ทดลองอ่าน โคเฒ่าสายเปย์ : ตอนที่ 2

 

 

ตอนที่ 2

 

 

“มีเลือดออก!”

หนุ่มใหญ่พูดเสียงห้วนราวกับโมโหเมื่อเห็นรอยแผลที่ปลีน่องของหญิงสาว ทว่ารตากลับลืมตาโพลงยกมือขึ้นปิดจมูกตนเองอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดว่ากล้ามโตๆ ของคุณลุงหน้าหล่อทำให้เธอถึงกับเลือดกำเดาไหลพรากตามประสาหญิงสาวที่ชอบคิดอะไรลึกซึ้งซับซ้อนและเต็มไปด้วยจินตนาการสุดกู่ แต่โดยที่รตายังไม่ทันตั้งตัวอาชวินทร์ก็อุ้มสาวน้อยร่างบางขึ้นแล้วก้าวอาดๆ ไปยังบ้านไม้ยกสูงทรงไทยโบราณอย่างไม่รั้งรอ

รตาทำได้เพียงอ้าปากค้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กว่าจะตั้งสติได้รู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกจับวางให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักขัดมันตัวยาว โดยมีหนุ่มใหญ่คุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้า ข้างกายของเขามีกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กตั้งอยู่พร้อมสรรพ

“อูย...นะ...หนูแสบค่ะ”

รตานิ่วหน้าห่อปากเข้าหากันเมื่ออาชวินทร์ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นก็ราดเบตาดีนลงไปบนแผลสด

“ทนหน่อย แผลจะได้หายเร็วๆ”

เขาพูดเสียงดุโดยไม่มองหน้า คนตัวเล็กจึงทำได้แค่เพียงห่อไหล่ด้วยความเจ็บ ตรงนั้น...ก็เจ็บ ที่น่องก็เจ็บ เจ็บจนแทบจะบรรยายเป็นภาษาคนไม่ได้เชียวแหละ

“พอแผลเริ่มแห้งอย่าลืมทาครีมลดรอยแผลเป็นด้วยละ”

เมื่อทำแผลเสร็จอาชวินทร์ก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แสร้งตีหน้าหงุดหงิดเจ้าอารมณ์เพื่อข่มความเคอะเขินเอาไว้อย่างมิดชิด

เขาทำอะไรลงไป!

ปกป้องพิทักษ์เรียวขาขาวๆ ของแม่หนูคนนี้อย่างนั้นหรือ มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยสักนิด แผลไกลหัวใจออกปานนั้นปล่อยให้เดินกะเผลกจูงจักรยานกลับบ้านไปก็ย่อมได้ ทว่าเขากลับวิ่งโร่อุ้มแม่สาวน้อยแก้มแดงมาทำแผล ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้มาก่อนเลย

บ้าฉิบ! มันทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย!

“ขอบคุณค่ะคุณลุง”

รตาพนมมือไหว้ขอบคุณหนุ่มใหญ่ด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้เขา แล้วรอยยิ้มนั่นก็กระตุกหัวใจของหนุ่มใหญ่เข้าอย่างจัง

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก หนูเป็นลูกสาวของไอ้โรจน์ ก็เหมือนลูกสาวของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน” พูดออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง ประโยคเมื่อสักครู่ยิ่งย้ำชัดว่าเขาแก่คราวพ่อเข้าไปอีก

เรียกได้ว่า ‘แก่’ จนสาสมกับคำว่า ‘ลุง’ โดยไม่มีคำแก้ตัวใดมาหักล้าง

“ทิ้งจักรยานไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะให้คนงานซ่อมแล้วเอาไปส่งคืนให้”

“ค่ะ”

รตาพยักหน้ารับแล้วเดินลงบันไดบ้านไป เหลือบมองไปรอบกายจึงเห็นว่าบ้านเรือนไทยนี้สร้างจากไม้สักทั้งหลัก น่าจะมีอายุหลายสิบปี ไม้กระดานทุกแผ่นถูกขัดถูจนเงาวับ บ่งบอกชัดว่าเจ้าของบ้านรักความสะอาดและเป็นคนเจ้าระเบียบไม่น้อยเลย

----------

“เป็นอะไรของเอ็งฮึไอ้วินทร์ เห็นนั่งหน้าหงิกบอกบุญไม่รับมาหลายวันแล้ว นี่เอ็งไปกินรังแตนที่ไหนมา” ผู้เป็นปู่เอ่ยถามขณะค่อยๆ รินไวน์เลิศรสที่หมักจากผลพิลังกาสา ดื่มพอกรึ่มๆ ส่งผลให้อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับใครเขาทั้งนั้น

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่ไม่เป็นตัวของตัวเองก็เท่านั้น”

อาชวินทร์ถอนหายใจพรืดใหญ่ ก่อนจะลุกพรวดพราดลงจากเรือนไป ได้ยินเสียงของผู้เป็นปู่ตะโกนด่าโหวกเหวกไล่หลัง

“เออโว้ย สงสัยอากาศร้อนจะทำให้คนเป็นบ้า หลานข้าถึงได้ไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วตอนนี้เอ็งเป็นใครวะไอ้วินทร์ พิลึกคนเสียจริง!”

หนุ่มใหญ่ไม่สนใจถ้อยคำของผู้เป็นปู่ ด้วยสามวันมานี้นั้นเขาอยู่ในสภาวะหัวใจกระตุกเต้นไม่เป็นจังหวะ บางทีหัวใจเจ้ากรรมก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอาการเหม่อลอย มักยิ้ม มักแอบหัวเราะคนเดียวเงียบๆ ซึ่งปกติเขาไม่เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองได้ยังไงเล่า

“ชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้วนะไอ้วินทร์”

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นตบหน้าผากตนเอง ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นเท้าสะเอวสอบ จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาคมเผลอมองไปยังทิศตะวันออกอันเป็นที่ตั้งของบ้านเพื่อนรักในวัยเด็กที่เวลานี้มีลูกโตเป็นสาวสวยสะพรั่งจนทำให้เขาแทบไม่เป็นอันกินอันนอน แต่แล้วก็รีบเบือนหน้าหนี ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วบีบที่สันจมูกแรงๆ หลายครั้ง

“นายครับ”

“มีอะไร”

“จักรยานของคุณรตาที่นายให้ผมเอาไปซ่อม เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ จะให้ผมเอาไปส่งคืนที่บ้านคุณโรจน์เลยไหมครับ” คนงานในไร่จูงจักรยานเข้ามาหาผู้เป็นนาย

“เด็กคนนั้นอายุเท่าไร เรียนจบหรือยัง” จู่ๆ อาชวินทร์ก็ถามขึ้นมาดื้อๆ ทำให้คนงานในไร่ถึงกับยืนนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ

“นายหมายถึงใครเหรอครับ”

“ก็เจ้าของจักรยานน่ะสิ” ผู้เป็นนายตอบกลับเสียงห้วน ก่อนจะเอาสองมือไพล่หลัง สีหน้าเรียบเฉยคล้ายถามไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ภายในใจนั้นเรียกได้ว่าอยากรู้ขั้นสุด

“อ๋อ คุณรตาเหรอครับ” คนงานร้องอ๋อพลางพยักหน้าหงึกๆ “คุณ รตาเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีครับนาย เห็นเมื่อเดือนก่อนบ้านคุณโรจน์ปิดบ้านเงียบ พากันไปงานรับปริญญาของคุณรตาที่กรุงเทพฯ กันหมด”

“งั้นหรือ” ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ พลางคิดคำนวณในใจ

เด็กสาวคนนั้นเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี อายุก็น่าจะราวๆ ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองปี แม้ว่าเธอจะเรียนจบบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ด้วยช่องว่างระหว่างวัยก็ทำให้อาชวินทร์รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้โคเฒ่าที่ริอ่านคิดถึงหญ้าอ่อนอยู่ดี

อายุห่างกันตั้งสิบเก้าปีเชียวนะไอ้วินทร์ เลิกคิดถึง เลิกสนใจเด็กคนนั้นได้แล้ว

เขาถอนหายใจอีกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรของวัน พร่ำบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หัวใจเจ้ากรรมช่างดื้อด้านไม่ยอมเชื่อฟังเอาเสียเลย มันงอแงร่ำร้องอยากจะเห็นหน้าเด็กสาวนามว่ารตาอยู่ร่ำไป อาชวินทร์หันไปมองจักรยาน ก่อนจะหันไปมองคนงานที่ยังคงยืนยิ้มกว้างมองผู้เป็นนายอย่างรอคอยคำตอบว่าจะให้นำจักรยานไปส่งคืนเจ้าของเลยหรือไม่

“จอดไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันเอาไปส่งคืนเอง”

“ครับนาย”

ท้ายที่สุดสมองก็ไม่อาจเอาชนะหัวใจ...

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com