ทั้งสองพากันเดินไปยังบ้านตาชื่น ขอเปิดน้ำจากสายยางที่สวนผักหน้าบ้านล้างเนื้อล้างตัว โดยอาชวินทร์ให้รตาล้างตัวก่อน ทว่าหญิงสาวดูไม่ถนัดเก้ๆ กังๆ เขาจึงอาสาจับสายยางยกสูงๆ ราวกับฝักบัวเพื่อให้เธอล้างเศษดินเศษหญ้าแห้งที่ติดตามผมออกให้หมด จากนั้นจึงล้างคราบดินโคลนตามเนื้อตัวจนสะอาด
“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวหนูจับสายยางให้คุณลุงบ้าง”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันล้างเอง” อาชวินทร์ปฏิเสธ ทว่ารตากลับดึงสายยางเอาไว้ เพราะอยากจะตอบแทนชายหนุ่มบ้างที่มีน้ำใจช่วยเธอแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่เมื่อสองคนพากันยื้อแย่งไปมาจนมือเล็กไปอุดที่ปากสายยางทำให้น้ำพุ่งแรงอัดใส่หน้าอาชวินทร์เข้าอย่างจัง
“อุ๊ย!”
หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะแอบอมยิ้มอย่างนึกสนุก อาศัยจังหวะที่เขาตกใจคว้าสายยางมาถือเอาไว้แล้วจ่อน้ำไปที่คนตัวโตทันที
“นะ...นี่หนูจะทำอะไรเนี่ย” อาชวินทร์หันหน้าหนีเป็นพัลวัน ทว่า รตากลับหัวเราะร่วนด้วยความสนุก
“ดูสิคะคุณลุง พอหนูฉีดน้ำแรงๆ แบบนี้ยิ่งทำให้คราบโคลนหลุดออกดีมากๆ เลยค่ะ” เธออธิบายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แน่นอนว่าคนตัวโตไม่เชื่อในคำอธิบายของเธอเลยสักนิด ด้วยความที่เขาร่างสูงใหญ่กว่าไม่นานก็แย่งสายยางกลับไปได้แล้วเป็นฝ่ายฉีดน้ำใส่เธอบ้าง
“หยุดนะคุณลุง หนูล้างตัวสะอาดหมดแล้ว ไม่ต้องล้างแล้วค่ะ”
รตาวิ่งหนีไปรอบๆ แปลงผัก ทว่าคนตัวโตขึ้นแล้วลงยาก ยังคงฉีดน้ำใส่หญิงสาวอย่างไม่ยอมรามือ รตาเห็นว่าเขาไม่หยุดแน่จึงฮึดสู้โผเข้าหาเพื่อแย่งสายยางกลับมา ทว่ายิ่งยื้อยิ่งแย่งยิ่งใกล้ชิดเบียดเสียดกว่าจะรู้ตัวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งเสียแล้ว
ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน คนตัวโตถึงกับยืนนิ่งแทบจะแข็งเป็นรูปปั้น ในขณะที่คนตัวเล็กกว่ารีบผละออกอย่างรวดเร็ว
“เรากลับกันดีกว่า” อาชวินทร์รีบเดินไปปิดน้ำ ทั้งที่ด้านหลังของเขายังเปื้อนโคลนเต็มไปหมด รตาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย รีบเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของชายหนุ่ม กำลังจะยกรถจักรยานของตนเองออกจากรถพ่วงก็ถูกร้องห้ามเข้าเสียก่อน
“เดี๋ยวลุงไปส่ง ขึ้นรถสิ”
หญิงสาวพยักหน้าโดยไม่โต้เถียงใดๆ ใบหน้าหวานเปียกปอนแดงก่ำระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด เธอนั่งที่รถพ่วงข้างแล้วจับจักรยานเอาไว้ ทว่าสายตากลับเหลือบมองคนตัวโตเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าเขาเองก็หูแดงระเรื่อด้วยความเขินอายไม่ต่างไปจากเธอ พลันเด็กสาวก็หัวใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม
ให้ตายเถอะ คุณลุงดูดีมีเสน่ห์เป็นบ้าเลย
รตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปล่อยให้ตัวเองหลงเสน่ห์หนุ่มรุ่นพ่ออย่างไม่คิดจะถอนตัวถอนใจ
----------
“อ้าว! ไปทำอะไรมา ทำไมถึงเปียกซ่กกันมาอย่างนั้นล่ะ”
ผู้เป็นย่าเดินออกมาจากครัวใต้ถุนบ้านพร้อมกับตะหลิวในมือ กลิ่นผัดดอกไม้กวาดใส่ตับไก่หอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ส่งผลให้รตาถึงกับท้องร้องดังโครกครากเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนแสบไส้ ไพโรจน์กำลังนั่งขูดมะพร้าวเพื่อทำขนมแกงบวดฟักทองก็ถึงกับทิ้งกะลามะพร้าวก้าวอาดๆ ตามมารดาออกมาติดๆ
“หนูซุ่มซ่ามค่ะคุณย่า ปั่นจักรยานตกคูน้ำ โชคดีที่คุณลุงช่วยเอา ไว้ แต่โชคร้ายที่คุณลุงลื่นตกลงไปในคูกับหนูด้วย เลยเปียกกันทั้งคู่เลยค่ะ” รตาอธิบายเสียงสั่นเพราะเริ่มหนาว ผู้เป็นย่าเลยรีบโบกมือให้หลานสาวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบนบ้านแล้วหันมาขอบคุณเพื่อนบ้านหนุ่ม
“ขอบคุณนะตาวินทร์ที่ช่วยดูแลนังหนูรตาให้ อีกสองวันบ้านเราจะมีงานบุญที่วัด ป้าว่าจะไปตั้งโต๊ะโรงทานขนมจีนแกงไก่กับทอดมันปลา ถ้ายังไงก็แวะไปร่วมบุญด้วยกันนะ”
“ได้ครับคุณป้า เดี๋ยวปีนี้ผมกับคุณปู่จะเอาผลไม้ไปร่วมออกโรงทานด้วยนะครับ”
“ดีๆ ทำบุญด้วยกันนะ เกิดชาติหน้าฉันใดเราจะได้มาเป็นเพื่อนบ้านกันอีก”
ไพโรจน์เดินออกมาตบบ่าเพื่อนพลางพูดกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันแค่สองคน “ขอบใจนะไอ้วินทร์ เอาไว้คืนงานบุญเจอกัน เห็นว่าบ้านตาชื่นจะไปออกร้านขายยาดองที่งานวัด ฝีมือดองเหล้าของตาชื่นนี่อย่าให้พูดเชียว เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร พูดแล้วเปรี้ยวปากไม่ได้กินเสียนาน ถ้าได้ดื่มสักกรึ๊บสองกรึ๊บคงหลับฝันดี”
อาชวินทร์ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะในลำคอ คำว่ากรึ๊บสองกรึ๊บไม่เคยมีจริงสำหรับพวกขี้เมา ดูเอาเถอะ อุตส่าห์ประกาศเลิกเหล้าอย่างกล้าหาญ แต่ก็ยังไม่วายหาข้ออ้างดื่มตามเทศกาลอยู่ร่ำไป
“ได้ๆ แล้วเจอกัน”