เพลงจบลงพอดีกับที่วรัทเดินไปถึงหน้าเวที เสียงคนปรบมือกราว เธอไหว้อย่างอ่อนช้อย เอ่ยขอบคุณเสียงหวานกังวานไปทั้งร้าน นักดนตรีบรรเลงเพลงคลอไปก่อนเมื่อเห็นหน้าวรัท
“คุณ ไปกับผมหน่อยครับ” วรัทเอ่ยกับเธอ
หญิงสาวชะงัก หันรีหันขวางทำท่าจะคุยกับนักดนตรีในเพลงต่อไป แม้มีท่าทีงุนงงเมื่อถูกเรียกก่อนเวลาก็ตาม
“เชิญครับ” วรัทเร่ง
“แต่...นางต้องร้องเพลงต่อ” เธอบอก
“ยังไม่ต้องครับ คุณปณัยต้องการพบคุณเดี๋ยวนี้” เขาย้ำ
ดวงตากลมโตของเธอเบิกขึ้น ฉายแววขึงขังขัดกับใบหน้าหวานๆ ทันใด น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจ “นางกำลังทำงาน ยังร้องเพลงไม่จบชั่วโมงค่ะ ถ้าใครจะต้องการพบก็ต้องรอก่อน”
ว่าแล้วเธอก็หันไปคุยกับนักดนตรีต่อ ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ
“คุณปณัยบอกว่าเดี๋ยวนี้คือเดี๋ยวนี้ กรุณามากับผมด่วนครับก่อนที่เจ้านายผมจะอารมณ์เสียหนักกว่านี้” เขาพูดเสียงดัง
หญิงสาวหันขวับจนผมดำยาวถึงกลางหลังสะบัดพลิ้ว ปอยหนึ่งค้างอยู่บนแก้มนวล “เจ้านายคุณไม่เกี่ยวกับนาง กรุณาอย่ารบกวนเวลาทำงานค่ะ”
เธอหันไปคุยกับนักดนตรีต่ออย่างไม่แคร์กัน ไม่รู้เธอสังเกตไหมว่านักดนตรีหน้าตื่นแค่ไหนที่ได้ยินชื่อใครบางคน
“จะมาทำงานที่นี่ ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลเลยเหรอว่าเจ้าของคือใครชื่ออะไร หรือคิดจะทำงานแค่แป๊บๆ แล้วไป ไม่ได้จะอยู่ยาว” วรัทพูดไปทั้งๆ ที่เธอหันหลังให้นั่นละ
สาวเจ้ามองเขาด้วยใบหน้าบึ้งๆ “ไม่รู้ ไม่ได้สนใจจะเล่นเส้นสายเลยไม่เสาะหาว่าใครเป็นเจ้าของ อยากใช้ความสามารถล้วนๆ ของตัวเอง”
วรัทหัวเราะในลำคอ เธอคนนี้ไม่เบาทีเดียว เด็กสมัยใหม่กล้าพูดกล้าเถียง
“มันไม่ได้เกี่ยวกับเส้นสาย มันหมายถึงความใส่ใจใฝ่รู้ในที่ที่เราจะไปอยู่” เขาถอนใจแล้วว่าต่อ
“คุณปณัยเป็นเจ้าของผับนี้ เป็นเจ้านายคุณด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณอยากจะทำงานที่นี่จริงก็รีบมากับผมได้แล้ว”
หญิงสาวจ้องเขาด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง ตกใจยิ่ง แววหวั่นวิตกปรากฏในดวงตาคู่หวาน
เขายักคิ้วข้างหนึ่ง “จะไปกันได้หรือยัง”
----------
เมื่อสาวน้อยที่ให้ตามตัวมา ยืนอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ เลือดลมในกายของปณัยสูบฉีดแรงขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อตัวผะผ่าวจนต้องขยับนั่งให้ผึ่งผายขึ้น ยกแก้วไวน์ในมือดื่มพรวดอย่างลืมตัว ยิ่งขับความร้อนซ่านไปทั่วตัวและใบหน้า
อก เอว สะโพกของเธอได้รูปเป็นนาฬิกาทรายน่ามอง ผมสลวยถูกปัดไปด้านหลังหมดแล้ว เผยหน้าอกทรงกลมที่ทำเขาตาลุกวาว อกรูปแบบสวยที่สุดในบรรดาอกสตรีทั้งหมด ทรวงเต็มทั้งบนและล่างยอดอยู่ตรงกลาง ใบหน้าเธองามกว่าอกสล้างเสียอีก ขาวผ่อง แก้มกลม ริมฝีปากอิ่มน่าสัมผัส ดวงตาหวานด้วยขนตางามงอน
“นั่งสิ” เขาบอกด้วยสายตาให้เธอนั่งลงตรงที่นั่งข้างๆ เขา
