ออกจากหอประชุมคือลานจอดรถกว้าง ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเธอก็เห็นรถของใครบางคนจอดอยู่ เพราะรูปลักษณ์ของรถที่เด่นจนสะดุดตา มีผู้คนเดินผ่านเมียงมองหลายคน และคนรอก็ยืนดักอยู่หน้าประตูทางออกเลย ขณะที่คนสนิทของเขายืนเฝ้ารถอยู่เห็นไกลๆ
“กลับแล้วใช่ไหม” ปณัยเดินเข้ามาทักทันที
เธอยังเหวอๆ ไม่คิดว่าเขาจะมายืนรอจริงๆ
“สวัสดีครับ ผมชื่อซี เพื่อนสนิทเจ้านางฮะ” ซีแนะนำตัวเสร็จสรรพ ปณัยดูจะอึ้งไปสักพักก่อนตอบรับ
“ครับซี ให้เรียกว่าซีเลยนะ ผมปณัย เป็นอะไรดี เป็นเจ้านายได้ไหมเจ้านาง” เขาเหล่มาทางเธอ
“ฮะ เรียกซีเลยฮะ ชื่อจริงยาวเกรงใจท่าน” ซีตีสนิทอย่างรวดเร็วจนเจ้านางลอบมองคนตัวสูง กลัวเพื่อนจะถูกดุเข้า ทว่าปณัยกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“เรียกผมปณัย ไม่ต้องท่านเทิ่นขนาดนั้น เพื่อนสนิทเลยเหรอ” เขาถามหยั่งเชิง
“ใช่สิฮะ” ซีโอบไหล่เจ้านางรั้งลงมาจนตัวเธอเซไปซบเพื่อนที่ตัวเตี้ยกว่าแต่ห้าวเหลือแสน “ต้องคอยดูแลตลอด หนุ่มๆ มายุ่งเยอะฮะ”
เธอตาโตแต่ปณัยยังคงยิ้ม “ดี ดีเลย ถ้าอย่างนั้นผมฝากดูอย่าให้หนุ่มคนไหนมายุ่งกับเจ้านางเลยแล้วกัน”
“อุ๊ย! คุณท่านก็หนึ่งในนั้นนะฮะผมว่า” ซีหัวเราะกลบเกลื่อนขณะที่เจ้านางหันไปดุเพื่อน
“ซี!”
ยอมใจกับความกล้าบ้าบิ่นจริงๆ เจ้านางมองคนตัวสูงคิดว่าเพื่อนพาตกงานแน่ๆ แล้วคราวนี้ ทว่าปณัยจ้องตาเธอนิ่ง
“ใช่ ผมน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น” แล้วเขาก็หันไปมองซี “แต่ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ คงไม่ต้องรบกวนน้องซี”
ไม่เพียงเน้นชัดคำสุดท้าย เขาปรับสีหน้าและแววตาท่าทางกลับมาเป็นซีอีโอใหญ่มาดขรึม จนทั้งเธอและเพื่อนเกร็งไปเลย
“ซี ไม่เป็นไร นางดูแลตัวเองได้” เธอรีบหันไปบอกเพื่อนก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดไปมากกว่านี้
ปณัยพูดกับซีต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ไม่ต้องห่วงเพื่อนคุณ ผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะทำอะไรให้มันเหมาะมันควร รับรองว่าถ้าผมอยากดูแลใคร ผมจะดูแลอย่างดีที่สุด ผมขอตัวเจ้านางก่อนแล้วกันนะ”
เธอเห็นซีกลืนน้ำลายฝืดคอ ปณัยไม่รอคำตอบใดๆ อีก ไม่สนใจด้วยว่าเพื่อนเธอยังยืนอยู่ตรงนั้น เขาจับจูงมือเธอพาเดินออกไปอย่างไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
----------
หญิงสาวเดินตามร่างสูง จนมาถึงรถสปอร์ตสีเงินสองประตูที่จอดเด่นอยู่กลางลานจอดรถกว้าง ยิ่งเวลาค่ำคืน แสงจากโคมไฟถนนที่ส่องลงมายิ่งขับความงามของรถเขา คันนี้เป็นคนละคันกับที่เจ้านางเคยนั่ง จุดเด่นของเจ้าซูเปอร์คาร์คันนี้คือ...เปิดประทุน!
ปณัยเปิดประตูรถให้หญิงสาว เบาะสีดำกับการตบแต่งที่โฉบเฉี่ยวเข้ากับตัวรถทำเธอเก้ๆ กังๆ จะว่าตื่นตาก็คงใช่ ก็มันสวยจริงๆ นี่นา ทั้งสวยและหรูหรา แต่ว่าภายในมีแค่สองที่นั่งเท่านั้น และแทบไม่มีที่วางของใดๆ
“รถสปอร์ตก็แคบหน่อยนะ พวกนี้เขาเน้นเครื่อง” ปณัยชี้ไปท้ายรถที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว “ด้านหลังนี้ก็ที่เก็บหลังคากับตัวเครื่อง”
“ค่ะ” เธอมองตาม “สวยมาก ลำพังตัวนางเองคงไม่มีบุญได้นั่ง ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาส”
เขาขมวดคิ้ว “มันไม่ใช่เรื่องบุญอะไรสักหน่อย ของแบบนี้เขาเรียกบุพเพอาละวาด” ปณัยหลิ่วตา
เจ้านางทำหน้าฉงน เขาโน้มตัวลงมา
“ก็บุพเพอาละวาดส่งคุณให้มาเจอผมยังไงล่ะ”
“คุณอย่าพูดอะไรสองแง่สองง่ามได้ไหม”
เขาเบิกตาโต “สองแง่สองง่ามอะไร ผมไม่ได้พูดเรื่องใต้เข็มขัด ใต้เตียงอะไรนะ”
“คุณ!” เธอถลึงตาใส่ เมื่อครู่เธอใช้คำผิดไปจริงๆ นั่นแหละ
“ณัย เรียกชื่อผมด้วย” เขาทำหน้าตาเหมือนเด็กกวนๆ สักคน
เธอเม้มปาก ไม่ยอมพูด
“เจ้านาง เรียกผมคุณณัยสิ” เขาจ้องรออย่างใจจดใจจ่อ
“ทำไม”
“ก็...ไม่มีไร แค่อยากได้ยินชื่อผมจากปากคุณ”
“ตกลงจะไปส่งนางหรือเปล่าคะคุณณัย หรือเราจะยืนอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ ดี” เธอว่า เหลือบมองผู้ช่วยของเขาที่ยืนเยื้องไปด้านหลังราวกับหุ่นปั้น
เขาหัวเราะในลำคอ “ไปสิ อย่าลืม ผมรับปากเพื่อนคุณแล้วนะว่าจะดูแลอย่างดี ขืนส่งไม่ถึงบ้านเพื่อนคุณได้มาหักคอผมแน่”
เมื่อหญิงสาวเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย เขาคุยอะไรกับวรัทเล็กน้อยก่อนเดินอ้อมมาขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ ไม่นานสปอร์ตคันงามก็ทะยานออกไป
“เอ๊ะ! แล้วคุณวินกลับยังไงคะ” เธอเหลียวไปมองแต่ไม่เห็นวรัทแล้ว
ปณัยหมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปตามทางขณะเอ่ย “อยู่กับผม ห้ามพูดถึงคนอื่น”
แล้วเขาก็หันมาสบตาเธออย่างจัง เอ่ยเสียงเข้มทีเดียว “โดยเฉพาะผู้ชาย”
เจ้านางรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาเอง ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลยได้แต่นั่งมองทาง ลมเย็นพัดผมเธอไปล่ปลิว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้นั่งรถเปิดประทุน ถ้าไม่นับรถสี่ล้อเล็กอย่างตุ๊กตุ๊กเวลานั่งเข้าซอย มันก็คล้ายๆ กันอยู่นะ หญิงสาวแอบคิดขำๆ อยู่คนเดียว
ปณัยขับไปเรื่อยๆ ตามทางที่รถบางตาลงมากแล้วด้วยว่าค่อนข้างดึก เจ้านางนั่งเกร็งหนัก มิใช่เพราะรถที่ดูหรูหรา แต่หากเป็นกลิ่นโคโลญอวลจากตัวชายหนุ่ม ชุดนักแข่งที่เขาใส่ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มผู้รักความท้าทายและน่าค้นหา ลดกำแพงความเป็นส่วนตัวลงเมื่อเทียบกับยามที่เขาอยู่ในเครื่องแบบซีอีโออย่างชุดสูทเนี้ยบกับเนกไทเส้นหรู
“เรามีแฟนหรือยัง เจ้านาง” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านไป
เจ้านางตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียวเมื่อเจอคำถามแบบนี้
“ว่าไง ตอบไม่ได้หรือไม่อยากตอบ” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
“คำถามนี้นางต้องตอบ เพราะคุณเป็นเจ้านายหรือเปล่าคะ” เธอถามกลับ
เขาระเบิดเสียงหัวเราะ “โอเค คำถามส่วนตัว คุณอยากตอบก็ตอบ คุณไม่ตอบ ผมก็ไม่ว่าอะไร”
หญิงสาวตวัดสายตาจากใบหน้าคมเข้มนั้น กลับไปมองถนนเบื้องหน้าที่มีแต่ความว่างเปล่า เขาไม่เซ้าซี้จริงๆ แหละ เพราะเขาเปลี่ยนคำถาม
“คุณเรียนสาขาอะไรนะ”
“สาขาวิชาการแสดงดนตรี เมเจอร์เปียโนค่ะ”
“อืม ดี” น้ำเสียงของเขาดูพอใจ กับดวงตาเป็นประกายยามมองเธอแวบหนึ่ง จนเธอนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน คิดว่าเขาคงจะชอบดนตรีอย่างเปียโนเหมือนกันละมั้ง
ทางที่เขาขับคือถนนวงแหวนที่ไม่ค่อยมีรถมากนัก ลมปะทะแรงยามที่เขาเร่งความเร็ว แต่ก็ไม่ได้เร็วจนเกินไป
“นางคิดว่าคุณจะขับรถเร็วกว่านี้เสียอีก” เธอถามเพราะสังเกตมาตั้งแต่นั่งรถเขาคราวก่อนแล้ว
เขาหัวเราะในลำคอก่อนเหลียวมองมา “ตรงนี้ไม่ใช่ที่ประลองความเร็ว ไว้ไปดูผมในสนามแข่งสิ นั่นละที่ที่ใช้ความเร็วได้อย่างท้าตายเลย”
เธอสบตาเขาเพียงชั่วครู่ ไม่ได้ต่อความหากปณัยพูดต่อเอง
“ไปไหม ผมอยากให้คุณไปดูผมแข่งรถนะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ นางดูไม่เป็น” เธอบอกปัด
“ผมไม่ได้ให้คุณไปดูการแข่งเสียหน่อย”
“ยังไงคะ” เธอขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มหันมาพร้อมใบหน้าสว่างไสวด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางลงไปเลย “ผมแค่อยากให้คุณไปอยู่ด้วยที่นั่น ผมอยากเห็นหน้าคุณ” เขาเลื่อนมือหนึ่งมากุมมือเธอขณะพูด “เพราะต่อจากนี้คุณจะเป็นกำลังใจสำคัญของผม เจ้านาง”
เธอเงียบไปเลยทีเดียว มือที่เขากุมไว้อบอุ่นเหลือเกิน เขาขับรถต่ออย่างตั้งใจจนครู่ใหญ่ที่ลมเริ่มปะทะแรงขึ้นจึงหันมาถาม
“หนาวไหม”
“ไม่เท่าไรค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบ ก็เสื้อที่เธอใส่อยู่ตอนนี้ยังเป็นชุดที่ขึ้นแสดง ผ้าซาตินสีน้ำตาล เนื้อไม่หนานัก เมื่อลมปะทะต้านความเร็วรถทำให้รู้สึกเย็นอยู่เหมือนกัน แต่เจ้านางไม่ใช่คนชอบบ่นอะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ หากท่าที่เธอยกมือขึ้นกอดอกเขาคงดูออก
ปณัยเหลียวมองกระจกข้างแล้วเขาก็ชะลอความเร็วลง เบี่ยงเข้าเลนซ้ายสุดขับช้าลงมากทีเดียวแต่ก็ไม่ถึงกับหยุด เขากดปุ่มหนึ่งเสียงดังกุกกักขึ้นที่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมอง แล้วต้องตื่นตาเมื่อเห็นโครงหลังคาปรากฏขึ้นช้าๆ จากท้ายรถ ค่อยๆ โค้งขึ้นมาคลุมศีรษะปิดประทุนสมบูรณ์ในระยะเวลาที่สั้นมาก แล้วปณัยก็เร่งความเร็วแวบเดียวขับกลับมาอยู่เลนเดิม
ว้าว เป็นการช่วยคลายหนาวได้เท่ที่สุดเลย เธอคิด
“หลังคาปิดเร็วมาก” เจ้านางตื่นเต้นไม่หาย เขาเพียงยิ้มมุมปาก
“แน่นอน และยังสามารถเปิดปิดขณะรถวิ่งได้ด้วยเห็นไหม แต่ว่าความเร็วต้องไม่เกินสี่สิบห้ากิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ ผมเลยต้องเบาเครื่องเมื่อกี้”
“สุดยอดจริงๆ คันนี้” เธอมองไปรอบๆ นอกจากจะหล่อสุดๆ แล้ว ฟังก์ชันของรถก็เลิศ
“ไม่ใช่แค่คันนี้นะ ผมไม่ได้ยกยอปอปั้นรถที่บริษัทผมนำเข้าหรอกนะ แต่จะบอกว่าทุกรุ่นกินกันไม่ลง แต่ละตัวจะมีความโดดเด่นที่ต่างกันไป แต่ที่แน่ๆ เครื่องของรถพวกนี้ท็อปฟอร์มทุกคัน”
เขาเอียงศีรษะมาทางเธอพร้อมกับหลิ่วตา “หายหนาวหรือยัง”
“ค่ะ ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้นแค่เย็นๆ”
เขายิ้มแปลกๆ ทว่าประโยคที่เอ่ยถัดมาแปลกแปร่งกว่าเยอะ
“ถ้ายังไม่หายหนาว ผมคงต้องจอดรถแล้วกอดคุณไว้”
“คุณปณัย!” เธอตาโต
“คุณณัย” เขาย้อนมองเธออย่างเตือนว่าควรพูดอย่างไร
เธอพ่นลมหายใจออกมา “คุณเลิกพูดเล่นแบบนี้สักทีได้ไหม”
เขายิ้มอย่างถูกใจ ดวงตาที่สบมองมาวิบวับพริบพราว “ผมพูดเล่นที่ไหน ผมทำจริงนะ” เขาตบไฟเลี้ยวทำท่าจะเบี่ยงจอดข้างทางจริงๆ
“คุณณัย! ไม่ต้องค่ะ นางไม่หนาว อุ่นจะตาย” เธอรีบบอกเป็นพัลวัน
เขาหันมาหัวเราะเบาๆ “ทำไม กลัวผมจะกอดเหรอ คุณนี่แปลกดีนะ มีแต่คนอยากให้ผมกอด เพิ่งมีคุณคนแรกนี่ละอะไรก็จะอยู่ห่างผมตลอดเลย รังเกียจกันมากเหรอ”
เขาถามเรียบๆ ขณะเลี้ยวรถเข้าซอย เขาจำทางกลับบ้านเธอได้แม่นดีจัง ขนาดหลายเลี้ยวซอกซอน
เธอลอบถอนหายใจ “ไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่มันไม่เหมาะ คุณเป็นเจ้านาย นางเป็นลูกน้อง”
“โห ถ้าคิดอย่างนั้นยิ่งเหมาะเลย คุณไม่อ่านนิยายดูละครบ้างเหรอ พระเอกนางเอกเจ้านายลูกน้องตอนจบได้กันทุกที”
“คุณปณัย!” เจ้านางเรียกเขาเสียงแข็งทีเดียว จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “เลิกวกมาเรื่องแบบนี้สักทีได้ไหม ตกลงคุณรับนางมาทำงานบังหน้า เพราะหวังเรื่องอย่างนั้นใช่ไหมสุดท้ายแล้ว ซีเตือนนักเตือนหนาอยู่เชียวนางก็ไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นนางไม่ทำ...”
“โอ๊ย เดี๋ยวๆ คุณ ไปกันใหญ่แล้ว” ปณัยรีบขัด เขาเริ่มชะลอรถเมื่อเข้าสู่ซอยบ้านเธอและค่อยๆ จอดลงหน้าบ้าน หันมองเธอเต็มๆ ตา
“เจ้านาง ผมไม่เคยคิดจะรับคุณมาทำงานบังหน้าหรือเพื่อจะหวัง เคลมคุณเลยนะ เอาตรงๆ ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย ถ้าผมจะเอาจริงผมจะบอกกับคุณตรงๆ ไม่เสียเวลาอ้อมแม่น้ำอย่างนี้หรอก”
“จะไปรู้คุณเหรอ เห็นพูดแต่ละอย่าง” เธอเสมองไปทางอื่น
เขาก้มตัวลงมาจนเห็นใบหน้าหล่อเหลาใกล้ชิด “ผมชอบแหย่คุณ ก็แค่นั้น”
เธอขมวดคิ้ว “ก็แค่นั้นเนี่ยนะ”
“อืม ถึงแล้ว” บทจะไม่ต่อความเขาก็จบง่ายๆ แค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูลงรถ
เจ้านางไม่รอให้เขาต้องมาเปิดประตูให้ เธอรีบลงจากรถเขาแล้วมองเข้าไปในบ้าน แต่แล้วกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“เอ๊ะ! ทำไมประตูบ้านเปิดอ้าอย่างนั้น”
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา เปิดจองตั้งแต่วันนี้ - 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก) **
>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<
คลิกอ่านเล่มเต็ม
ดาวน์โหลด eBook ภายใน 7 วันแรก
ลดราคาพิเศษ เหลือเพียง 249฿ (จากปก 350฿)
ราคาโปรโมชั่นสิ้นสุดเที่ยงคืนวันที่ 8 ธ.ค. 65