บ่ายนั้น ปณัยพาเจ้านางมายังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อเขาเลี้ยวรถผ่านประตูรั้วเหล็กที่เปิดอยู่แล้ว เธอจึงเห็นว่ามันคือบ้านหลังงาม หากมีที่จอดรถรองรับได้กว่าสิบคัน ดูจะไม่ใช่บ้านพักอาศัยธรรมดาทั่วไป มีชายที่น่าจะเป็นลูกจ้างโบกรถให้เสร็จสรรพ
เธอกับเขาลงจากรถแล้วเข้าใปในบ้านหลังนั้น ซึ่งมีสองชั้น ด้าน ล่างเดินเข้าไปไม่เท่าไรก็พบเคาน์เตอร์ ถัดเข้าไปเป็นห้องโถงกว้างมีเก้าอี้มากมาย เจ้านางเห็นคนนั่งรออยู่ประปราย นั่งกันเงียบๆ ดูโทรศัพท์มือถือบ้าง บางคนเอาโน้ตบุ๊กมานั่งทำงาน บางคนก็นั่งหลับ
ปณัยพาเธอมายังหน้าเคาน์เตอร์ เท่านั้นเจ้าหน้าที่สาวรูปร่างผอมผิวออกคล้ำๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ลุกขึ้นทันทีที่เห็นเขา ยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณปณัย ครูนาฏสั่งอยู่เลยค่ะว่าถ้ามาถึงให้พาไปพบครูได้เลย”
ครู? ครูอะไร ยังไง เจ้านางงงไปหมด นี่เขาพามาหาครูหรือพาเธอมาเรียน หรือธุระของเขา
แล้วเธอก็ได้คำตอบเมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน เห็นห้องซอยเล็กๆ หลายห้อง เสียงเปียโน เสียงร้องเพลง เสียงดนตรีเครื่องสายดังเล็ดลอดออกมา ที่นี่คือโรงเรียนสอนดนตรีแน่นอน เอ...แต่เธอไม่เห็นป้ายด้านหน้าเลย หรือไม่ทันสังเกต
ห้องที่เจ้าหน้าที่พาเธอกับปณัยเข้าไปกว้างกว่าห้องอื่น ผนังด้านหนึ่งติดกระจกบานใหญ่คล้ายห้องสำหรับซ้อมเต้น แกรนด์เปียโนเด่นอยู่กลางห้อง ข้างๆ มีไมโครโฟนพร้อมขาตั้ง สแตนด์ตั้งโน้ตเพลงหลายแผ่นวางอยู่ ภายในห้องมีคนอยู่สี่ห้าคน หนึ่งในนั้นหันมาแล้วเอ่ยทักด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ณัย เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีนะ”
หญิงที่เธอเดาว่าน่าจะวัยห้าสิบกว่า ผมสีดำแซมเทามัดมุ่นมวยด้านหลัง ท่านยังดูดีแม้ใบหน้ามีริ้วรอยและกระฝ้าตามวัย ด้วยหุ่นผอมสวมเสื้อกาซะลองสีขาวกับซิ่นชมพูแบบล้านนา ท่วงท่าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าใจเย็น
“สวัสดีครับครูนาฏ” ชายหนุ่มข้างตัวเธอยกมือไหว้พร้อมก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม
เจ้านางรู้สึกแปลก... จะว่าไปตั้งแต่รู้จักปณัยมา มาดของเขาคือเจ้านาย มีแต่สั่งลูกน้องสั่งคนโน้นคนนี้ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาไหว้อย่างนอบน้อม ใครคนนี้เขาต้องนับถือมากแน่ๆ
ครูรับไหว้พลางจับมือชายหนุ่มแล้วโอบกอดอย่างเอ็นดู ปณัยทิ้งตัวให้ท่านกอดอย่างกับเด็ก เจ้านางตาโตเลยทีเดียว เพราะนอกจากเคารพแล้วเขาต้องรักท่านเอามากๆ ด้วย และที่มากกว่านั้น มันมีความรู้สึกผูกพันอย่างที่เธอรับรู้ได้ ครูลูบศีรษะเขาเบาๆ ขณะที่ปณัยซบหน้าลงบนบ่าท่าน
“สบายดีนะณัย ครูนึกถึงเราเรื่อยๆ คอยตามข่าวอยู่บ้าง” น้ำเสียงของท่านแหบเล็กน้อย แฝงความนุ่มนวลและอาทร
ปณัยยิ้มก่อนยืดตัวตรงอีกครั้ง
“สบายดีครับครู เรื่องผมในข่าวครูอย่าเชื่อหมดนะครับ ครูก็รู้ผมเป็นยังไง”