“นางยืนได้ค่ะ”
“ผมบอกให้นั่ง ก็นั่ง”
วรัทรีบย้ำกับเธอ “อย่าขัดคำสั่งคุณปณัย”
ปณัยลอบยิ้มเมื่อสาวน้อยยอมทำตาม ที่ว่างนั้นจำกัด เธอนั่งแล้วก็ทำให้ใกล้ชิดเขาทีเดียว จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างแป้งเด็ก เบาะโซฟายวบลงนิดๆ และผิวขาวๆ ของเรียวขาก็อยู่ใกล้กับขาของเขา ชายหนุ่มแกล้งยืดขายาวของตัวเองไว้อย่างนั้นไม่หลบ มองมือเรียวสวยวางบนหน้าตักตนเองอย่างพยายามปิดต้นขาเมื่อกระโปรงสั้นเลิกขึ้นยามนั่งลง
จินตนาการของเขาเพริศแพร้วไปไกล ใต้สองมือบอบบาง เลยเข้าไปจากชายกระโปรงผ้ามันสีดำ มีถ้ำลึกลับซ่อนอยู่กับความสาวอันเยาว์วัย แต่ไม่ เขาไม่ได้ต้องการแบบนั้น แค่เพียงรู้ด้วยประสบการณ์ว่าเนื้อสาวอย่างเธอนั้นหวานหอมแค่ไหน แต่ไม่ได้อยากลิ้มลอง อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้
ทรวงอกงามสะท้อนขึ้นลงแรงตามการหายใจของเจ้าหล่อนบ่งบอกความกระวนกระวาย แน่นอน ผู้หญิงแทบทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขามักจะมีอาการแบบนี้ ปณัยไม่ได้หลงตัวเอง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกทีไป ริมฝีปากน่าจูบเม้มเข้าหากัน แก้มนวลแดงเรื่อ เธอไม่น่าจะเขิน เขามองออกว่าเธอไม่ใช่คนหัวอ่อนยอมคน เวลานี้เธอแค่เกรงเขาเท่านั้น แววตารั้นจากนัยน์ตาหวานฉายชัด
ปณัยวางแก้วไวน์ลง มองผู้มาใหม่นิ่ง เธอที่เขาเห็นบนเวทีเมื่อครู่บัดนี้อยู่แค่เอื้อม
“ชื่ออะไร” เขาเริ่มคำถามเป็นการเป็นงาน
เธอขยับตัว เนินอกตรงหน้าที่ไหวนิดๆ ตามท่าทางช่างรบกวนสายตาเขานัก
“เจ้านาง” เสียงหวานตอบสั้นๆ
เขานึกถึงที่ซูซานเรียกเมื่อครู่แต่ไม่ได้จำ แล้วถามต่อ
“ชื่อจริงล่ะ”
“เจ้านาง” หญิงสาวยังคงตอบคำเดิม
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ชื่อแปลกดี” เขาขยับตัวยกมือพาดไปกับพนักโซฟาข้างหนึ่ง
“ปกติทำอะไรอยู่ เรียนหรือทำงาน” เขาสบตาเธอรอคำตอบ เยื้องไปทางด้านหลังเห็นวรัทยืนนิ่งเป็นหุ่นสาป
“เรียนมหา’ลัยอยู่” แม้ดวงหน้าสวยหวาน แต่บุคลิกท่าทางติดห้าว
“ที่ไหน เรียนอะไร” เขาถามต่อ
“ปีหนึ่ง ดุริยางค์ฯ”
ชายหนุ่มส่งเสียงรับในลำคอ ก่อนพูด “แล้วมาทำอะไรที่ผับผม”
“นางชอบร้องเพลง หารายได้เสริม” เธอตอบได้สั้นกระชับดี ท่าทางไม่มีจริตมาก
“คุณร้องเพลงดี ดีมากเลยละ” เขาหลิ่วตา โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาว เธอไม่หลบแต่จ้องเขาเขม็ง
ปณัยยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “จริงๆ ก่อนคุณจะขึ้นไปอยู่บนเวทีที่นี่ได้น่ะ ต้องผ่านผมก่อน ซูซานทำผิดกฎ” เขาเหล่สายตาพิฆาตไปทางผู้จัดการร่างท้วมซึ่งตอนนี้ยืนตัวลีบอยู่มุมห้อง ก้มหน้างุด
หญิงสาวขมวดคิ้ว “แต่เมื่อกี้ป้าซูซานให้นางร้องแล้ว”
ปณัยโน้มตัวลงอีกจนเห็นหน้างามใกล้ๆ “ก็บอกแล้วไงว่าซูซานทำผิดกฎ”
“แต่นางร้องไปแล้วสองเพลง”
“ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมให้เขาคิดค่าตัวไปเท่าที่ร้องนั่นละ” เขาพูดเนิบๆ
“อ้าว คืออะไร ตกลงคุณให้นางทำงานที่นี่ไหม หรือเรียกมาเพื่อจะบอกว่าไม่ให้ ไหนชมว่าร้องดีไง” เธอดูสับสน
“ใช่ ร้องดีจริงๆ และ...” เขากวาดสายตาบนเรือนร่างเธอเร็วๆ “ผมอยากให้คุณทำงานที่นี่ แต่เกรงว่าจะไม่ได้”
“ทำไม” เธอเอียงหน้าอย่างขอเหตุผล
“คุณอายุเท่าไรล่ะ” ปณัยถามด้วยสีหน้าท้าทาย
เจ้านางหน้าเสียนิดๆ แต่กลบเกลื่อนเป็นมั่นใจได้อย่างรวดเร็ว “ก็...ยี่สิบปีนี้แหละ”
“ยี่สิบเต็มเมื่อไหร่!” เขาคาดคั้น
เธอเงียบ
“บอกผมมาชัดๆ” เขาเค้น
และเมื่อเธอบอกเดือนเกิด เขาก็โบกมือพร้อมกับถอยตัวออกห่างทันที
“คุณกลับไปซะ ผมให้คุณทำงานที่นี่ไม่ได้”
“แต่นางจะยี่สิบแล้วนะอีกไม่กี่เดือนเอง” เธอต่อรอง
เขาส่ายหน้า “ยังไงคุณก็ยังดูเด็กเกินไป ไหนจะตำรวจอีก ผมเสี่ยงกับคุณด้วยไม่ได้หรอกนะสาวน้อย” เขายักคิ้ว หากสาวเจ้าหน้างอจนหงิก แต่ก็ยังน่ารักไปอีกแบบเหมือนเด็กงอนงอด
เขาประสานมือวางศอกบนขาตัวเอง “เจ้านาง ฟังนะ ผมรับคุณเข้าทำงานที่นี่ไม่ได้จริงๆ ข้อกฎหมายมันมีอยู่ โอเค อายุเท่าคุณอาจจะทำงานในผับแบบนี้ได้แล้ว แต่บริบทโดยรวมยังไงมันก็เคร่งครัดมากๆ”
“นางขอร้องได้ไหม นางทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ร้องเสร็จก็กลับเลยไม่อยู่สร้างปัญหาให้คุณหรอก”
บทเธอจะอ้อนก็ทำเสียงอ่อนหวานขึ้นมาจนหัวใจเขาอ่อนยวบเลยเชียว ปณัยถึงกับกระแอม ปกติเขาไม่เคยใจอ่อนให้กับสาวคนไหนเลย นานมากๆ แล้วที่จะรู้สึกแบบนี้ จนเป็นที่รู้กันว่าอย่ามาอ้อนนายปณัยซะให้ยาก ไม่มียอมอยู่แล้ว
“นะคุณปณัย ให้นางทำได้ไหม นางต้องการเงินช่วยที่บ้านจริงๆ”
เขาลุกขึ้นยืน จำใจพูด “ที่นี่ผับผม ผมไม่รับ ไม่อยากมีปัญหา!”
เจ้านางลุกขึ้นบ้าง เสียงพูดกร้าวขึ้น “แต่ป้าซูซานรับนางแล้ว เมื่อกี้ก็ให้นางทำงานแล้วด้วย”
เขาก้าวประชิดร่างอรชร “ซูซานไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ เธอแค่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ผมเป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ มีสิทธิ์ขาดทุกอย่าง และผมไม่รับคุณเข้าทำงาน กลับไปซะ!”
“ไม่! เมื่อกี้นางทำงานไปแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ แขกพอใจกันจะตาย!” เธอเสียงแข็งใส่ทำเขาหงุดหงิดตาลุกวาว น้อยคนจะเถียงนายปณัย
เขาก้าวชิดเธอยิ่งขึ้น ก้มจนใบหน้าแทบชนกัน “มันไม่เกี่ยวกับแขกพอใจหรือไม่ รู้จักกฎหมายข้อบังคับของสถานที่พวกนี้บ้างหรือเปล่า”
เธอไม่ตอบ เอาแต่ชักสีหน้า
“กลับไปเถอะ ผมไม่อยากเดือดร้อน วิน” เขาตัดบท หันไปมองผู้ช่วยให้จัดการต่อ
“นางไม่ยอม!”
ปณัยจ้องเด็กดื้อเขม็ง ขณะที่วรัทจับแขนเธอพาลากออกจากห้อง ใบหน้าสวยยิ่งกว่างอง้ำ แววตาโกรธขึ้งเป็นที่สุด ปณัยส่ายหน้าเมื่อประตูปิดลง หันไปคว้าแก้วไวน์ที่เหลือดื่มจนเกลี้ยง
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **