ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : มาลีเริงไฟ : ตอนที่ 33

 

 

ตอนที่ 33

 

 

เจิมจันทร์พยายามวางสีหน้าให้เป็นปกติขณะเริ่มต้นทานข้าวกับสองสามีภรรยา นางรู้ดีว่าวิรัลยามาที่นี่ก็เพราะธนาคมส่งให้มาหาความลับของนาง ตอนนี้ธนาคมออกจากห้องนั้นได้แล้ว ด้วยการทลายตาข่ายมนตร์ของนาง ซึ่งก็นับว่ามีฝีมือไม่น้อย แม้เจ้าตัวจะยังหาวารุณไม่เจอก็ตาม

“จริงด้วย พี่ยาหยีส่งไลน์มาบอกว่าทำงานใกล้เสร็จแล้ว ยิหวาโทร.ชวนมากินข้าวด้วยดีกว่า” วิรัลยาเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง

“เดี๋ยวชวนพี่มิ้งค์ด้วยนะคะ ให้พี่มิ้งค์ปิดคลินิกเร็วหน่อย”

“ไม่ต้อง รีบๆ กินแล้วก็รีบๆ กลับไปซะ” หญิงชราเอ่ยอย่างรำคาญ

อัคนีกับวิรัลยาเลยหันมาสบตากันด้วยความตกใจ

“คุณยายยุ่งอยู่เหรอครับ...ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า พอดีผมโทร.หาคุณยายแล้วไม่ติด โทร.เข้าบ้าน แม่พิณก็บอกว่าคุณยายไม่ได้ออกไปไหน”

“ช่างเถอะ” หญิงชราตัดบท

“เอ่อ...” ทั้งคู่อึกอัก แล้วน้ำตาวิรัลยาก็ไหลออกมา “ยิหวาทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว ยิหวาขอโทษนะคะ”

“แกไม่มีประโยคไหนที่ดีกว่านี้เรอะ ผัวแกก็ขอโทษแล้ว แกจะขอโทษซ้ำอีกทำไม เอาละ ถ้าจะกินข้าวก็กินกันไปแล้วกัน ฉันไม่หิว”

เจิมจันทร์เกิดความรำคาญถึงขีดสุด ทำท่าจะผละไปดื้อๆ

“คุณยายใจร้าย วันนี้วันครบรอบแต่งงานของยิหวา แต่คุณยายก็ยังดุ แทนที่จะอวยพรให้ยิหวา ทำไมคะ เพราะยิหวาไม่ใช่หลานรักเหมือนพี่โตใช่ไหมคะ”

“ยิหวา!” อัคนีถึงกับอุทานออกมา

“ทำไมพูดอย่างนั้น ขอโทษคุณยายก่อน”

“ยิหวาไม่ขอโทษ ยิหวาพูดเรื่องจริง คุณยายไม่เคยรักยิหวาเลย ยิหวาทำอะไรก็ผิดตลอดนั่นแหละ” พูดจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้นแล้วผลุนผลันออกจากโต๊ะไป อัคนีทำท่าจะลุกตามด้วยสีหน้าที่เครียดจัด

“ผมจะไปตามยิหวามาขอโทษคุณยาย”

“แกไม่ต้องไปหรอก อยู่คุยกับฉันดีกว่า” เจิมจันทร์ยิ้มเยือกเย็น มองตามร่างแบบบางนั้นไป

----------

ทางด้านวิรัลยา เมื่อผละจากเจิมจันทร์มาได้แล้ว หล่อนก็เช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวย้อนกลับมาที่เรือนนอนของเจิมจันทร์อีกครั้ง มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว จึงเปิดประตูเข้าไป ด้วยมั่นใจว่าห้องทำพิธีของเจิมจันทร์ต้องอยู่ที่นี่

‘คุณไปสืบมาให้ได้ว่าห้องของมันอยู่ไหน ผมจะตามไปจัดการมัน’

นั่นเป็นคำสั่งของธนาคมหลังจากที่เขาสามารถทำลายอาคมของเจิมจันทร์ จนสามารถหลุดออกมาจากห้องได้

‘อ้าว แล้วคุณไม่รู้หรือไง นี่ตกลงคุณเก่งจริงหรือเปล่า ทำไมถึงพลาดบ่อยอย่างนี้’ หล่อนตวาดกลับไปด้วยความโมโห

‘ถ้าไม่เก่งผมจะทำให้คุณหน้าเหมือนคุณยิหวาได้ขนาดนี้เรอะ แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกคุณ ผมฝึกวิชาทีหลังมัน แถมยังไม่เลวเท่ามันด้วย ยิ่งเลว ศาสตร์ไสยดำก็ยิ่งแก่กล้า แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีจุดอ่อน คุณหาห้องมันให้เจอก็พอ’

เมื่อเข้ามาภายในห้องของหญิงชราผู้นั้นได้ วิรัลยาก็กวาดตามองไปตามผนัง เผื่อจะเจอประตูไปสู่ห้องลับ

“ไม่เห็นมีอะไรเลย” หลังจากเดินหาทางนั้นทีทางนี้ที วิรัลยาก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง แล้วจู่ๆ หล่อนก็หันไปมองบนเก้าอี้หวายของหญิงชรา ด้วยรู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่บนนั้นและกำลังมองหล่อนอยู่ หากแต่ไม่พบใคร...

----------

ญานีนนอนหลับตานิ่งๆ บนเก้าอี้ หวังจะพักสายตาสักห้านาที แต่ก็หลับไม่ลงด้วยเครียดจัด บวกกับหล่อนรู้สึกว่าห้องของยายนั้นร้อนรุ่มอย่างไรพิกล จึงตัดสินใจลุกขึ้น

จังหวะนั้นเอง มือหล่อนก็ปัดไปโดนผอบที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ผอบกลิ้งลงพื้น ฝาเปิดออก หญิงสาวตกใจมาก รีบเก็บมันเข้าที่เดิม เก็บเสร็จยังไม่ทันจะขยับตัวทำอะไร ประตูห้องยายก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างของวิรัลยาพรวดพราดเข้ามา ญานีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ด้วยหลบไม่พ้นแล้ว อย่างไรก็ต้องเผชิญหน้า แต่จะไม่มีวันให้เจ้าหล่อนรู้ว่าหล่อนมาทำอะไรที่นี่

แต่แล้ว ญานีนก็ต้องแปลกใจล้นพ้นเมื่อวิรัลยาทำท่าเหมือนไม่เห็นหล่อน ฝ่ายนั้นมองมาที่เก้าอี้หวายอย่างแน่นอน แถมยังเดินวนไปมาหลายรอบ มีบางครั้งเดินเกือบชนหล่อนด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่เห็น เกิดอะไรขึ้น?

ในเวลาเดียวกันนั้น ถ้าหากญานีนมีตาทิพย์ก็คงจะเห็นว่า ผอบที่หล่อนทำหล่นเมื่อครู่นั้นเป็นที่กักขังวิญญาณของนพ เด็กหนุ่มพี่ชายคนสนิทของหล่อนนั่นเอง! เขาถูกเจิมจันทร์ขังไว้ในนี้หลังจากโบยเขาเสียยับพร้อมกับพรายในจี้ของญานีน

เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่เจิมจันทร์รู้จากพรายทองดีว่า ญานีนไม่ค่อยได้สวมจี้ที่นางให้ นางสงสัยเขาในทันที เรียกให้มาพบขณะที่พรายทองดีก็ยังอยู่ด้วย เจิมจันทร์ซักเขาและโบยเขาอย่างหนัก โทษฐานที่ใช้ให้คอยตามติดญานีน แต่ก็ยังปล่อยให้ญานีนออกนอกลู่นอกทาง ไม่มารายงานให้นางรู้ เจิมจันทร์เข้าใจไปแล้วว่าเขาคิดคดทรยศไม่ต่างจากเจ้าพรายทองดี จึงขังเขาไว้ในผอบนั่น

ทันทีที่ผอบตกพื้น และวิญญาณของเขาหลุดออกมาได้เพราะความซุ่มซ่ามของญานีน ความรู้สึกที่ได้เจอหญิงอันเป็นที่รักโดยไม่คาดคิด มันมีมากมายเสียจนบรรยายไม่ถูก เวลานั้นวิรัลยาก็กลับเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน เขาจึงใช้ร่างตนเป็นม่านมนตร์กำบังกายให้ญานีน ระหว่างนั้นก็มองหน้า ญานีนไปด้วย

ภาพแห่งความหลังระหว่างเขากับหล่อน ก็เลื่อนลอยเข้ามาในความคิด...

ญานีนในสมัยนั้น โดดเด่นด้วยความสวยและการมีรถคันใหญ่รับส่งซึ่งไม่เพียงแต่หล่อน ญาตาวีพี่สาวของหล่อนก็ด้วย ตลอดจนวิรัลยาพี่สาวต่างมารดา และดมิสา...ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนก็สวยสะดุดตาเช่นกัน ไหนจะดีเลิศ พี่ชายของสี่สาวนั่นอีกเล่า นั่นก็หล่อเหลาเอาการ เป็นที่ล่ำลือไปทั้งโรงเรียนว่าตระกูลนี้หน้าตาสวยหล่อทั้งบ้าน แต่คนที่โดดเด่นที่สุดเวลานั้นคือญาตาวีเพราะเริ่มทำงานในวงการบันเทิงแล้ว รองลงมาคือดมิสาและวิรัลยา สองสาวสวยด้วยเรียนเก่งด้วย ส่วนญานีนนั้นเงียบและเรียบร้อยที่สุด ถึงกระนั้นก็มีหนุ่มๆ แวะเวียนไปขายขนมจีบเยอะแยะไปหมด อาจจะเยอะกว่าวิรัลยาเสียด้วยซ้ำ แต่หล่อนปิดใจ ไม่รับรักหนุ่มคนไหนสักคน เขาดูออกว่าหล่อนคงมีชายในฝันแล้ว และการเข้าไปจีบแบบตรงๆ ก็จะไม่ได้ผล เขาจึงเข้าไปตีสนิทกับหล่อนในฐานะพี่ชายแสนดี คอยดูแล ติวหนังสือ และไม่เคยล่วงเกินแม้แต่ปลายเล็บ จนหล่อนวางใจเขามากกว่าผู้ชายคนอื่น ความหวังของเขาเรืองรองขึ้น หากแต่ก็ไม่มีโอกาสเป็นจริง เพราะเกิดเรื่องเสียก่อน...เรื่องที่ทำให้เขาจากหล่อนชั่วชีวิต...

“กรี๊ดดดดดดดดด”

ความคิดของนพสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของวิรัลยา เขาหันขวับไปมองก็พบว่า เจ้าพรายกุมารน้อยที่อยู่ในจี้ของญานีน เวลานี้กระโดดขี่คอสาวเจ้าและทำการทึ้งผมอย่างเมามัน

‘นี่แน่ะ นี่แน่ะ เข้ามาในห้องยายทำไม ชอบแกล้งยิหวาเหรอ นี่แน่ะ’

“ว้าย อะไรกันเนี่ย โอ๊ย เจ็บ...ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”

วิรัลยาโวยวายพลางพยายามจับผมของตัวเองไว้

เห็นสภาพหญิงสาวคนนั้นแล้ว นพก็อดหัวเราะไม่ได้ หันไปทาง ญานีนก็เห็นหล่อนมองศัตรูคู่อาฆาตด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่เขาก็รีบตามไปบังตาเอาไว้เช่นเคย

เพียงอึดใจ ประตูห้องของเจิมจันทร์ก็เปิดออกอีกครั้ง

เจิมจันทร์และอัคนีเข้ามา หนูน้อยหายตัววับไปทันที เหลือเพียงวิรัลยาที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงยืนอกสั่นขวัญแขนอยู่คนเดียว

“ยิหวา เป็นอะไรไปจ๊ะ” อัคนีกรากเข้ามาประคองภรรยาด้วยความเป็นห่วง

“มี...มีคนทำร้ายยิหวาค่ะ”

“ใครกันจ๊ะ พี่ไม่เห็นมีใครเลย” อัคนีมองไปรอบๆ ห้อง ขณะที่เจิมจันทร์นั้นถลึงตาใส่นพเป็นเชิงสั่งให้ออกจากตรงนั้น อย่าบังญานีนไว้ นพอ่านเกมนางออก จึงยังไม่ยอมทำตาม ถ้าเขาหายตัวไป ทุกคนจะมองเห็นญานีน และหล่อนจะตกเป็นผู้ร้ายทำร้ายวิรัลยาทันที

‘ออกไป!’ เจิมจันทร์สั่งเขาทางความคิด

‘นี่เป็นกรรมเก่าของยิหวามัน มึงอย่าคิดขวาง ปล่อยให้มันได้เรียน รู้’

นพยังคงดื้อดึง มองหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยความสงสารและอยากปกป้องสุดหัวใจ

‘มึงอยากลองดีกับกูอีกงั้นเรอะ เอาสิ กูจะไม่ให้มึงได้เจอยิหวาตลอดกาล’

ได้ยินคำนั้น เด็กหนุ่มก็ยอมหายตัวไปในที่สุด เท่านั้นเอง ร่างของ ญานีนก็ปรากฏขึ้น และอัคนีก็มองมาเห็นหล่อนเป็นคนแรก

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธเกรี้ยว!

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com