ณ ค่ายแห่งกองทัพโรม ตอนใต้ เกาะซิซิลี ใครบางคนเป็นห่วงคนที่ออกทัพจับศึกไปนานหลายเดือนเหลือเกินนัก ระหว่างระรันตารอเหล่าทหารกำลังสำรองมารับอาหารเช้า นางก็กระซิบกับนานัน
“ท่านถามพวกเขาหน่อยสิ ว่าได้ข่าวคราวอะไรจากทัพใหญ่บ้างหรือไม่”
นานันจึงลองเลียบๆ เคียงๆ ถามหนึ่งในพลทหารให้แล้วหน้าม่อยเมื่อไม่มีข่าวใดเลย หญิงสาวจึงได้แต่แบกความกลัดกลุ้มและคะนึงหาคนไกลไว้ในใจอย่างนั้น
สายๆ ชาบีเดินเข้ามาหาระรันตาที่กำลังช่วยนานันหั่นผักอยู่ เสียงคุยห้วนๆ
“ระรันตา เจ้าพอจะว่างหรือไม่”
หญิงสาวเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ “เจ้ามีอะไรหรือ”
“ข้าอยากให้เจ้าไปกับข้า นำอาหารไปให้พลทหารป่วยที่อยู่ด้านในของค่าย”
นานันวางมีดที่กำลังใช้หั่นผักอยู่เงยหน้าขึ้นถามด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ “ทำไมเจ้าไม่ไปเองคนเดียวล่ะชาบี”
“สำรับอาหารตั้งมากมาย ข้าจะถือไปอย่างไรคนเดียวไหว แถวนี้ก็มีแต่แม่บ้านแก่ๆ” ชาบีเอ่ยลอยหน้าลอยตา
“ต๊าย เอ็งนี่ปากไม่มีหูรูดไร้มารยาทนักเชียว” นานันโมโห
ระรันตาวางมือแล้วลุกขึ้น “ไม่เป็นไรนานัน ข้าช่วยนางเอง ไปแค่นี้ประเดี๋ยวก็กลับ”
ทว่าทางเดินนั้นไกลกว่าที่คิดนัก น่าจะอีกฟากหนึ่งของค่ายทีเดียว ระรันตาไม่เคยเข้ามาบริเวณนี้ มองไปรอบๆ น่าจะคือที่พักรวมของเหล่าทหารวัยฉกรรจ์ สายตาพวกนั้นมองอย่างไม่เคยเห็นผู้หญิงมานานแสนนาน
“เจ้าเดินเข้าไปตามทางนั้นนะ ข้าจะไปอีกทางหนึ่ง” ชาบีชี้มือไปตามทางดินเล็กๆ
ระรันตาขมวดคิ้ว “ทำไมต้องแยกกันเดิน”
ชาบีทำหน้าหน่าย “ก็มีพลทหารป่วยหลายคน อยู่กันคนละกระโจมอย่างไรล่ะ เจ้านี่สงสัยมากจริง”
หญิงสาวมิอยากต่อคำด้วยจึงออกเดินไปคิดว่าส่งอาหารให้เสร็จจะได้รีบกลับ แต่ยิ่งเดินยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านกระโจมหลายหลังก็ไม่เห็นที่ใดจะมีพลทหารป่วย มีแต่พลทหารล่ำสันหน้าตากลัดมันไม่น่าไว้วางใจเลย
“จะไปไหนหรือแม่นางคนงาม” พลทหารนายหนึ่งลุกเดินออกมาจากกลุ่ม
“ข้านำอาหารมาให้ทหารที่ป่วย ท่านรู้หรือไม่ว่ากระโจมใด”
“แถวนี้ไม่มีใครป่วยนี่แม่นาง” สายตากะลิ้มกะเหลี่ยทำนางหวั่นใจ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะกลับ”
แต่พลทหารหนุ่มกลับก้าวอาดมาขวาง “ช้าก่อนคนงาม มาถึงนี่แล้วจะกลับง่ายๆ ได้อย่างไรกัน”
แม้ในใจจะหวาดวิตก แต่ระรันตาพยายามปั้นหน้าให้ปกติ ทำเสียงนิ่งเข้าไว้ “ได้โปรดเปิดทางให้ข้าด้วย”
“เจ้าสวยขนาดนี้ ข้าคงปล่อยให้เจ้าออกไปง่ายๆ ไม่ได้กระมัง” ชายหนุ่มหันไปส่งสัญญาณกับเพื่อนๆ ทหารอีกสี่ห้านายเดินมาล้อมนางไว้
เมื่อเห็นท่าไม่ดี หญิงสาวจึงเดินเบี่ยงออกไปโดยเร็ว แต่ทหารกลับคว้ามือไว้ เมื่อนางสะบัดก็ถูกบิดข้อมือจนต้องร้อง
“โอ๊ย ปล่อยข้านะ”
ร่างใหญ่ทหารกลัดมันโน้มเข้ามาใกล้บีบมือนางไว้แน่น “จะเล่นตัวไปไย ขอข้าดอมดมกายสาวให้ชื่นใจสักหน่อยเถิด”
ระรันตาโยนสำรับอาหารออกไปเบื้องหน้า น้ำแกงหกรดทหารนายนั้นจนผงะ นางได้โอกาสวิ่ง แต่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวมือหนาสากเยี่ยงกระดาษทรายก็คว้าตัวไว้อย่างแรงจนนางล้มกลิ้ง
“คิดจะหนีข้าพ้นหรือ ข้าเปลี่ยวใจมานานแล้ว”
ทหารบ้ากามขึ้นคร่อมร่างแบบบางทันที ก้มหน้าลงหมายลิ้มรสริมฝีปากสาวให้ได้ ระรันตาดิ้นสุดแรงเกิดพยายามดันตัวออกแต่สู้แรงไม่ได้เลย สุดท้ายจึงตัดสินใจกัดแขนของมันอย่างจัง
“โอ๊ย!” มันร้องแล้วตบหน้านางเข้าฉาดใหญ่จนมึนงง
“ดูต้นทางไว้ ข้าจะจัดการก่อนแล้วใครจะมาต่อก็ตามสบาย” ทหารหันไปบอกเพื่อนฝูง นางเห็นแววตาหื่นกระหายมองมา ช่างน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด มือนางถูกตรึงไว้ด้วยการกดกับพื้นแน่นจนกระดูกเจียนร้าว แม้พยายามดิ้นรนเพียงใดก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“เจ้า! หยุดดิ้นได้แล้ว” เสียงกรรโชก
ระรันตายังคงดิ้นและร้องโวยวาย “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
“ข้าบอกให้เงียบอย่างไรล่ะ!” เสียงตวาดอย่างอารมณ์เสีย ร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาบเหงื่อทาบทับบนตัวนางน่าสะอิดสะเอียน ระรันตาน้ำตาไหลได้แต่ร้อง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
โหลดอ่านฉบับเต็มในรูปแบบ eBook ได้แล้ววันนี้!
Special Price ลดเหลือ 149฿ (จากปก 218฿)
ตั้งแต่วันนี้ - 2 ม.ค. 68