เป็นเวลาร่วมเดือนที่กองกำลังแห่งโรมนำโดยท่านแม่ทัพอัปปิอุส คลอดิอุส เคาเด็กซ์ ได้ออกทัพกวาดล้างเหล่าแมมเออร์ทีนซ์ออกจากเมืองเมสซานา
เมื่อได้ชัยชนะเหนือเมืองเมสซานาแล้ว ท่านแม่ทัพได้นำกองกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองข้างเคียงที่มีชื่อว่า เอเชตลา (Echetla) ซึ่งเป็นเมืองระหว่างดินแดนของชาวคาร์เธจและชาวไซราคิวส์ ด้วยหวังยึดเมือง แต่การต่อสู้ที่นี่ทำให้โรมสูญเสียกำลังพลมากมาย จนแม่ทัพคลอดิอุสต้องตัดสินใจถอนกำลังกลับมาที่เมสซานา และล้มเลิกความตั้งใจที่จะยึดเมืองเอเชตลา
ระรันตาอดเฝ้ามองดูหน้ากระโจมทุกวันไม่ได้ ว่าจะเห็นกองทัพใหญ่กลับมาเมื่อใด ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งกระวนกระวาย อยากรู้เหลือเกินนักว่าบุรุษเจ้าของดวงตาคมดุคู่นั้นป่านนี้จะเป็นเช่นไร
กลางดึกคืนหนึ่ง ระรันตานอนกระสับกระส่ายไปมาบนฟูก สุดท้ายก็ผุดลุกขึ้น แสงตะเกียงในกระโจมสว่างและหรี่ลงสลับกันไปตามแรงลมที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง นางถอนหายใจลุกไปยืนเหม่อมองราตรีอันมืดมนไร้ดาว
“นอนไม่หลับหรือแม่นาง” นานันงัวเงียลุกขึ้นถาม
“ขออภัยด้วย ปลุกท่านหรือไม่” นางเอ่ยอย่างเกรงใจ
หญิงร่างท้วมขยับลุกบ้าง “ไม่ดอก ข้าก็นอนหลับไม่ค่อยสนิทเหมือนกัน เป็นห่วงทหารทั้งหลาย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง”
พลันเสียงแตรจากด้านหน้าค่ายก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน
“กองทัพกลับมาแล้วเจ้า เรารีบไปดูกันเถิด” นานันตะลีตะลานวิ่งออกจากกระโจม ระรันตาคว้าผ้าคลุมไหล่ได้ก็วิ่งตามไปทันที
กำลังพลโรมันทั้งเดินทั้งขี่ม้ากลับเข้ามาผ่านประตูค่าย ต่างอยู่ในสภาพทรุดโทรมหมดเรี่ยวแรง บางคนก็ล้มลงเมื่อผ่านเข้าประตูค่ายไม่กี่ก้าว หลายนายได้รับบาดเจ็บทั้งมากน้อยสาหัสแตกต่างกัน คนที่เจ็บน้อยก็ช่วยพยุงช่วยหามคนที่หนักกว่า บางรายก็นอนมาในแคร่ และ...บางราย...ก็หลับสู่นิรันดร์แล้ว
ความโกลาหลบังเกิด หมอดาปิโอรุสวุ่นเดินดูอาการผู้บาดเจ็บ ผู้ช่วยแพทย์และไม่ใช่ต่างช่วยกันเต็มที่รวมทั้งระรันตาและนานัน ทุกคนรอฟังคำสั่งท่านหมอที่จะเดินวินิจฉัยอย่างรวดเร็วแยกลำดับขั้นอาการ ตั้งแต่วิกฤตมากต้องได้รับการรักษาทันที กลุ่มที่พอรอได้ กลุ่มไม่วิกฤต และ...กลุ่มที่หนักเกินเยียวยา ซึ่งจะมีผู้คอยสวดมนต์ให้เขาเหล่านั้นจากไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมานจนเกินไป
ทุกคนต่างวิ่งวุ่นเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ระหว่างระรันตากำลังกดแผลห้ามเลือดให้กับทหารนายหนึ่งที่มีบาดแผลฉกรรจ์บนต้นขา ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาใครบางคนมองอยู่ เมื่อหันไปจึงสบตาเข้ากับเขา คนที่นางแอบเฝ้าห่วงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เชลาลุสยืนห่างไกลนัก ร่างสูงดูอิดโรยและอ่อนแรง ใบหน้าเหนื่อยล้าและซีดเซียว หนวดเครารกครึ้มกว่าครั้งก่อน ระรันตาขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นว่าต้นแขนของเขามีผ้าพันอยู่ เลือดแดงชุ่มโชกทั้งผืนและยังไหลลงเป็นสายถึงปลายแขน หากทหารหนุ่มกลับยืนนิ่งเฉยไม่อาทรกับมัน สายตายังคงมองตรงมา
ระรันตารีบก้มดูอาการทหารผู้บาดเจ็บที่นางกำลังให้ความช่วยเหลืออยู่เมื่อเขาเริ่มสับสนร้องโวยวายดิ้นพล่าน ใบหน้าซีดเผือดดั่งกระดาษ นางออกแรงกดมากขึ้นพลางร้อง
“ท่านหมอ ช่วยดูทหารผู้นี้ด้วยเถิด”
หมอดาปิโอรุสเดินดุ่มเข้ามาตรวจอย่างรวดเร็ว ประเมินสภาพแล้วส่ายหน้าก่อนเดินจากไป
ระรันตาเบิกตาโพลง “ไม่นะท่านหมอ! อย่าทิ้งเขา”
ผู้บาดเจ็บดิ้นน้อยลง หายใจผะแผ่ว ช้าลงๆ และค่อยๆ หมดลมไปในที่สุด ทั้งๆ ที่นางยังคงกดแผลเขาอยู่ ทหารผู้นี้ตายคามือของนางอย่างนั้นหรือ!
น้ำตานางรื้นขึ้น คลอเบ้าแล้วหลั่งรินเป็นสาย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศของความชุลมุน สับสนวุ่นวายรายรอบ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนอนปะปนเกลื่อนกลางค่าย นางสะอื้นอย่างมิอาจสะกดกลั้น
เมื่อตั้งสติได้ระรันตาก็หันไปมองหาใครคนนั้นอีกครั้ง หญิงสาวเห็นเขากุมแขนข้างที่บาดเจ็บตัวโอนเอนและทรุดฮวบลงนอนหมดสติไปกับพื้น
“ท่านเชลาลุส!!!”
นางกรีดร้องสุดเสียงพร้อมๆ กับเสียงของใครอีกคน...ชาบี
ระรันตารีบวิ่งไปดูเขาแต่นางอยู่ไกลเกินไป ชาบีปราดเข้าไปประคองร่างกำยำแล้ว ตามด้วยทหารอีกหลายนายที่วิ่งกรูกันเข้าไปรวมทั้งหมอดาปิโอรุส ผู้คนมากมายรุมล้อมทหารเอกแห่งโรม ระรันตาได้แต่ยืนมองห่างๆ
หมอดาปิโอรุสสั่งการรักษาโหวกเหวก เหล่าทหารช่วยแบกร่างของเขาเข้าไปในเรือนพยาบาล ชาบีเคียงข้างไม่ห่าง
นานันเดินเข้ามาโอบไหล่นาง “อย่าเป็นกังวลไป ท่านเชลาลุสอยู่ในมือหมอแล้ว ท่านต้องปลอดภัย”
ระรันตาปล่อยสะอื้น น้ำตารินไปบนใบหน้าอีกครั้ง
----------
แสงอรุณรุ่งแห่งวันใหม่ทาบทับขอบฟ้า ปกติแล้วช่วงเวลานี้มีแต่ความสงบ จะมีก็เพียงเสียงลมและใบไม้หวิวตามธรรมชาติ แต่วันนี้มีแต่เสียงเรียกหายาสมุนไพร เรียกหาอุปกรณ์ต่างๆ นานาดังจากเรือนพยาบาล ทหารผู้ช่วยเดินเข้าออกโรงครัวตลอดเวลา
“ท่านหมอต้องการน้ำร้อนต้มสุกหนึ่งเหยือกใหญ่ น้ำต้มสุกใส่เกลือเข้มข้นหนึ่งชาม และต้องการเหล้าที่แรงที่สุดอีกหนึ่งขวด” ทหารเดินมาบอกนานัน
“ได้สิ ได้ ข้าจะรีบไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”
เสียงรับคำสั่นพลิ้วกับท่าทางหวาดวิตกของนานันทำระรันตาแปลกใจ ยิ่งนานันตั้งไฟรินน้ำใส่กาเพื่อต้มมือสั่นจนน้ำกระฉอก นางจึงอดถามไม่ได้
“นานัน เป็นอะไรรึทำไมดูร้อนรนนัก”
นานันไม่ตอบแต่ตะโกนวานแม่บ้านที่อยู่แถวนั้น “เจ้าไปหาเหล้าให้ข้าหน่อย เอาที่แรงที่สุดนะเร็วเข้า”
แล้วระรันตาก็ได้รู้คำตอบเองว่าทำไมท่านหมอจึงเรียกหาของเหล่านั้น
เมื่อทุกสิ่งพร้อม ท่านหมอก็เริ่มลงมือ
คมมีดกรีดลงบนต้นแขนเชลาลุส ระรันตาเห็นเขากัดริมฝีปากแน่น แม้ใบหน้าแสดงว่าพยายามอดทนอย่างยิ่งยวด แต่ความเจ็บปวดนั้นเห็นได้จากเนื้อตัวของเขาที่สั่นระริก หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วเมื่อมีดนั้นบาดลึกลงถึงเนื้อในจนเห็นชั้นไขมันสีเหลือง เชลาลุสก็แผดร้อง
“โอ๊ย!”
ดวงหน้าทหารหนุ่มเหยเก นางเห็นน้ำตาของเขาที่ไหลอาบหน้า ร่างใหญ่ดิ้นพล่านจนพลทหารต้องออกแรงข่มเขาไว้ทั้งตัว
“เอาเหล้ามาเพิ่ม!” หมอดาปิโอรุสสั่งเสียงเข้ม รับแก้วเหล้าแล้วกรอกเข้าปากเชลาลุส เขาดิ้นรนหนักจนเหล้าเข้าปากบ้าง หกบ้าง แต่ยิ่งหมอป้อนเพิ่ม เหล้าก็เลอะเทอะไปทั้งเนื้อทั้งตัวเขา
“ท่านเชลาลุส อดทนหน่อยนะท่าน” นายแพทย์อธิบาย
ระรันตาน้ำตาไหล เจียนจะขาดใจตามยิ่งได้ยินเสียงร้องของเขาที่ดังไม่หยุด นางพยายามกลั้นสะอื้นแต่ก็ทำไม่ได้
“ท่าน...ท่านเชลาลุส...” นางเผลอเรียกแล้วโผกอดนานัน
ทว่าเชลาลุสเหมือนได้ยินแม้สะลึมสะลือ เขามองมาทางระรันตารวบรวมแรงเอ่ยเสียงดัง
“ให้นางออกไปซะ”
ทุกคนในที่นั้นหันมามองหญิงสาวเป็นตาเดียว นางรีบยกมือขึ้นปิดปากแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไปอีก
“เอาผ้ามาให้ข้ากัด” เขาสั่ง หมอดาปิโอรุสรีบหยิบม้วนผ้าสีขาวส่งให้คนเจ็บ เขามองนางเขม็งแล้วย้ำก่อนจะกัดผ้านั้น
“เจ้าออกไปซะ”
ชาบีหันมามองนางใบหน้าถมึงทึง “ออกไปสิเจ้า ท่านไล่แล้วไม่ได้ยินหรือ”
ระรันตานิ่งงัน ทั้งห่วง ทั้งงงงัน หากนานันฉุดมือนาง “ไปเถอะเแม่นางท่านเอ่ยปากแล้ว”
หญิงสาวยังคงมองทหารหนุ่มผ่านม่านน้ำตา ภาพสุดท้ายเห็นเชลาลุสกัดผ้าสีขาวนั้น แล้วหมอดาปิโอรุสก็ลงมือผ่าตัดต่อไป
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **