สถานที่ที่ทินพาคมสันมานั้น ทำเอาเจ้าตัวถึงกับตื่นเป็นปลิดทิ้ง มันไม่ใช่ที่ที่คิดว่าคนเป็นเพื่อนจะพามา เพราะมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย มันเป็นสถานที่ที่ปกติเขาไม่เคยมา เป็นสถานที่ที่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าทำไมไอ้ทินต้องพาเขามาที่นี่ คนที่ถูกพามายืนย่นคิ้วขณะมองร้านซักผ้าตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งมองผ้าในเครื่องที่กำลังหมุนอยู่นั้นยิ่งทำให้เวียนหัวจนอยากจะอาเจียนออกมา
“ไอ้ทิน มึงพากูมาที่นี่ทำไม กูไม่ได้ซักผ้าเอง กูจ้างแม่บ้านซัก แล้วนี่ให้กูจัดกระเป๋ามาทำไมเนี่ย” คมสันเอ่ยถามแล้วหันมามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างมีแผนการ ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับตะโกนเรียกใครสักคนที่คงรู้จักกันดี
“เฮียเพ้ง...เฮียเพ้งอยู่ไหมครับ ทินมาแล้วเฮีย”
เพียงอึดใจ ‘เฮียเพ้ง’ ก็เดินออกมาจากหลังร้าน พอเห็นหลานชายก็ยิ้มรับทักทายตามประสาคนเคยคุ้น
“เอ้า มาแล้วเหรอไอ้ทิน”
“ก็มาแล้วสิเฮีย ไม่งั้นจะมายืนหล่ออยู่ตรงนี้เหรอ” หลานชายกอดอกยักคิ้วอย่างยียวน อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทิน
“นี่น่ะเหรอ เพื่อนที่ว่าจะพามาทำงาน”
คำว่า ‘ทำงาน’ ทำให้คมสันย่นคิ้วด้วยความแปลกใจหนักกว่าเก่าก่อนจะหันไปมองเพื่อนเป็นเชิงถาม ทินเหมือนจะอ่านใจคนข้างๆ ออก เขารีบกอดคอเพื่อนแล้วแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
“ใช่เฮีย นี่ไอ้คม เพื่อนทินเอง เพื่อนรักมาก... ไอ้ทิน นี่เฮียเพ้งนะ ญาติกูเอง”
แม้จะยังไม่รู้ว่าคนเป็นเพื่อนพาตัวเองมาที่ร้านซักผ้าทำไม และให้จัดกระเป๋ามาทำไม แล้วไอ้คำที่ว่าทำงานคืออะไร แต่คมสันก็มีมารยาทพอที่จะยกมือไหว้เฮียเพ้งก่อน อีกฝ่ายยกมือรับไหว้แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จากนั้นคมสันจึงหันกลับมาทางเพื่อนแล้วดึงแขนกึ่งลากให้เดินออกไปนอกร้านด้วยกัน พลางกระซิบกระซาบถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
“ไอ้เหี้ยทิน มึงพากูมาที่นี่ทำไม แล้วไอ้ที่บอกว่ามาทำงานคืออะไร นี่มึงเล่นเหี้ยอะไรอยู่วะ?!”
“กูไม่ได้เล่นเหี้ยอะไร กูกำลังจะช่วยมึง กูทนเห็นมึงเอาแต่เมามายไม่ทำงานทำการไม่ได้หรอก เพราะกูเป็นเพื่อนที่หล่อและแสนดีไงล่ะ” ทินยังไม่วายชมตัวเองตามนิสัย คมสันอยากจะหันไปถีบคนเป็นเพื่อนให้หน้าคะมำแต่ก็ต้องยั้งเท้าไว้ ตอนนี้เขายังไม่รู้ในสิ่งที่อยากรู้ซึ่งสำคัญที่สุด
“ตกลงมึงกำลังจะทำอะไร ตอบมาดีๆ อย่ากวนประสาท กูอารมณ์ไม่ดีอยู่” คมสันเริ่มมีน้ำโห ไม่พอยังจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง ทินเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงจึงเปลี่ยนท่าทีมาจริงจัง เขากระแอมเสียงเล็กๆ ก่อนจะพูดอย่างเป็นการเป็นงานว่า
“คืออย่างนี้ กูเห็นว่ามึงเอาแต่คิดถึงเรื่องฟ้าใสกับไอ้ไม้อยู่นั่นเอง แล้วพอมึงเครียดเดี๋ยวก็ไปลงกับกระป๋องเบียร์อีก ทางเดียวที่จะช่วยให้มึงเลิกทำตัวแบบนี้ก็คือต้องหาอะไรให้มึงทำ พอดีเฮียเพ้งแกกำลังจะไปเปิดสาขาใหม่อีกที่ไง เลยอยากได้คนมาช่วยดูแลร้านที่นี่แทนแกสักเดือน กูเลยอาสาจะช่วยหาให้ เผอิญเห็นมึงว่างๆ พอดีเลยลากตัวมึงมานี่แหละ มึงดูร้านแทนเฮียไปนะ ไม่ได้ให้ดูฟรีๆ นะโว้ย มีเงินเดือนด้วย”
