้าใบสีขาวเหยียบส้น ใบหน้านั้นยิ้มแย้มจนทำให้โลกดูสว่างไสวขึ้นทันตา ในมือถือแก้วชานมไข่มุกสองแก้ว เด็กหนุ่มยื่นแก้วหนึ่งให้คมสัน ในขณะที่ชายหนุ่มเผลอยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ยิ้มกว้างเชียว วันนี้อารมณ์ดีแล้วใช่ไหมครับ เอ๊ะ หรือดีใจที่เจอผม” หายใจถามกึ่งกระเซ้า คนถูกถามรีบหุบยิ้มก่อนจะยืดตัวขึ้นอย่างมีฟอร์ม
“ตลกแล้ว ใครดีใจที่เจอนาย พี่ก็ยิ้มอารมณ์ดีแบบนี้อยู่แล้ว วันนี้มันวันหยุดของพี่นา จะได้พักผ่อนนอนทั้งวัน ไม่ต้องนั่งเบื่อเฝ้าร้าน” คมสันบอกอย่างนั้น ทั้งที่รู้สึกหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้า ความรู้สึกกังวลใจกลัวว่าหายใจจะโกรธหายเป็นปลิดทิ้ง
“โห อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าพี่คิดถึงผม นี่ครับ ผมซื้อชานมมาฝาก” เด็กหนุ่มยื่นแก้วชานมไข่มุกให้อีกครั้ง คมสันจึงยื่นมือไปรับชานมไข่มุกแก้วนั้นมาแล้วเอ่ยขอบใจ
“ขอบใจนะ ว่าจะไปซื้อกับนายก็ไม่ได้ไปเสียที ว่าแต่ทำไมวันนี้นายไม่ไปโรงเรียนล่ะ วันจันทร์ไม่ใช่เหรอ” คนถามเอ่ยก่อนจะใช้หลอดเจาะแก้วชานมไข่มุกแล้วดูดให้ชื่นใจ
“อ๋อ วันนี้โรงเรียนผมเขาให้นักเรียนชั้น ม.หก หยุดอ่านหนังสือสอบได้ครับ ผมเลยหยุด นี่ก็ว่าออกมาซื้อชานมแล้วจะกลับไปอ่านหนังสือที่บ้าน ก็นึกถึงพี่ขึ้นมาเลยซื้อมาฝาก โชคดีที่เจอพี่นะเนี่ย” เด็กหนุ่มบอกยิ้มๆ แล้วดูดชานมไข่มุกแก้วของตัวเอง ทำราวกับว่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนไปหมดสิ้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนทำไม่ลืม และไม่คิดจะเงียบให้อีกฝ่ายลืม เขาเป็นผู้ชายพอที่กล้าจะยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ
คมสันมองหน้าหายใจแล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“นายหายใจ พี่ขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนนะ”
“ช่างมันเถอะครับพี่ ไม่เป็นไร ผมลืมไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มบอกแล้วยิ้มให้อีกตามเคยเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ไม่ได้ พี่ทำตัวไม่ดีกับนายขนาดนั้น จะปล่อยผ่านไปได้ยังไง เอาอย่างนี้ พี่ให้นายผลักพี่ล้มเป็นการเอาคืน จะได้หายกัน” ไม่พูดเปล่า คมสันเดินมาประชิดตัวเด็กหนุ่มเพื่อให้ผลักเขาคืนจริงๆ อย่างปากพูด หายใจได้แต่ยิ้มแล้วหัวเราะขำในความคิดของรุ่นพี่
“พี่คม เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ ที่พี่ผลักผมแล้วผมต้องผลักคืนถึงจะหายกันน่ะ ผมไม่ทำหรอก ผมบอกว่าไม่คิดอะไรก็คือไม่คิดอะไรจริงๆ ครับพี่ สบายใจได้” เด็กหนุ่มยืนยัน แต่ถึงกระนั้นคมสันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี พลันชายหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างออกจึงเอ่ยถามขึ้น
“วันนี้พี่หยุด นายก็หยุด ถ้าอย่างนั้นเราก็...”
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **