ณ หอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย ยามนี้ถูกเนรมิตรให้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตของนักศึกษาคณะดุริยางคศาสตร์ คอนเสิร์ตที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสอบ นักศึกษาจะมีวงดนตรีของตนเองที่มีสมาชิกราวๆ สี่ถึงห้าคน แต่ละวงต้องแสดงคอนเสิร์ตเพื่อให้อาจารย์ซึ่งเป็นกรรมการประเมินความสามารถด้านดนตรีและการแสดง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนที่นี่
เวลานี้ถึงคิวของวงเจ้านางต้องขึ้นแสดงแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินไปประจำที่ของตน
“นางครับ” แอร์เรียกเธอก่อนที่จะพ้นเงามืดออกสู่แสงสว่างบนเวทีใหญ่
เจ้านางหันไปเห็นแอร์ยิ้มกว้างพลางเอ่ย “เต็มที่นะครับ นางทำได้อยู่แล้ว ผมเป็นกำลังใจให้นางอยู่ตรงนี้นะ”
เขายกกำปั้นแตะหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ทำอย่างกับกล่าวสัตย์สาบานอะไรอย่างนั้น
เจ้านางอมยิ้ม ขยิบตาให้ “เต็มที่แน่นอนอยู่แล้ว แอร์ก็ด้วยล่ะหวดเต็มที่เลยนะ”
“แน่นอนครับ”
เขาทำท่าตะเบ๊ะอย่างทหาร พอดีกับที่จุลเรียกเพื่อนด้วยท่าอ้าแขนโอบทุกๆ คนอย่างพี่ใหญ่
“มาเพื่อนๆ รวมพลังกันก่อน”
ซีเดินมาโอบไหล่เจ้านางอย่างเคยพร้อมกับยิ้มพึงใจ เจ้านางชินแล้วกับท่าทางแบบนี้ของซี แม้จะรู้ว่าซีนิยมผู้หญิงและชอบเธอเอามาก แต่ทั้งเธอและซีก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันคือเพื่อนเท่านั้น แอร์ก้าวเข้ามาโอบไหล่จุล
แล้วทั้งสี่ก็ยื่นมือออกมาตรงกลางวงก้มลงประสานเสียง
“ลุย!!”
เจ้านางรับรู้ถึงกำลังใจอันเต็มเปี่ยมและพลังแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เธอมองหน้าเพื่อนทุกคนที่แววตาแน่วแน่ มั่นใจ การขึ้นแสดงครั้งแรกของพวกเธอต่อหน้าอาจารย์กรรมการ การสอบปฏิบัติเก็บคะแนนในครั้งนี้ เจ้านางพร้อมแล้ว! เมื่อมีเพื่อนๆ พร้อมก้าวเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่กลัว
ทั้งสี่ก้าวออกไปสู่เวทีใหญ่ สู่แสงไฟอันเจิดจ้า ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในคณะ ยิ่งช่วยส่งกำลังใจกันอย่างเต็มที่
เจ้านางหลับตาเพียงครู่มือวางลงบนคีย์บอร์ดอย่างไม่ต้องมอง เธอซ้อมมาจนหลับตาเล่นยังได้ ทุกตัวโน้ตอยู่ในสมองและหัวใจ
เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็เปิดซาวนด์เอฟเฟ็กต์ลึกลับ ดันปุ่มปรับความดังขึ้นให้เสียงแหลมสูงก่อนจะปรับลดลงทันที แล้วกดนิ้วลงบนคีย์ให้เสียงโน้ตต่ำประสานกันอยู่สามสี่ตัว ก่อนจะพลิ้วมือเข้าสู่อินโทรจังหวะเท่ๆ เธอชำเลืองมองจุลในจังหวะนั้นเป็นการให้สัญญาณ แล้วเขาก็โซโลกีตาร์ขึ้นมา เสียงผู้ชมกรี๊ดสนั่นหอประชุม
เจ้านางเริ่มร้องท่อนแรกด้วยจังหวะนัวๆ เบสของซีเลี้ยงทำนองซ้ำๆ อย่างน่าสนใจ และจบท่อนด้วยเสียงรัวกลองของแอร์ก่อนจะเข้าสู่ซาวนด์เอฟเฟ็กต์อันลึกลับอีกครั้ง
พวกเธอตั้งใจเลือกเพลงนี้เป็นเพลงเปิด เพื่อหลีกหนีความจำเจทั้งเพลงช้าและเร็ว จึงตั้งใจใช้เพลงที่โชว์สกิลการเล่นดนตรีทุกเครื่องของนักดนตรีทุกคน และไฮไลต์คือโซโลกลองอย่างเมามันของแอร์
เพลงแรกผ่านไป พวกเธอมีกำลังใจยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มของอาจารย์กรรมการ ท่านหนึ่งที่ขี้เล่นหน่อยถึงกับลุกขึ้นปรบมือให้
ถัดมาคือเพลงช้าที่ตั้งใจโชว์เสียงของเจ้านาง เพลงนี้หญิงสาวแทบจะโชว์เดี่ยว เพราะปรับคีย์บอร์ดให้เป็นเปียโนและเธอก็เดี่ยวเปียโนตั้งแต่ต้นเพลงพร้อมกับร้องไปด้วย ทำนองช้าเศร้าตรึงคนฟังและเบรกอารมณ์จากเพลงแรกเพื่อให้เกิดความแตกต่างและน่าสนใจ พวกเธอประชุมกันมาหลายต่อหลายครั้งกว่าจะลงตัวด้วยเซตลิสต์ สี่เพลงนี้
เพลง Walk Out หรือเพลงจบ พวกเธอตั้งใจปล่อยพลังเต็มที่ จึงเลือกเพลงร็อกจากวงระดับตำนานที่จังหวะเร้าใจจนคนดูแทบจะลุกขึ้นเต้นกันหมด อาจารย์ขี้เล่นท่านนั้นก็โยกตัวอย่างสนุกสนานจนนักศึกษากรี๊ดกันสนั่น
เพลงสุดท้ายนี้จุลรับหน้าที่ร้องนำ เขาโยกหัวจนผมกระเซิง เจ้านางเองก็เล่นคีย์บอร์ดพร้อมกับโยกตัวไปด้วย เธอมองเพื่อนๆ บนเวที แสงสีเสียง ดนตรีคือสิ่งที่เธอรัก ยิ่งการได้เล่นเป็นวงและได้แสดงสดคือสุดยอดปรารถนา
การที่เครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นมาเล่นรวมกันได้เป็นเพลง สำหรับเจ้านางมันคือความมหัศจรรย์ของตัวโน้ต และความสามัคคีของนักดนตรีที่มีใจรักในเสียงเพลง หัวใจดนตรีของทุกคนนำพาบทเพลงให้งดงามตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ว่าจะเหนื่อย จะท้อ เบื้องหลังของชีวิตจะมีปัญหาทุกข์ร้อนเพียงใด แต่เมื่อไหร่ที่เธอได้จับไมค์ ขาอยู่บนเวที เงยหน้าขึ้นให้ดวงตาปะทะกับสปอตไลต์ที่ฉายลงมา มันทำให้เธอมีกำลังใจที่จะฟันฝ่าต่อไป แม้แสงนั้นจะจัดจ้าทำให้มีน้ำตา หากน้ำตาบนเวทีคอนเสิร์ตคือน้ำตาแห่งความสุขใจเสมอสำหรับผู้หญิงที่ชื่อ...เจ้านาง
การแสดงจบลงอย่างสวยสดงดงาม ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ชัดเจนว่ามีความสุขจากบทเพลงที่พวกเธอมอบให้ ทำทั้งสี่ยิ้มไม่หุบเมื่อเดินออกมาโค้งให้กับผู้ฟังหน้าเวที ยิ่งอาจารย์กรรมการทั้งสี่ท่านลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างยาวนานยิ่งทำให้พวกเธอปีติเป็นที่สุด ยกมือไหว้พร้อมกับโค้งตัวลงอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมา เจ้านางได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เสียงกระซิบเสียงวี้ดวิ่วดังตามมา แล้ววินาทีนั้นเองเธอก็เห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามายังด้านหน้าเวที แหวกผู้คนด้านล่างจนเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตา!
ปณัยโดดเด่นท่ามกลางผู้คนเรือนพัน ด้วยร่างสูงสง่ากับเรือนกายบุรุษอันน่ามอง ไหล่กว้างอกกำยำ ที่สำคัญชุดที่เขาใส่ทำเธอตื่นตา เจ้านางเชื่อว่าเกือบทุกคนรู้สึกอย่างเธอ
เขาอยู่ในชุดสูทนักแข่งรถ! แม้ส่วนบนจะถอดออกปล่อยห้อยคลุมสะโพกเหลือแต่เสื้อยืดสีเทาแนบตัวแขนยาว แต่ตัวอักษรอะไรต่อมิอะไรและแถบต่างๆ บนกางเกงก็ดูออกว่าคือชุดอะไร เขาแต่งแบบนี้มายืนกลางฮอลล์แสดงคอนเสิร์ตเนี่ยนะ!?
มากไปกว่านั้น ในมือของเขามีดอกไม้ช่อยักษ์ กุหลาบสีชมพูหวานแซมดอกยิปโซฟิลลาสีขาวเล็กๆ จัดช่องดงาม โบสีนวลปล่อยชายพลิ้วเพิ่มความหวานและอ่อนโยน
“เจ้านาง สำหรับคุณ” ปณัยยื่นช่อดอกไม้นั้นให้เธอ
เจ้านางยอมรับว่า การมีใครสักคนมอบดอกไม้ให้บนเวทีช่างเป็นความรู้สึกพิเศษเหลือเกิน ยิ่งใครคนนั้นเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์รอบตัว มันทำให้เธอใจสั่นเลยทีเดียว แม้จะไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งกับเขามากมายก็เถอะ รูปลักษณ์ของคนเรามันมีผลกับความรู้สึกอยู่เหมือนกันนะ
เธอประหม่าเกินกว่าจะออกไปรับช่อดอกไม้ เรียกว่ายังตั้งตัวไม่ทัน ทำอะไรไม่ถูกมากกว่า
เพื่อนๆ บนเวทีก็ดูจะตื่นตะลึงไปด้วย โดยเฉพาะแอร์ที่จ้องปณัย ดวงตาวาวโรจน์ทีเดียว
ซีสะกิดเธอ “ใครอะนางหน้าคุ้นๆ แต่หล่อเป็นบ้าเลยว่ะ นางรีบรับสิ อย่าปล่อยเทพบุตรยืนเก้ออย่างนั้น”
เสียงเพื่อนเตือนทำให้รู้ตัว เจ้านางก้าวไปหาเขาใกล้ๆ ย่อตัวลงรับกุหลาบช่องามจากมือชายหนุ่ม เธอรู้สึกถึงแสงแฟลชวูบวาบ คงช่างภาพของคณะเก็บช็อตเด็ดๆ ไป ช็อตเด็ดที่เธอไม่ได้ต้องการเลยจริงๆ ก็การเด่นเกินไปจะเป็นภัยนี่นา
“คุณเจ๋งมากคืนนี้ คอนเสิร์ตเยี่ยมมากครับ” ปณัยพูดพลางยิ้มอย่างมีเชิง ดวงตาคมของเขาส่งแววระยิบระยับเป็นประกาย ทำให้ใบหน้าทรงเสน่ห์ของเขาดูกรุ้มกริ่มจนเจ้านางแก้มร้อนเลยทีเดียว
ขณะรับดอกไม้เขา เจ้าของดอกไม้ก็เอื้อมมือมากุมมือเธอไว้รวดเร็ว อย่างที่เจ้านางไม่ทันจะชักมือกลับ แล้วปณัยก็ดึงมือเธอข้างหนึ่งไปเพื่อก้มลงจุมพิต
“เฮ้ย!” เสียงแอร์ดังขึ้นทันทีตามด้วยเสียงจุล
“อย่าเว้ยเพื่อน ใจเย็น”
เจ้านางรีบลุกขึ้นหันไปเห็นความโกลาหล จุลกำลังรั้งตั้วแอร์ไว้ไม่ให้เดินมาหาเรื่องปณัย เธอจึงรีบหันกลับมาบอกเขา “ขอบคุณนะคะ คุณกลับ ไปก่อนดีกว่า นางกลัวอาจารย์ว่าถ้ามีเรื่อง”
ปณัยยังคงยืนนิ่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มองแอร์ที่ทำท่าฮึ่มๆ ใส่อย่างไม่แคร์ “ผมยังกลับไม่ได้ วันนี้ผมตั้งใจมารับคุณด้วยนะเจ้านาง”
เธอเบิกตาโต “ตะ...แต่นางกลับเองได้ นางยังต้องรอเพื่อนๆ วงอื่นแสดงให้จบก่อน นี่ยังอยู่ในการสอบนะคุณปณัย”
“ผมรู้ ไม่เป็นไรผมรอได้” เขายืนกราน เอากับเขาสิ!