ครูเขม้นมองทีเล่นทีจริง “เราก็อย่าขยันสร้างข่าวเจ้าชู้ประตูดินนักสิ”
“โห ครูนานๆ เจอทีดุผมเลย” เขาทำเสียงอ้อน
“ดุอะไร ครูเป็นห่วงเราสิไม่ว่า” ท่านเย้า
“หลังจากนี้ผมคงไม่เจ้าชู้แล้วครับครู”
“ให้มันแน่” ครูหลิ่วตา
เขายิ้มแป้นหันมาทางเจ้านางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ดวงตาขี้เล่นของปณัยหรี่มองเธอ
“ผมว่าจะหยุดที่ใครบางคน ถ้า...เป็นไปได้นะครับ”
“ใครล่ะสาวน้อยคนนี้” ท่านหันมามองเธอด้วยอีกคน คราวนี้เจ้านางเกร็งขึ้นมานิดๆ ก็เล่นจ้องเธอกันทั้งคู่
แล้วปณัยก็เอื้อมมือมาดึงมือเธอให้ไปยืนขนาบข้างเขา “นี่ครับครู สาวน้อยมหัศจรรย์ ร้องเพลงเพราะมากๆ”
เธอถลึงตาใส่เขา ส่วนครูมองเธอด้วยสายตาผู้ใหญ่ใจดี ขณะที่เขาแนะนำเธอต่อด้วยน้ำเสียงเบิกบานพิกล ใบหน้าดูจะอารมณ์ดีเกินไปด้วย
“ชื่อเจ้านางครับ” เขาเล่าประวัติเธอให้ครูฟังเสร็จสรรพ แล้วเขาก็แตะแขนเธอ “นี่ ครูนาฏสุภา ปรมาจารย์ด้านการดนตรี ครูสอนได้ทุกอย่าง มหัศจรรย์กว่าเราอีก” เขายักคิ้วให้เธอ
หญิงสาวรีบยกมือไหว้
“ชื่อเจ้านางเหรอ น่ารักดีนะ สวยด้วย” ท่านเอ่ย
เจ้านางได้แต่ยิ้ม ค้อมศีรษะน้อยๆ อย่างขอบคุณ
“ดีเลย เรียนมาทางนี้ก็มีพื้นฐานอยู่แล้ว จะได้ต่อกันง่าย” ท่านว่า
หญิงสาวยังงงๆ กับคำพูดของครูนาฏ ต่ออะไรยังไง แต่แล้วครูก็หันไปมองคนตัวสูง
“ถ้าอย่างนั้น จะให้น้องมาเริ่มเรียนเมื่อไหร่ดีล่ะณัย”
“ตามแต่ครูสะดวกเลยครับ ผมมาส่งให้ได้ทุกวัน” เขาตอบฉะฉาน
“ดีๆ” ท่านหันมายิ้มให้เธอแล้วเรียกเจ้าหน้าที่มาพูดคุยเรื่องชั่วโมงสอน
เจ้านางอดรนทนไม่ไหว ฟังๆ ดูคือเขาจะให้เธอมาเรียนกับครูท่านนี้ใช่ไหม ก็แปลว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องของเธอนี่นา แล้วทำไมเธอยังไม่รู้อะไรเลย หญิงสาวเอียงตัวไปถามเขา
“คุณ นี่มันยังไงกันอะ”
เขาเลิกคิ้วดังคันศรขึ้นหลิ่วตามองเธออย่างไม่มีอะไร
“ก็ส่งคุณมาเรียนดนตรีเพิ่มเติมกับครูนาฏไง โดยเฉพาะฝึกการร้องเพลงให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“ฮะ! ส่งนางมาเรียนร้องเพลง”
“ใช่” เขาพยักหน้า “แล้วน่าจะเพิ่มเปียโนด้วย”
“แต่นางเรียนอยู่แล้วนะ” เธอโวย
เขาหรี่ตากับทำหน้าขรึม “เรียนเสริมเข้าใจไหม ถ้าคุณจะไปให้ไกลบนเส้นทางนี้ คุณต้องมีเทคนิคต้องมีลูกเล่น ก็เหมือนเกมกีฬาที่ต้องมีแท็กติก ซึ่งพวกนี้รับรองว่าหาไม่ได้จากระบบการสอนปกติ”
เจ้านางยังคงสับสน “ไปให้ไกลคืออะไร คุณพูดให้มันชัดๆ ได้ไหมคุณณัย คุณต้องการอะไรกันแน่”
ปณัยก้มลงพูดที่ข้างหูเธอ “ก็คุณฝันอยากเป็นอะไรล่ะ ผมจะสานฝันให้คุณเอง”
หญิงสาวเบิกตากว้างทีเดียว “คุณณัย อย่าบอกนะว่า คุณจะส่งนางประกวดร้องเพลง!”
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา หนังสือพร้อมส่ง
ยังสั่งในราคาสั่งจอง #ส่งฟรี ได้ถึง 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก) **
>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<