“ไอ้เหี้ย! มึงต้องถามความสมัครใจกูก่อนสิ มัดมือชกแบบนี้ไม่ได้ กูไม่ว่าง กูไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น ไปบอกเฮียมึงเลยว่าให้หาคนอื่น กูจะกลับ!” บอกแล้วคมสันก็ทำท่าจะเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางของตัวเองกลับห้องเช่า แต่ทว่าเพื่อนรักคว้าแขนไว้ได้ทันพร้อมทั้งทำเสียงอ่อยๆ
“กูว่ามึงกลับไม่ได้แล้วว่ะ”
“ทำไม กูแค่เดินไปหน้าร้านโบกแท็กซี่ก็กลับได้แล้ว”
“กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือ...เอ่อ...มึงจำได้ไหม ที่มึงโทร.มาขอยืมเงินกูเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปจ่ายค่าห้อง และไว้ใช้จ่ายค่ากินอยู่เพราะยังไม่ได้เงินค่าจ็อบที่ทำงานไว้ ที่มึงบอกว่าจะได้อีกทีเดือนหน้า มึงก็รู้ว่ากูก็ลำบาก แต่ยังดีที่กูอยู่บ้าน ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าแบบมึง กูเลยมายืมเงินเฮียเพ้งนี่แหละไปให้มึง ถ้ามึงไม่มีเงินใช้เฮียเพ้ง มึงก็แค่มาเฝ้าร้านให้เฮียแค่เดือนเดียวแลกกับเงินหมื่นห้า แม่งโคตรคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ถ้ามึงไม่อยากทำงานนี้ก็ไม่เป็นไรนะ แต่มึงต้องเอาเงินมาคืนเฮียแกวันนี้ หรือถ้ามึงจะไปขอเลื่อนจ่ายคืนวันไหน มึงก็ไปบอกเอง กูไม่กล้า เฮียกูแม่งโหด ตบยุงด้วยมือข้างเดียวตายมาแล้ว!”
ทินบอกความจริงกับเพื่อน ทำเอาคมสันชะงัก อารมณ์โกรธเมื่อครู่ถูกเบรกด้วยอารมณ์ตกใจแทน
“เอ้า! แล้วทำไมมึงไม่บอกกูว่าไม่มีเงิน”
“ถ้ากูบอกมึงแบบนั้นก็เท่ากับกูไม่ยอมช่วยมึงน่ะสิ ที่สำคัญถ้ามึงไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ มึงจะอยู่ยังไง กูเห็นว่าเฮียเพ้งน่าจะพอให้ ยืมได้เลยมาขอยืมไปให้มึง แต่เฮียแกก็บอกนะว่าต้องรีบหามาใช้คืน เพราะแกเองก็ต้องหมุนเงินอยู่เหมือนกัน ตอนแรกกูก็กะว่ารอเงินเดือนกูออกก็จะเอามาใช้คืนให้ก่อน แต่ก็อย่างที่บอกว่ากูก็ไม่ได้รวย รายจ่ายเยอะจะตาย นี่ก็ว่าจะไปเร่งให้มึงหาเงินมาใช้ พอดีนึกขึ้นได้ว่าเฮียเพ้งกำลังหาคนเฝ้าร้านอยู่ ถึงได้ลากมึงมาไง มาทำงานใช้หนี้เฮียแกแล้วกัน งานสบายๆ แค่นั่งเฝ้าร้าน ให้แลกเหรียญหยอดเครื่อง ขายพวกผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม บางครั้งอาจช่วยลูกค้าเอาผ้าออกจากเครื่องบ้าง ปิดเปิดตามเวลาก็แค่นั้น งานง่ายจะตาย ถ้าไม่ติดว่ากูมีงานประจำแล้ว งานนี้ไม่ถึงมือมึงหรอก”
คมสันฟังแล้วได้แต่ยืนอึ้ง ใจหนึ่งตอบปฏิเสธเป็นพัลวัน ก็คนอย่างเขาน่ะหรือให้มานั่งเฝ้าร้านซักผ้า!? เขาเป็นถึงโปรแกรมเมอร์มีฝีมือ ทำงานแต่ละชิ้นได้ค่าจ้างหลายหมื่น เพียงแต่ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ บริษัทไม่ค่อยมีงานจ้างสักเท่าไร ซ้ำเขายังเอาเงินไปลงกับกระป๋องเบียร์จนหมดก็เท่านั้นเอง เขายังนึกภาพตัวเองนั่งเฝ้าเก๊ะแลกเงินไม่ออกเลย...ไม่มีทาง เขาไม่มีทางรับงานนี้แน่!
แต่อีกใจกลับบอกคมสันว่า ถ้าเขาทำแบบนั้นก็จะทำให้ไอ้ทินตกที่นั่งลำบาก หลังจากเสียไอ้ไม้เพื่อนทรยศไปคนแล้ว เขาก็เหลือแต่ไอ้ทินนี่แหละที่คอยช่วยเหลือในยามทุกข์ยาก ตอนที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกก็มีแต่ไอ้ทินที่ให้ยืมเงินมาจ่ายค่าห้องค่ากินค่าน้ำค่าไฟ สารพัดค่า ขนาดตัวมันไม่มี มันก็ยังบากหน้าไปขอยืมเงินญาติมาให้เขาอีกที ถ้าเขาไม่หาเงินมาใช้ไอ้ทินก็คงแย่ ถึงเป็นญาติกันก็ต้องมีความเกรงใจ และกว่าเขาจะได้เงินค่าจ้างจากการทำงานก็เดือนหน้า ครั้นจะขอผลัดเฮียเพ้งไปอีกเดือนก็คงน่าเกลียด ขนาดไอ้ทินเป็นญาติยังไม่กล้า แล้วเขาเป็นใคร จะอาจหาญไปขอผลัดหนี้กับเฮียเพ้ง แต่ถ้าไม่ทำงานนี้ แล้วเขาจะหาเงินจากไหนมาคืน อย่าว่าแต่ใช้หนี้เฮียแกเลย เงินติดตัวตอนนี้ก็มีอยู่ไม่ถึงสองพัน นี่กะว่าจะยืมไอ้ทินอีกรอบด้วยซ้ำ แต่พอมารู้ความจริงแบบนี้แล้วใครจะไปยืมลง แค่นี้ก็เกรงใจมันจะแย่แล้ว
ทำ...ไม่ทำ...
ทำ...ไม่ทำ
คำตอบคือ...ไม่อยากทำ...แต่คงต้องทำ!
“ตกลงเอาไงไอ้คม ถ้ามึงไม่ทำ กูจะได้ไปบอกเฮียให้หาคนอื่น แต่เรื่องเงินที่กูยืมเฮียแกมาให้มึง มึงไปคุยเองนะ กูโดนเฮียด่าแน่ๆ” ทินหน้าเสียจนทำให้คนต้นเรื่องหน้าเสียไปด้วย คมสันถอนหายใจยาวอย่างคนไม่มีทางเลือก จำต้องตอบรับทำงานนี้ทั้งที่ไม่อยากทำสักนิด
“โอเคๆ ทำก็ได้”
“เยส! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!” คนเป็นเพื่อนร้องดีใจพลางกระโดดโลดเต้นอย่างลืมตัว เฮียเพ้งที่อยู่ในร้านเดินออกมาเปิดประตูชะโงกหน้าถาม
“ตกลงว่ายังไง จะทำหรือไม่ทำ”
ทินหันมามองหน้าคมสันเป็นเชิงบอกว่าอยากให้เพื่อนเป็นคนตอบเอง คมสันเลยยิ้มแห้งๆ แล้วตอบกับเฮียเพ้งด้วยน้ำเสียงไม่หนักแน่นเอาเสียเลย
“ทำครับเฮีย แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”
แม้ทินจะบอกสิ่งที่เขาต้องทำตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้าให้รู้คร่าวๆ แล้วเมื่อครู่ แต่เขาก็อยากรู้ขอบเขตหน้าที่งานที่เขาต้องทำอย่างจริงจังจากเจ้าของร้านมากกว่า เฮียเพ้งจึงกวักมือเรียกพนักงานใหม่อย่างเขาให้เข้าไปคุยกันในร้าน ทินแอบยิ้มกว้าง...ในที่สุดแผนการหลอกล่อให้ไอ้คมมาทำงานที่นี่เพื่อจะได้ลืมเรื่องฟ้าใสก็สำเร็จ อันที่จริงเงินที่เขาให้ไอ้คมยืมไปนั้น เป็นเงินเก็บของเขาเอง แต่ที่ต้องอ้างไปแบบนั้นเพราะคมสันจะได้เกรงใจเฮียเพ้งจนต้องยอมทำงานให้ คนอย่างมันถ้าไม่เล่นไม้นี้ ไม่มีทางยอมหรอก มันคงได้กลับไปนอนจมกองกระป๋องเบียร์อยู่แบบนั้นจนเสียผู้เสียคนแน่ ซึ่งเขาทนเห็นภาพเพื่อนทำตัวแบบนั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!
ดูสิ เขาเป็นเพื่อนรักที่แสนดีขนาดนี้ ไอ้คมต้องเข้าใจ
แล้วสักวันมันจะต้องขอบคุณเขา...เชื่อหัวไอ้ทินเถอะ!
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **