ทดลองอ่าน ความเร็ว ความรัก และมายา : ตอนที่ 9

 

 

ตอนที่ 9

 

 

หลังเวที จุดที่นักดนตรีนักร้องกระจุกตัวกันอยู่เพื่อรอขึ้นเวทีตามคิว มีซูซานเดินไปเดินมาคอยดูแลความเรียบร้อย เป็นกิจวัตรปกติสามัญของทุกวันและของทุกๆ คน เวลานี้วงดนตรีแสดงสดเริ่มแล้วตั้งแต่หกโมงเย็น นี่ทุ่มครึ่งแล้ว วงดนตรีที่รอบางคนดื่มเล็กๆ น้อยๆ พร้อมเล็มกับแกล้ม บางคนนั่งเล่นมือถือ บางคนกำลังเช็กโน้ตในไอแพด หากทุกคนแทบจะหยุดทุกอย่างที่กำลังทำ ลุกพึ่บพั่บบ้างก็นั่งตัวตรงแน่ว ยกมือไหว้คนที่เดินอาดเข้ามา เจ้าของผับแห่งนี้ ผู้ไม่เคยเข้ามาหลังเวทีเลยจนกระทั่งคืนนี้

“ซูซาน นักร้องใหม่ล่ะ” เขาถามผู้จัดการสาวท้วมทันทีที่เห็นหน้า

ซูซานหันซ้ายแลขวาอยู่ครู่ “เจ้านาง น่าจะแต่งตัวอยู่ค่ะบอส”

สาวใหญ่กลับมาร่าเริงเรียกขานเขาอย่างเคยปาก ไม่เหมือนวันนั้นที่โดนเรียกเข้าห้องเย็น...ห้องส่วนตัวของปณัยตรงชั้นลอย

“พาผมไปหาเธอหน่อย” เขาบอก ทว่าซูซานยืนตัวแข็งทื่อตาโตวาววับ

“อะไร ผมสาปให้คุณเป็นหินหรือไงซูซานมายืนอ้าปากหวอ อยู่ไหนห้องแต่งตัวเธอน่ะ” เขาเสียงแข็ง

“เอ่อ อ่า...” ซูซานเป็นรูปปั้นหินติดอ่างไปแล้ว

“ยังมาเอ่ออ่าเดี๋ยวได้เป็นรูปปั้นตกงาน เก็บเข้ากรุหลังผับเนี่ยล่ะ” เขาทำตาดุใส่

“ว้าย อย่าค่ะบอส ขอซูทำงานกับบอสสุดหล่ออย่างคุณปณัยไปก่อนนะคะ ก็ซูแค่แปลกใจที่บอสมาดูแลนักร้องใหม่ถึงที่ขนาดนี้น่ะค่ะ”

“เงียบไปเลยซูซาน ถ้ายังอยากทำงานอยู่” เขาขู่

“แหม...บอสก็ เชิญทางนี้ค่ะ” ซูซานทำเป็นประจบด้วยท่าทีปกติของหล่อน

ปณัยกวาดตาที่เป็นดังแสงเลเซอร์คมกริบทันทีที่ประตูห้องเปิดออก เสียงหญิงสาวที่อยู่ข้างในร้อง

“ว้าย!”

เจ้านางสวมกระโปรงสีดำสั้นแค่ต้นขา ท่อนบนมีเพียง...บราสีดำ หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกพยายามปิดทรวงอร่ามของตน หันรีหันขวางเลิ่กลั่กหาผ้าคลุม เธอยืนอยู่กลางห้องคงกำลังสำรวจเรือนร่างตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่พอดีกับที่เขาเปิดประตูเข้ามา

ปณัยรีบหันไปเบรกคนสนิทที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง “วิน นายไม่ต้องเข้ามา ซูซานด้วย ผมจะคุยกับเธอนิดหน่อยเรื่องกฎเกณฑ์การทำงานที่นี่”

เขาพูดจบก็ปิดประตู กดล็อก!

ปณัยก้าวเข้ามาช้าๆ จนหยุดยืนหน้าเธอ ในระยะประชิด

หญิงสาวรีบหันหลังเอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมหนังสีดำผ้าแบบเดียวกับกระโปรงที่แขวนอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ใกล้นัก ปณัยคว้าแขนเธอไว้หมับ ทำเอาเธอชะงักเอี้ยวมองเขา

“คุณจะทำอะไรน่ะ” เจ้านางเสียงแข็งใส่

แม้เธอจะสูง แต่เขาสูงกว่ามาก ปณัยหลุบตาลงมองดวงหน้ารั้นๆ ตากลมที่ฉายแววไม่มั่นใจ ประหม่าหน่อยๆ เขาชอบแววตาของผู้หญิงที่ดูตื่นกลัว มันทำให้รู้สึกว่าเขากำลังเป็นผู้คุมเกม

ปณัยไม่ตอบ แต่เอื้อมมือคว้าแจ็กเก็ตตัวเล็กที่แขวนอยู่นั้นยื่นให้เธอ แล้วก้มบอกแทบจะกระซิบข้างหู

“ไม่ทำอะไร จะหยิบเสื้อให้ไง ใส่ซะ”

เธอรีบรับไปสวม ทว่าตัวเสื้อเล็กและสั้น เพราะออกแบบมาให้เปิดสาบเสื้อเพื่อเห็นเนินอกและหน้าท้องขาวเนียน

ปณัยมองอกอิ่มใต้บราสีดำที่ยังเห็นได้ เขาสูดหายใจลึก อกเธอกลมสวย เนื้อเนินอวบกระชับ ตูมเต่งยิ่งกว่าดอกไม้แรกแย้ม เขารู้โดยสัญชาตญาณถึงความหยุ่นหากได้สัมผัส และรู้ไปอีกว่าขนาดเหมาะเหม็งกับมือเขาแน่นอน แม้เธอจะผอมแต่ทรวงกับสะโพกไม่ได้ผอมไปด้วย ธรรมชาติรังสรรค์เธอให้มีทรวดทรงเปี่ยมเสน่ห์แห่งสตรีเพศ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มอย่างเขารุ่มร้อนทรมานทีเดียวเชียว

“คุณเลิกมองนางสักทีได้ไหม” เธอเอ่ย ดวงตาแข็งกล้าสบมาอย่างไม่กลัว

ปณัยยิ้มนิดๆ รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ใจกล้าแม้ลึกๆ จะกลัวเขา เธอปิดความประหม่าไม่มิด เห็นตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

“คงไม่ได้ และจะบอกให้ ถ้าคุณใส่อย่างนี้ออกไปร้องเพลง ผู้ชายทุกคนก็ต้องมองคุณ...” เขาสบตาเธอแน่วนิ่ง กวาดสายตาขณะพูดต่อ “และมองหน้าอกคุณก่อนเพื่อน เพราะชุดมันล่อเป้าอย่างนี้ไง ต่อมาก็หน้าท้องสวยๆ” เขาไล่สายตาไปตามคำพูด

“...และเรียวขาขาวๆ ของคุณ” เขามองเนื้อสาวที่มีความเชื้อเชิญอยู่ในทีอย่างที่เธอไม่รู้ตัว

“หยุดเลยนะคุณปณัย นางมาทำงาน เสื้อผ้าพวกนี้ก็ของผับคุณ ป้าซูให้นางเลือกเอาว่าจะใส่แบบไหน นางเลือกแล้วชุดนี้เข้ากับนางที่สุด”

เขาเบ้ปาก “เหมาะยังไง มันโชว์นม โชว์ขา ผมบอกไปแล้วไง”

“ไม่มีใครเขาคิดอย่างคุณหรอก นางทำงาน ร้องเพลง ครบชั่วโมงก็กลับ ใกล้เวลาขึ้นเวทีแล้ว คุณกรุณาหลีกทางด้วย” เธอเชิดหน้า

ปณัยไม่หลีก แถมสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอยิ่งขึ้นอีกต่างหาก

“เจ้านาง คุณไม่รู้เหรอ เวลาผู้หญิงใส่เสื้อผ้าที่มันเปิดเผยทรวดทรงอย่างนี้น่ะ มันทำให้อารมณ์ผู้ชายพลุ่งพล่านขึ้นจากศูนย์เป็นร้อยได้ในเวลาไม่กี่วินาทีเลยนะ พอๆ กับรถแรงๆ ที่ผมดูแลมาตลอดหลายปีนั่นละ”

“ผู้ชายที่คิดไม่ดีเท่านั้นน่ะสิ คนที่คอยแต่จะเห็นผู้หญิงไว้ทำเรื่องอย่างว่า คุณก็เป็นอย่างนั้นเหรอ เห็นเป็นสุภาพบุรุษช่วยนางวันก่อน ไหนเป็นซะเอง”

ปณัยพ่นลมหายใจออกมา เด็กอะไรดื้อจริงๆ

“ต่อให้สุภาพบุรุษ ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้กามตายด้านมันก็มีอารมณ์กันทั้งนั้นแหละเวลาเห็นอย่างนี้ ขึ้นกับว่าจะยับยั้งชั่งใจได้แค่ไหน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ผมไม่ต้องการให้ใครมาเกิดอารมณ์เปลี่ยวในผับผม”

“คุณปณัย! คุณหาว่านางเป็นตัวยั่วเหรอ” ใบหน้าเธอโกรธขึ้ง

เขาเลิกคิ้ว “ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย ผมแค่อธิบายหลักการธรรมชาติ”

“คุณไม่ต้องมาใช้คำให้ดูดีหน่อยเลย นางจะใส่ชุดนี้ คุณไม่มีสิทธิ์มาตีกรอบ” เธอสะบัดหน้าใส่ หันไปหวีผมแต่งหน้าเสียเฉยๆ

“เจ้านาง ผมเตือนด้วยความหวังดี” เขาพยายามสะกดอารมณ์ไว้

เธอสะบัดหน้ามามองเขา ผมดำขลับพลิ้วมาอยู่บนไหล่บางส่วน ปลายผมทาบไปบนเนินอกอันเปล่งปลั่งนั้น

“ขอบคุณค่ะ”

“ผมไม่ได้ต้องการคำขอบคุณ”

“เขาเรียกว่ามีมารยาท คุณไม่รับก็เรื่องของคุณ” หน้าเธอเชิดขึ้นอีก เขาเห็นแต่ริมฝีปากอันเย้ายวน

ปณัยปราดไปจับแขนเธอข้างหนึ่งดึงให้หันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง “เจ้านาง ผมเป็นเจ้านายคุณ ผมสั่งให้คุณเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดที่มิดชิดกว่านี้!”

เธอมองเขาดวงตาแข็งกร้าว “ไม่ค่ะ! นางจะใส่ชุดนี้ นางเซฟตัวเองได้...อื้อ”

ปณัยบดริมฝีปากจูบหนักๆ ทำเอาเจ้านางตกใจจนทิ้งที่ปัดแก้มร่วงลงพื้น เขาไม่สนใจ เบียดตัวดันร่างแบบบางชิดติดเคาน์เตอร์หน้ากระจกนั้นแล้วเลื่อนมือข้างหนึ่งไปถอดเสื้อแจ็กเก็ตของเธอออกจากตัว

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com