อาชวินทร์ไม่ได้ตอบ แต่ชี้ไปยังทิศที่ตั้งบ้านของตนแทน รตาเห็นดังนั้นก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามต่อว่า
“แล้วมอเตอร์ไซค์คุณลุงไปไหนคะ” เธอเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง ตอนแรกเธอเห็นเงาตะคุ่มจากไกลๆ เกือบจะวนรถขับไปอีกทางแล้ว เพราะกลัวที่มีคนตัวใหญ่เดินเซไปมาอยู่บนถนน แต่พอลองตบไฟสูงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วเพ่งมองดูชัดๆ จึงจำได้ว่าเป็นลุงอาชวินทร์นั่นเอง
กลิ่นละมุดที่ลอยมาจากคนตัวโตทำให้เธอเดาได้ทันทีว่ากลุ่มแก๊งบิดาของเธอคงดื่มสุรากันอย่างสนุกสนาน แต่เธอไม่คาดคิดว่าลุงอาชวินทร์ก็จะดื่มจนเมามายไปกับเขาด้วย
“ฝาก! หลวง! ตา! ไว้! ที่! วัด! ครับ!” เขาพูดเน้นทีละคำ ตะเบ็งชัดราวกับกำลังอยู่ในค่ายทหารก็ไม่ปาน รตาถึงกับกลั้นหัวเราะจนตัวโยน เธอไม่ค่อยชอบคนเมา เพราะคนเมาชอบเอะอะโวยวายบ้างก็มีเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาท ทว่าคนเมาที่พยายามเก๊กเท่อย่างอาชวินทร์กลับดูน่ารักแตกต่างไปจากคนเมาคนอื่นๆ ที่เธอเคยรู้จัก
หรือเพราะว่าเป็นเขา... อะไรๆ ที่เขาทำถึงได้ดูดีดูน่ารักไปหมด
“มาค่ะ เดี๋ยวรตาไปส่งที่บ้านเอง”
“ขอบ! คุณ! ครับ!” อาชวินทร์เอ่ยขอบคุณแข็งขัน พยายามฝืนตัวตรงจนเกร็งคอเป็นเอ็น แต่ทว่าเมื่อก้าวขาเดินกลับเซแท่ดๆ จนเกือบจะล้มลง แต่ก็สามารถพยุงตัวกลับมายืนตรงได้ราวกับตุ๊กตาล้มลุก
รตานั่งลุ้นอยู่บนมอเตอร์ไซค์นานมาก เพื่อรอให้อาชวินทร์เดินมาซ้อนมอเตอร์ไซค์ เมื่อเขาขึ้นซ้อนเรียบร้อยแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเน้นย้ำด้วยความเป็นห่วง
“ไหวหรือเปล่าคะคุณลุง”
“ไหว! ครับ!”
รตายิ้มก่อนจะยกมือแคะเข้าไปในรูหู เสียงตะเบ็งข้างหูทำให้เธอถึงกับหูอื้อไปชั่วขณะ “ถ้าอย่างนั้นเอาแขนมานี่ค่ะ” เธอหันไปจับแขนทั้งสองข้างของเขามาโอบเอวของเธอไว้ แล้วกำชับเน้นย้ำกับคนเมาว่า
“กอดไว้แน่นๆ นะคะ ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าตกรถมอเตอร์ไซค์คงได้หัวร้างข้างแตกแน่ๆ”
“ครับ...”
คราวนี้อาชวินทร์ไม่ได้ตะเบ็งเสียง แต่กลับเปล่งมันออกมาแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ หัวใจของคนเมาเต้นกระหน่ำราวกับจังหวะเพลงแดนซ์ในงานวัด มือที่กอดเอวเล็กบอบบางเอาไว้สั่นน้อยๆ และเย็นเฉียบคล้ายกับหนาวเหน็บ เขาเม้มริมฝีปากที่แห้งผากจนเป็นเส้นตรง แล้วทำในสิ่งที่ตนเองก็ไม่คาดคิด
เขาโน้มศีรษะลงซบบนไหล่ข้างขวาของหญิงสาว คู้ร่างสูงจนหลังค่อมเพื่ออิงซบคล้ายออดอ้อน กิริยาเช่นนี้ทำให้รตาถึงกับขับมอเตอร์ไซค์เซด้วยความตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเขินอาย
เงียบ... มีเพียงสายลมเย็นยามค่ำคืนที่ปะทะเรือนร่าง และเสียงหัวใจที่ดังระรัวราวกับจะกระโจนออกมานอกอกเสียให้ได้
รตาตื่นเต้น สองแขนอบอุ่นที่โอบกอดรอบเอวทำให้เธอร้อนวูบวาบไปทั้งสรรพางค์กาย ใบหน้าที่แนบชิดอิงซบไหล่ทำให้เลือดในกายสูบฉีดแรงจนใบหน้าแดงก่ำเสียยิ่งกว่าคนเมาในเวลานี้เสียอีก
ไม่อยากให้ถึงบ้านเลย อยากขับมอเตอร์ไซค์โดยมีคุณลุงซ้อนท้ายแบบนี้ไปถึงเช้าจัง ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันสนิท เหลือบมองคนตัวโตจากกระจกมองข้างเป็นระยะ
“หนูรู้ไหมว่าทำให้ลุงยุ่งยากใจมากแค่ไหน” คนเมาเริ่มบ่นพึมพำแผ่วเบา ทว่าความเงียบของสองข้างทางที่เต็มไปด้วยเรือกสวนไร่นาทำให้ รตาได้ยินทุกถ้อยคำของเขาอย่างแจ่มชัด
“เกือบสามเดือนแล้วนะที่ลุงคิดถึงแต่หนูทุกวัน เช้าก็คิดถึง เที่ยงก็คิดถึง บ่ายก็คิดถึง ตกเย็นก็คิดถึง ก่อนนอนก็คิดถึง แต่ลุงรู้ตัวว่าลุงมันแก่ อายุลุงมากกว่าพ่อของหนูตั้งสองปี ถ้าลุงจีบหนู หนูคงคิดว่าลุงมันเป็นไอ้แก่ตัณหากลับ ลุงไม่กล้า ได้แต่แอบคิดถึงหนูอยู่ทุกวัน ขับรถผ่านหน้าบ้านหนูหวังจะได้เห็นหน้า แต่ไปทีไรก็เห็นแต่ไอ้โรจน์!”
ฤทธิ์ยาดองทำให้คนเมาพรั่งพรูความในใจออกมาจนหมดเปลือก ชนิดที่คนฟังถึงกับนิ่งอึ้งปล่อยให้รถมอเตอร์ไซค์ค่อยๆ วิ่งไปตามถนนอย่างเชื่องช้าเพียงแค่ยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“หนูรังเกียจลุงหรือเปล่า ถ้าลุงอยากจะจีบหนู”
คำนี้แหละ ที่ทำให้รตาตัดสินใจจอดรถข้างทาง ก่อนจะลงจากรถหันไปมองคนเมาที่ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาปรือฉ่ำหวาน เธอยื่นมือข้างหนึ่งไปหาเขา อาชวินทร์เห็นดังนั้นก็หลับตาแน่นคิดว่าคงโดนเด็กสาวรุ่นลูกตบเข้าอย่างจัง ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นสัมผัสนุ่มนวลและอ่อนโยนจากฝ่ามือเล็กๆ ที่วางทาบลงมาบนแก้มและสันกรามของเขาอย่างแผ่วเบา อาชวินทร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเด็กสาวก็สืบเท้าเข้ามาใกล้ เธอยกสองมือขึ้นกอดรัดรอบคอเขาเอาไว้มั่นก่อนจะโน้มกดลำคอเขาให้ก้มลงต่ำ ส่วนเธอนั้นเขย่งปลายเท้าเพื่อเพิ่มความสูงให้ตัวเอง
แล้วจูบของเด็กสาวก็ทำให้โคเฒ่าถึงกับแทบสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง ริมฝีปากนุ่มๆ ทาบทับลงมาบนริมฝีปากแห้งที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาดองคะนองรัก จูบของเธอเงอะเงิ่นอย่างเด็กสาวที่ไม่ประสา ทำให้โคเฒ่าถึงกับยกมือขึ้นโอบเอวแล้วดึงร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแนบแน่น ก่อนจะบดจูบตอบกลับไปอย่างช่ำชองในเกมรัก จูบหวามเคล้าคลึงซ่านละมุนแล้วค่อยๆ แทรกปลายลิ้นร้อนผ่านเรียวปากนุ่มเข้าไปดื่มด่ำความหอมหวานจากสายไหมรสนุ่มลิ้น
จูบที่ราวกับจะละลายความกลัวในใจของหนุ่มใหญ่ออกไปจนหมดสิ้น แสงจันทร์ในคืนที่ดาวหม่นแสงอาบไล้ลงมายังสองหนุ่มสาวที่ยืนกอดกันกลมบนถนนที่ทอดยาวตัดผ่านท้องนาและเรือกสวน
รตาค่อยๆ ดันแผ่นอกคนเมาออกห่าง พร้อมกับถอนริมฝีปากจากยาดองที่แสนมัวเมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของคนตัวโตไว้ จ้องมองไปยังใบหน้างุนงงที่เต็มไปด้วยคำถามนั้น ก่อนจะยิ้มกว้างจนอีกฝ่ายถึงกับหัวใจกระตุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หนูรอคุณลุงมาจีบตั้งนานแล้วค่ะ รอจนเกือบจะถอดใจอยู่แล้ว”
สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า คนเมาก็ฉีกยิ้มดีใจก่อนจะหงายหลังล้มลงไปกับพื้นเสียดื้อๆ รตาตกใจตรงเข้าเขย่าตัวชายหนุ่มแต่พบว่าเขาส่งเสียงกรนเบาๆ ออกมา ก็แค่เมาจนน็อกหลับไปไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านั้น หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะรีบโทรศัพท์ให้คนงานที่บ้านของอาชวินทร์ออกมารับ เพราะเธอไม่อาจแบกคนเมากลับในยามค่ำคืนแบบนี้ได้แน่
ติดตามต่อในฉบับเต็มได้แล้ววันนี้ ทั้งแบบ หนังสือเล่ม และ อีบุ๊ก