ผู้บัญชาการแห่งคาร์เธจวางแก้วไวน์ลง ตอบเสียงเข้ม “จะได้หรือไม่ได้ พวกมันก็ต้องรู้ว่าพวกข้าเข้ามาช่วยพวกมันต่อกรกับกองทัพของท่าน”
“แมมเออร์ทีนซ์มันร้ายนัก มันยุยงให้เราเปิดฉากรบกัน” แม่ทัพแห่งโรมพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด
ฮันโนยกไวน์ขึ้นจิบ มองคลอดิอุสเขม็ง “ท่านเองก็ยาตราทัพมาถึงดินแดนแห่งนี้ เพียงเพื่อจะช่วยพวกแมมเออร์ทีนซ์ต่อกรกับพวกเราคาร์เธจอย่างนั้นดอกหรือ”
ท่านแม่ทัพแสร้งหัวเราะดัง “ท่านฮันโน ท่านแกล้งถามข้าใช่หรือไม่ หรือท่านคิดไม่ตกจริงๆ ว่าสิ่งใดคือจุดประสงค์ของโรม”
ฮันโนเหยียดตัวนั่งหลังตรง ท่าทีระแวดระวังขึ้น ทว่าเมื่อมองหาทหารติดตาม ทั้งสามดื่มไวน์ไปหลายแก้วจนหน้าแดงก่ำแล้ว เมื่อฮันโนได้เพ่งพิศดีๆ จึงเริ่มสังเกตได้ว่ารอบๆ กระโจมนั้นรายล้อมด้วยทหารโรมันทั้งสิ้น!
เมื่อเห็นผู้นำคาร์เธจขยับตัวอย่างอึดอัด เชลาลุสก็อยู่ในท่าพร้อมรบเฉกเช่นเพื่อนพ้อง ฮันโนน่าจะรู้ตัวแล้วว่านี่ไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดาเสียแล้ว!
“ข้าคิดว่าท่านต้องการเจรจาสงบศึกกับเราทัพแห่งคาร์เธจ เพราะศึกครั้งก่อนท่านก็เสียไพร่พลไปมากนัก” ฮันโนฝืนปรับเสียงให้เป็นปกติ
แม่ทัพแห่งโรมแค่นยิ้มมุมปาก “ท่านพูดผิดแล้ว ข้าได้ยินว่าทางคาร์เธจ สูญเสียไม่ใช่น้อยเลยนา”
ฮันโนดันแก้วไวน์ออกห่างจากตัวเสียงห้วนขึ้นเมื่อพูดย้ำ “ข้าคิดว่าท่านต้องการเจรจาสงบศึกกับเราในวันนี้!”
ถึงคราวคลอดิอุสเยาะ “โรมไม่เคยมีความคิดสงบศึก เรามีแต่จะรบเพื่อโรมของเรา!”
เชลาลุสเอื้อมมือจับดาบที่เหน็บข้างเอวกระชับมั่น
“ท่านหมายความว่ากระไร! ข้าคิดว่าวันนี้ท่านเชิญข้ามาอย่างมิตรเพื่อสงบศึกระหว่างเราสอง” น้ำเสียงและสีหน้าฮันโนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด
ทหารของทั้งสองฝั่งเริ่มขยับตัวเตรียมพร้อม
แม่ทัพคลอดิอุสจับสังเกตทีท่ากระสับกระส่ายของผู้นำทัพคาร์เธจได้ด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบหน้า “ใจเย็นๆ ท่านฮันโน ข้าต้องการเจรจากับท่านจริงๆ”
ฮันโนกลอกตาไปมา อกกระเพื่อมแรงอย่างปิดไม่มิด ริมฝีปากเกร็งและสั่นน้อยๆ
แม่ทัพแห่งโรมยังคงเอ่ยสำเนียงสบายๆ อย่างสำราญกับมื้อค่ำที่แสนวิเศษ “คิดดูให้ดีๆ ท่านฮันโน ว่ากองทัพของท่านจะสู้กับกองทัพทหารราบโรมันไหวหรือไม่”
ฮันโนดวงตาแข็งกร้าว เสียงกร้าวยิ่งกว่า “ท่านต้องการบอกอะไรแก่ข้า แม่ทัพคลอดิอุส!”
ผู้นำแห่งโรมเชิดหน้าขึ้น ไม่มีรอยยิ้มใดๆ หลงเหลือ น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทรงพลัง “ข้าต้องการเมืองเมสซานา!”
“กองทัพคาร์เธจควบคุมเมืองเมสซานาอยู่ ท่านก็รู้ดี!” ฮันโนเสียงดังคล้ายตวาด เชลาลุสขยับประชิดตัวฮันโนทันทีจนผู้นำคาร์เธจหันมามองตาขวาง
“ไม่เป็นไรเชลาลุส” แม่ทัพคลอดิอุสเอ่ย เชลาลุสจึงขยับห่างออกมา
แล้วคลอดิอุสก็แค่นหัวเราะ “ควบคุมอย่างนั้นหรือ ข้าว่าพวกท่านมาตามคำร้องขอของพวกแมมเออร์ทีนซ์ก็เท่านั้น คาร์เธจมิได้แสดงอำนาจใดๆ เหนือพวกมันเลย กลับทำตามคำสั่งของพวกมันต่างหากเล่า!”
ฮันโนตาวาว “แม่ทัพคลอดิอุส! ระวังคำพูดท่านด้วย!”
“ข้าต้องการเมืองเมสซานา และกองทัพข้าจะจัดการกับพวกแมมเออร์ทีนซ์ให้ ท่านจะว่าอย่างไรท่านฮันโน” คราวนี้คลอดิอุสเปล่งวาจาแข็งกร้าว ทั้งดวงตาถมึงทึงผิดจากเมื่อครู่ฉับพลัน
ผู้นำคาร์เธจนิ่งอึ้ง
“ว่าอย่างไรฮันโน! ข้าไม่ต้องการทำศึกให้เสียกำลังพลกันทั้งสองฝ่ายหากว่าเราตกลงกันได้”
ผู้นำคาร์เธจแววตาเคร่งเครียด ทหารติดตามออกอาการฮึดฮัด ทว่าขุนพลแห่งโรมเข้าประชิดตัวอย่างพร้อมเพรียงจนทั้งสามนายทำอะไรไม่ได้
ฮันโนกำมือแน่น ขบกรามจนคางสั่น สถานการณ์ตกเป็นรองอย่างมิอาจสู้ได้
“ข้าไม่คิดเลยว่า ท่านจะหักหลังกันเช่นนี้”
คลอดิอุสมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นี่ไม่ใช่การหักหลัง ข้านับว่านี่คือกลศึกอย่างหนึ่ง”
“กลศึกอย่างนั้นหรือ!” ฮันโนตวาดผลุนผลันลุก เชลาลุสยืนพรวดตวัดดาบจ่อคอหอยผู้นำทัพคาร์เธจทันควัน
ทหารคาร์เธจสามนายลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อคุ้มกันท่านผู้นำ แต่ช้าเกินไป ปลายดาบจากทหารโรมันที่นั่งขนาบข้างต่างอยู่ที่คอของทุกคนอย่างไม่ทันได้กะพริบตาเช่นกัน
แม่ทัพคลอดิอุสลุกขึ้นช้าๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงแตรดังยาวมาจากพลทหารเวรรักษาการณ์บนป้อมประตูหน้าค่าย ท่านกวาดสายตามองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างพอใจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กองทัพของท่านถูกทหารเราล้อมไว้หมดแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ฮันโน”
ฮันโนหน้าซีดเผือด เหงื่อหลั่งจนโซมใบหน้า เสียงเอ่ยสั่นเทาน่าเวทนา “ข้าไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่ากองทัพแห่งโรมผู้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้!”
ทันทีที่ฮันโนเอ่ยจบปลายดาบของเชลาลุสก็ดันเข้าที่คอหอย
“โอ๊ย! อย่าๆ” ฮันโนเปลี่ยนท่าที ลนลาน เกรงกลัวความตายขึ้นมาทันควัน
“หุบปากของเจ้าซะ! มิเช่นนั้นปลายดาบทหารเอกข้าจะตัดคอหอยเจ้าทันที เจ้าต้องไตร่ตรองและคิดมาถ้วนถี่แล้วก่อนจะตอบรับคำเชิญ เข้ามาในค่ายแห่งเรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการที่เจ้าเลือกแล้ว อย่าเที่ยวพูดใส่ความคนอื่น!” แม่ทัพคลอดิอุสตะคอกแล้วสั่ง
“พาพวกมันไปหน้าประตูค่าย ให้มันไปเห็นกับตา ว่าตอนนี้กองทัพมันตกอยู่ในสภาพใด!”
----------
กองกำลังคาร์เธจที่ติดตามฮันโน อยู่ได้เพียงแค่หน้าประตูค่ายเท่านั้น ซ้ำยังถูกกองทัพทหารราบแห่งโรมตีโอบล้อมจากด้านหลัง ฟาธามเป็นผู้นำทัพออกไปรอนอกค่ายตั้งแต่บ่ายตามแผนการที่คิดไว้ เวลานี้มีเสียงฮึ่มฮึ่มจากกองกำลังของทั้งสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ทัพโรมถือหอกและแหลนคุมเชิงล้อมรอบกองทัพแห่งคาร์เธจ บนกำแพงค่ายสูงขึ้นไป แผงพลธนูแห่งโรมก็ขึ้นคันธนูเตรียมพร้อม
“อย่าคิดจะสู้! ผู้นำของพวกเจ้าได้ถูกขุนพลเราควบคุมไว้หมดสิ้นแล้ว” ฟาธามตะโกนก้องจากบนหลังม้า
เสียงฮือฮาของเหล่าทหารดังขึ้นเมื่อภาพผู้นำฮันโนถูกคุมตัวปรากฏบนประตูค่าย ปลายดาบของเชลาลุสอยู่ที่คอหอย ทหารติดตามทั้งสามมีสภาพไม่ต่างกัน
แม่ทัพคลอดิอุสประกาศก้อง
“พวกเจ้ากองกำลังคาร์เธจจงดูไว้ บัดนี้ชีวิตผู้นำของพวกเจ้าอยู่ในมือข้าแล้ว ข้าได้ให้ทางเลือก ว่าจะสงบศึกเพื่อมิต้องเสียเลือดเนื้อ หรือจะเปิดศึกกันตั้งแต่วินาทีนี้ ขึ้นอยู่กับผู้นำของพวกเจ้าจะตัดสินเอง!”
ท่านแม่ทัพหันมายังผู้นำแห่งคาร์เธจอีกครั้ง “ว่าอย่างไรฮันโน!”
ผู้ตกเป็นรองเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ดวงตาเหลือกลานมองกองกำลังตนเองที่ไร้ระเบียบหมดสิ้นกระบวนท่า แม้นสั่งการปะทะก็เดาได้ว่าคมหอก คมแหลน และธนูคงพุ่งเข้าถึงตัวทหารคาร์เธจทันที จำนวนกำลังพลก็น้อยนิดเทียบไม่ได้เลยกับกองทัพโรมที่ตีโอบล้อมอยู่
“ว่าอย่างไร ข้าไม่มีเวลารอทั้งราตรีดอกนะ หากเจ้าไม่ตอบ ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขของข้า และเราจะเริ่มเปิดศึกโดยตัดคอเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”
แม่ทัพคลอดิอุสชักดาบออกขยับเข้ามายืนแทนที่เชลาลุส ท่านตวัดดาบเตรียมปาดคออย่างน่าหวาดเสียวพลางกระชับคมดาบกินเนื้อจนเลือดซิบ
ฮันโนหลับตาลง ก่อนลืมอีกครั้ง แววตาปวดร้าวและสิ้นหวังฉายโชน น้ำเสียงสั่นและอ่อนแรงยิ่ง
“พี่น้องทหารคาร์เธจของข้า ข้าภูมิใจพวกเจ้ายิ่งนักในความกล้าหาญ อดทน มุ่งมั่น บัดนี้ฟ้ามิได้อยู่ข้างเรา ข้ามิอาจบัญชาการรบได้ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ และข้าก็มิอาจปล่อยให้ทหารของข้า รบในขณะที่เสียเปรียบตั้งแต่เริ่มการศึก ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆ”
แม่ทัพแห่งโรมกระชับดาบเข้าคอผู้พ่ายแพ้มากยิ่งขึ้น เลือดรินเป็นสายลงกลางอกฮันโน
“หยุดพล่ามได้แล้ว! เจ้าต้องการให้คอขาดด้วยดาบแห่งข้าใช่หรือไม่!”
ฮันโนตัวสั่นระริก
เสียงทหารด้านล่างกู่ร้องตะโกนเรียกผู้นำของตนเอง “ท่านฮันโน ท่านฮันโน”
ที่สุดผู้นำแห่งคาร์เธจก็เอ่ยวาจา
“ต่อจากนี้เมสซานาจะเป็นของโรม กองกำลังโรมันจะเข้าจัดการกับพวกแมมเออร์ทีนซ์เอง กองกำลังคาร์เธจจะเดินทางออกจากเมืองเมสซานาให้หมดก่อนแสงแรกของรุ่งเช้า!”
ผลจากการยอมถอยร่นของกองกำลังคาร์เธจที่นำโดยแม่ทัพฮันโน ซึ่งเปิดทางให้กองทัพโรมจัดการกับพวกแมมเออร์ทีนซ์ได้โดยสะดวกนั้น ทำให้ฮันโนถูกตัดสินโดยประชาชนชาวคาร์เธจต้องโทษประหาร โทษฐานไร้ความกล้าหาญและขาดวิจารณญาณในการละทิ้งเมืองเมสซานา เขาโดนประหารด้วยวิธี ‘Crucified’ หนึ่งในโทษประหารที่ทรมานที่สุด โดยการตอกมือและเท้าทั้งสองข้างตรึงไว้บนไม้กางเขน จนกว่านักโทษผู้นั้นจะหมดลมหายใจไปเอง
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **