เช้าตรู่ ศาลาวัดคลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านที่พากันแต่งกายสวยงามมาร่วมงานบุญประจำปีของวัดประจำตำบล ซึ่งช่วงเช้าจะเป็นการใส่บาตร ฟังธรรม รับศีลรับพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและขับไล่ความโชคร้ายเภทภัยต่างๆ ให้หลีกหาย โดยตลอดทั้งวันจะมีการเชิญชวนให้ชาวบ้านร่วมบุญบริจาคตามกำลังศรัทธาเพื่อสร้างเมรุใหม่แทนเมรุเก่าที่เสื่อมโทรมลงทุกวัน จากนั้นกลางคืนจึงจะมีเวทีร้องรำ เครื่องเล่นต่างๆ และบูทขายอาหารมากมายให้ชาวบ้านได้มาเดินเล่นพักผ่อน เรียกได้ว่าเป็นงานวัดที่ชาวบ้านคุ้นชินและรอคอยทุกปี
อาชวินทร์แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าขาวกางเกงยีนสีเข้ม พยุงปู่เข้ามานั่งในศาลาวัดเพื่อฟังเทศน์จากท่านเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสรูปนี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน แต่เป็นน้องของปู่แสง บวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร จากนั้นจึงบวชเป็นพระมาถึงเจ็ดสิบกว่าพรรษาแล้ว เจ้าอาวาสรูปนี้จึงนับว่าเป็นหลวงปู่ที่อาชวินทร์เคารพรัก และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านในตำบลนี้มาช้านาน
“ตั้งแต่มานั่งปู่เห็นเอ็งชะเง้อมองไปทางโน้นทีทางนี้ที เอ็งมองหาใครอยู่เรอะไอ้วินทร์” คนเป็นปู่อดที่จะถามไม่ได้ ร้อยวันพันปีหลานชายไม่เคยขึ้นมานั่งบนศาลา อย่างมากก็แค่เดินมาส่งที่หัวบันไดศาลาแล้วก็กลับไปทำงานที่ไร่ พอถึงเวลาหลังพระฉันเพลถึงมารับกลับ แต่วันนี้กลับขึ้นมานั่งฟังเทศน์ด้วยโดยที่ผู้เป็นปู่ไม่ได้ร้องขอ
“เปล่าครับไม่ได้มองหาใคร”
“ให้มันจริงเถอะ เอ็งทำตัวแปลกๆ มาเกือบสามเดือนแล้วนะ หรือว่าเป็นเพราะนังหนูคนนั้น” ปู่แสงเลิกคิ้วสูง หรี่ตามองหลานชายอย่างจ้องจับผิด
“คนนั้นคนไหนไม่มีหรอกครับ ปู่ก็พูดมั่วไปเรื่อย” อาชวินทร์รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่มีหรือที่ทุกการกระทำของเขาจะรอดพ้นจากสายตาของผู้เป็นปู่ไปได้ ยิ่งเขาหอบผลหมากรากไม้ไปฝากคนบ้านโน้นทุกวัน ยิ่งทำให้ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนจับเรื่องราวมาปะติดปะต่อได้อย่างไม่ยากเย็น
“ก็คนนั้นไงที่กำลังเดินเข้าประตูมาทางฝั่งโน้น” ปู่บุ้ยใบ้ไปทางประตูอีกฝั่ง เมื่ออาชวินทร์มองตามไปจึงเห็นหญิงสาวร่างบอบบางสวมเสื้อลูกไม้สีขาว นุ่งผ้าซิ่นตีนแดงตัดกับผิวขาวละเอียดชวนมอง ผมสวยเกล้ามวยขึ้นสูงแล้วปักด้วยปิ่นไม้เล็กๆ เพียงเท่านี้ก็ส่งให้หญิงสาวงดงามจนคนทั้งศาลาถึงกับต้องเหลียวมอง
“ระ...รตา”
“ใช่! ใช่ไหมเล่า เอ็งคิดว่าจะปิดปู่ไปถึงเมื่อไหร่กันหาไอ้หลานชาย” ปู่ใช้ศอกกระทุ้งที่สีข้างของหลานรักอย่างเย้าแหย่ เมื่อหลานไม่โต้ตอบนั่นก็แสดงว่าเป็นการยอมจำนนแต่โดยดี
“สาวๆ นุ่งผ้าซิ่นนี่น่ามองจริงๆ ดีนะที่ระยะหลังมานี้เด็กรุ่นใหม่นิยมนุ่งผ้าไทยเข้าวัดวา เห็นแบบนี้แล้วยิ่งสบายหูสบายตานะว่าไหมแสง” หญิงสูงวัยที่นั่งข้างๆ กันเอ่ยขึ้นเพื่อชวนปู่แสงพูดคุย อาชวินทร์จึงลอบถอนหายใจที่ไม่ถูกปู่ซักไซ้ไปมากกว่านี้ จากนั้นจึงพุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังสาวน้อยหน้าแฉล้ม
“สวัสดีค่ะคุณปู่ทวด สวัสดีค่ะคุณลุง”
รตาเดินตรงเข้ามาสวัสดีผู้ใหญ่ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งข้างอาชวินทร์
“ไหว้พระเถอะหนู แล้วพ่อกับย่าเราไม่ขึ้นศาลามาฟังเทศน์ด้วยกันเหรอ”
“ย่าบอกว่าปีนี้ขอตัวค่ะ เห็นว่านั่งพับเพียบนานๆ แล้วปวดขา เลยอยากจะเตรียมอาหารสำหรับถวายเพลและอาหารสำหรับออกโรงทานมาก กว่า ส่วนพ่อก็นั่งอยู่ข้างล่างค่ะ พ่อบอกว่าขึ้นมาก็หลับทุกทีเลยไม่อยากขึ้นมาเกะกะ”
“ตาโรจน์พ่อเรานี่เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายเสียจริงเลยนะ ตั้งแต่เล็กก็ไม่ชอบเข้าวัด ดูสิจนแก่จะเข้าโลงอีกไม่กี่ปีแล้วก็ยังไม่ยอมเข้าวัดอยู่ดี” ชายสูงวัยหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี หารู้ไม่ว่าคำว่า ‘แก่จนจะเข้าโลง’ ทำให้อาชวินทร์ถึงกับสะดุ้งอย่างร้อนตัว เพราะเขามีอายุมากกว่าไพโรจน์ถึงสองปีเลยทีเดียว!
ปู่แสงทักทายเด็กสาวไม่นานก็หันไปพูดคุยกับหญิงสูงวัยที่นั่งข้างกันต่อ โดยไม่สนใจสองหนุ่มสาวอีก
“วันนี้หนูแต่งตัวสวยไหมคะ” เมื่อเห็นว่าอาชวินทร์เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดจา รตาจึงพยายามหาเรื่องชวนคุย โดยไม่คิดเลยว่าคำถามของเธอจะทำให้หนุ่มใหญ่ถึงกับติดอ่างไปชั่วขณะ
“อะ...เอ่อ สะสวย สวยมาก”