“ไม่ต้องรอค่ะ รอ นางก็ไม่กลับด้วย คุณออกไปได้แล้ว ถ้านางโดนตัดคะแนนเพราะคุณ นางโกรธจริงๆ ด้วย” เธอเสียงแข็งหน้างอง้ำใส่ ไม่สนแล้วหากเขาจะไล่เธอออกไม่ให้ไปทำงานที่ผับอีกเพราะเรื่องนี้ ทว่าปณัยกลับมีท่าทีอ่อนลงอย่างน่าประหลาดใจ
“โอเคๆ อย่าโกรธผมสิ โธ่...อุตส่าห์มาเชียร์ เอาเป็นว่าผมรอข้างนอกนะ” เขาโน้มใบหน้าหล่อๆ มาจนใกล้ ดวงตาวาววับสบตาเธอเขม็ง
“ห้ามหนีกลับก่อนล่ะ!”
เจ้านางยังคงเชิดใส่ กลัวที่ไหน ปณัยชี้นิ้วมาที่เธออย่างโกรธๆ งอนๆ แล้วจำใจเดินออกไป
ไฟบนเวทีหรี่ลงจนมืดเพื่อเปลี่ยนวง แอร์เดินอาดเข้ามาหาเธอทันที
“มันเป็นใคร ทำไมมาหานาง มาให้ดอกไม้นางถึงที่นี่”
แอร์ไม่พูดเปล่า จ้องเขม็งมาที่ดอกไม้ในมือเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง เหมือนกุหลาบแสนสวยมีความผิดไปด้วย
“เข้าไปคุยหลังเวทีเถอะ” จุลปรามแล้วดึงแขนแอร์ที่ออกอาการเหมือนเด็กดื้อ ขณะที่ซีเดินข้างเธอมองด้วยสายตาห่วงๆ
จนมาด้านหลังเวทีซึ่งที่ทางพอจะสะดวกพูดคุยกันได้ เจ้านางจึงเล่าให้เพื่อนฟังคร่าวๆ ถึงความเป็นมาที่ได้รู้จักกับปณัย ซีตบเข่าดังฉาดอย่างเพิ่งนึกออก
“มิน่า ก็ว่าคุ้นๆ นายปณัย เจ้าของแบรนด์ซูเปอร์คาร์แล้วก็เป็นนักแข่งรถด้วย จำได้แล้ว”
จุลพยักหน้าตามแล้วว่า “เจ้าของผับแถวสุขุมวิทไง ที่เราเคยแอบไปกันตอนเปิดเทอมใหม่ๆ ใช่ไหม”
ทุกคนพยักหน้า ต่างก็จำวีรกรรมของตัวเองตอนรวมแก๊งใหม่ๆ ได้ว่าชวนไปฟังเพลงที่ผับของปณัยกัน แต่ต้องแอบเข้าไปเพราะอายุยังไม่ถึง อันที่จริงก็เพราะวันนั้นนั่นละ ทำให้เจ้านางคิดกลับไปสมัครร้องเพลงที่นั่น เพราะผับของปณัยเน้นเพลงสากลแนวที่เธอถนัดพอดี
หญิงสาวมองเพื่อนมือกลองที่ไม่พยักพเยิดไม่พูดคุยกับใคร เอาแต่ยืนหน้าบึ้ง แล้วเขาก็เดินมาจ้องหน้าเธอ
“นาง ผมไม่ชอบเลยที่มันมาถึงที่นี่ ไม่เกรงใจอาจารย์ ไม่เกรงใจพวกเรา” แอร์พูดอย่างอัดอั้น
เธอถอนใจ “นางไม่รู้เรื่องด้วยเลยนะแอร์ นางไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำ แค่ลางานไว้เท่านั้น และก็ไม่เคยบอกใครด้วยว่าเรียนที่นี่ ไม่รู้เขารู้ได้ยังไง”
แอร์เบะปาก “ก็มันคงสนใจนางน่ะสิ ถึงได้ตามมาถึงนี่ได้ ระดับนี้มันอยากรู้อะไรก็คงทำได้หมดมีเงินซะอย่าง”
เจ้านางถอนใจอีก “แอร์ ใช้คำพูดถึงเขาดีๆ หน่อยได้ไหม นางไม่อยากได้ยินแอร์พูดไม่เพราะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้นนะ”
“นางชอบมันเหรอ ก็นะ รวย หล่อ ขับรถหรู เจ้าของบริษัท เจ้าของผับ...”
“แอร์หยุดเลยนะ!” เธอพุ่งไปผลักอกแอร์จนเซ
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ นาง” ซีเข้ามาดึงเธอไว้ ขณะที่แอร์ยืนนิ่งไม่ตอบโต้ทางกาย แต่วาจายังเชือดเฉือนนัก
“นางจะผลัก จะชก จะตบผมก็เชิญ ผมพูดความจริง”
“ความจริงที่แอร์คิดว่านางชอบคุณปณัยเพราะเรื่องพวกนั้นใช่ไหม นางไม่คิดว่าแอร์จะมองนางแบบนั้นเลย แอร์ดูถูกนางมากนะ”
น้ำตาเธอเอ่อขึ้นเอง เสียใจที่เพื่อนคิดต่อกันแบบนี้
“ใจเย็นๆ ก่อนน่าเพื่อนๆ” จุลเอ่ย แต่เวลานี้คำปลอบนั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาเลย เธอสะบัดหน้าแล้วเดินหนีออกไปทันที
“นาง นาง” เสียงซีเรียกแล้ววิ่งตามไป
เจ้านางเดินเร็วๆ กลับมายังห้องที่เธอและเพื่อนๆ ใช้รวมตัวกันก่อนขึ้นแสดงไปหมาดๆ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้ยังมีเสียงหัวเราะ ซักซ้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและคำให้กำลังใจ แต่เวลานี้เจ้านางผิดหวังกับเพื่อนที่คิดว่ามีแต่ความจริงใจให้กันมาตลอด ที่แท้ลึกๆ ในใจแล้วกลับคิดต่อกันในแง่ลบเหลือเกิน
“นาง ใจเย็นๆ ไอ้แอร์มันหึงก็เลยพาลน่ะ มันชอบนางมากนะ” ซีเดินตามมาปลอบ
เจ้านางแทบจะยัดๆ ของลงกระเป๋าเป้แล้วสะพายขึ้นบ่า อยากจะไปจากตรงนี้เร็วๆ ซีกึ่งเดินกึ่งวิ่งตาม “นางจะกลับเลยเหรอ ไม่รอให้แสดงครบทุกวงก่อน”
เธอหยุดมองซี “ถ้านางกลับก่อนได้ไหมซี อาจารย์ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่ใช่ไหม นางไม่มีใจอยู่แล้วจริงๆ แอร์ว่านางอย่างนั้นซีก็ได้ยินนี่”
ซีพรูลมหายใจออกมา ตบไหล่เธอเบาๆ “เข้าใจฮะนาง ไอ้แอร์ก็พูดเกินไป แต่ซีเชื่อว่ามันพูดเพราะอารมณ์ ไม่ได้คิดจะว่านางอย่างนั้น นางอย่าคิดมากเลยนะ”
“นางแค่ทำงานกับเขาจริงๆ ซีเชื่อใช่ไหม” เจ้านางถามแล้วมองตาเพื่อน “นางชอบร้องเพลง แล้วมันมีผับกี่ที่กันที่ยอมรับเด็กยังไม่ถึงยี่สิบร้อง แต่นี่คุณปณัยเขายอมเสี่ยงไง”
เพื่อนสบตาเธอเช่นกัน แววตาจริงจังกว่าครั้งไหน “ซีรู้ว่านางไม่คิดอะไร แต่เอาจริงๆ นะ คุณปณัยน่ะชอบนางแหงๆ อยู่แล้วพันเปอร์เซ็นต์ แต่เขาจะลุยแค่ไหนนี่อีกเรื่อง คงเกรงใจที่นางยังเด็กและเป็นนักศึกษา นางอย่าว่างั้นงี้เลยนะ ซีเห็นแววตาก็ดูออกว่าเขาชอบนาง นางก็ต้องระวังตัวไว้ด้วย แล้ว...”
เพื่อนทำหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ถ้าซีเป็นไอ้แอร์ก็คงหึงเหมือนกัน กลัวด้วยเพราะใครจะไปสู้โพรไฟล์คุณชายเขาได้ล่ะ นางเถอะก็ระวังตัวด้วย นางไม่คิดแต่เขาคิด ซีเป็นห่วงนางนะ จริงๆ ซีก็หวงนะเนี่ยใครจะมาเอาเพื่อนซีไปก็ต้องขอสกรีนกันหน่อยละ”
“ซี!” เธอเบิกตาโต แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจบ้าง
“อย่างน้อยก็ขอบคุณที่ซีเข้าใจว่านางทำงาน และนางก็รู้หรอกว่าเขาคิดยังไง แต่นางเชื่อว่าเขาคงเล่นๆ กะลิ้มกะเหลี่ยกับสาวไปทั่วตามสไตล์เขาน่ะ คงไม่อะไรจริงจังหรอก”
“เฮ้ย อย่าประมาทไปนะจ๊ะคนสวย” ซีมองเธอด้วยสายตาเคลิ้มๆ มือไล่ไปตามแขนเธอจนถึงข้อมือ “เนี่ยนางอะสวยไปหมดทุกตรงเลย ผิวเนียน คอระหง แขนขาเพรียวบอบบาง อกตู้มน่าหม่ำ”
“ซี...” เธอเสียงเข้ม ถอยห่างจากเพื่อนอัตโนมัติ
“แหม...ก็ตรงสเป็กซีน่ะ แต่นั่นแหละ ตัดใจๆ ซีจะไม่กินเพื่อน” สาวหล่อทำท่าสะบัดหัวแล้วยิ้มกว้าง แววตาค่อยกลับมาเหมือนเดิมหน่อย
“นางไปแล้วนะซี” เธอกระชับกระเป๋าสะพาย
“ไม่อยู่ต่อแน่เหรอ เผื่ออาจารย์ถามถึง” ซีทำหน้าอยากให้เธอเปลี่ยนใจ
“ไม่อะ หมดอารมณ์จริงๆ บอกอาจารย์ว่านางไม่สบายหรืออะไรก็ได้แล้วแต่เลย นะซีนะ” เธอเกาะแขนเพื่อน ทำหน้าเว้าวอน
ซีจับมือเธอหมับ “จ้าคนงาม อย่าอ้อนมากเดี๋ยวเผลออีกหรอก”
“ซีอะ” เธอค้อน
“ครับๆ” ซียอมปล่อยมือแล้วก้าวตามมา “เดี๋ยวซีไปส่ง”
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา เปิดจองตั้งแต่วันนี้ - 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก) **
>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<
คลิกอ่านเล่มเต็ม
ดาวน์โหลด eBook ภายใน 7 วันแรก
ลดราคาพิเศษ เหลือเพียง 249฿ (จากปก 350฿)
ราคาโปรโมชั่นสิ้นสุดเที่ยงคืนวันที่ 8 ธ.ค. 65