“มันเกินไปแล้วนะแก” วิรัลยาทะลึ่งลุกขึ้น แต่อัคนีกดบ่าหล่อนให้นั่งลงท่าเดิม แล้วเงยหน้าเอ่ยกับหญิงสาวอีกคน
“นี่ใช่ไหม สิ่งที่หนึ่งต้องการ ให้พี่กราบเท้า ขอร้องให้หนึ่งเลิกยุ่งกับพวกเรา”
“ไม่ใช่ค่ะ นี่ไม่อยู่ในความต้องการมาก่อน...แต่พอได้รับแล้ว...ก็รู้สึกดี” ญานีนยักไหล่และยิ้มสะใจ
“ทนไม่ไหวแล้ว ถ้าวันนี้ไม่ได้ตบยายนี่ กินข้าวไม่อร่อยแน่ๆ”
วิรัลยาทะลึ่งลุกขึ้นอีกครั้ง หมายจะตบอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ แต่ก็มีอันต้องหงายหลังก้นจ้ำเบ้าเมื่อเท้าของญานีนถีบเข้าที่กลางลำตัวเสียก่อน!
ผู้ชายสองคนในที่นั้นลุกพรวดด้วยความตกใจ อัคนีที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธตรงเข้าประคองภรรยา ส่วนวิญญูหันมาตวาด ‘มือถีบ’ ลั่น
“แกทำเกินไปแล้ว พอที!”
“ไม่พอค่ะ แค่นี้มันยังน้อยไป”
“ยาย...”
“ช่างเถอะค่ะพ่อ ถ้าหนึ่งเขาสบายใจที่ได้ทำแบบนี้ ยิหวาก็ยอมค่ะ” วิรัลยายังคงปั้นหน้าสวมบทบาทเป็นหล่อนต่อ ญานีนเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“พี่ขอคุยกับหนึ่งหน่อยได้ไหม” อัคนีเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ไม่ได้ค่ะ ขี้เกียจคุย”
อัคนีเข้ามากระชากข้อมือหล่อนให้ออกจากตรงนั้น ญานีนร้องออกมาคำหนึ่ง แล้วพยายามฝืนตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ หล่อนรู้ทันหรอกว่าเขากำลังหาทางให้บิดากับวิรัลยาได้อยู่กันตามลำพัง เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคมพาตัววารุณออกจากห้องนั้น ถึงจะมองไม่เห็นธนาคม แต่หล่อนก็อ่านเกมของวิรัลยาออก!
“ไม่ไปค่ะ ปล่อยนะพี่เดี่ยว เจ็บนะ” ญานีนโอดเมื่อรู้สึกว่าเขาบีบข้อมือหล่อนแรงมาก อัคนีรู้สึกตัว เขาก้มลงมองข้อมือหล่อนก็เห็นเป็นรอยนิ้วเขา ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณแขนยังมีรอยผื่นแดงๆ ด้วย
“หนึ่งเป็นอะไร ทำไมแขนแดงขนาดนี้” พูดจบเขาก็ดึงแขนอีกข้างหล่อนไปดู
“ฝั่งนี้ก็มี นี่หนึ่งแพ้อะไร”
ญานีนดึงแขนของตนออกทั้งสองข้าง และไม่พูดอะไร เขาจะแกล้งถามไปทำไม ในเมื่อเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหล่อนมีผิวที่บอบบางมาก โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะเป็นรอยชัดเจนและใช้เวลานานกว่าคนอื่น ริ้วรอยพวกนั้นถึงจะค่อยๆ หายไป
“นี่เป็นโรคเดียวกับยิหวาเหรอ” อัคนีถามขึ้นอีก ยังคงมองหล่อนอย่างพิจารณา
หล่อนยังไม่ทันตอบอะไร ไอศูรย์ก็มาถึง ในมือเขามีดอกไม้ช่อสวยด้วย เขาออกอาการเขินเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่หญิงสาวที่เขาพึงใจเท่านั้น และสีหน้าแต่ละคนในตอนนั้นก็ดูแปลกๆ ชอบกล
“เอ่อ...ผม...”
“ดอกไม้ของฉันใช่ไหมคะไอซ์ ขอบคุณนะคะ” ญานีนส่งยิ้มหวานให้เขา พร้อมยื่นมือไปรับ
“ดอกไม้ที่ชอบด้วยสิ รู้ใจฉันทุกเรื่องจริงๆ นะคะ”
ไอศูรย์ยิ้ม ก่อนหันไปยกมือไหว้ผู้อาวุโสที่สุดในที่นั้น ตามด้วยการค้อมศีรษะทักทายอัคนีและ ‘ญานีน’
“พวกคุณสองคนคบกันงั้นเหรอ” วิรัลยาในใบหน้าญานีนโพล่งถาม น้ำเสียงหล่อนฟังออกว่าไม่พอใจเอาเสียเลย
นังยิหวา ใช้ร่างหล่อนไปกับผู้ชายคนนี้หรือยัง!!!?
ญานีนยิ้ม ไม่ตอบคำถาม หล่อนควงแขนไอศูรย์แล้วเอ่ยหน้าระรื่น “ไอซ์มาแล้ว ทานข้าวกันดีกว่าไหมคะ หนึ่งหิวแล้วค่ะ”
----------
ช่วงที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร ธนาคมเร้นกายเข้ามาอย่างเงียบเชียบ โดยใช้วิธีกำบังกายเข้ามาพร้อมวิรัลยา และวิรัลยาอีกเช่นกันที่บอกว่ามารดาของหล่อนถูกขังไว้ในห้องไหน
เมื่อมาหยุดยืนหน้าประตู เขาจึงปรากฏร่างขึ้น เขาพึมพำบทสวดอยู่ครู่เดียวก็เป่าพรวดไปที่กุญแจ จากนั้นจึงลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่ากุญแจไม่ยอมหลุดออก
“อีแก่ มึงเก่งนักใช่ไหม” เขาทำเสียงเคียดแค้นเจิมจันทร์ ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า มันคือเลื่อยอาคม แต่ยังไม่ทันจะได้เลื่อย ก็มีเสียงฝีเท้าตรงมาทางที่เขากำลังยืนอยู่ ตามด้วยเสียงพูด
“ครับ คุณอาวิรัช...คลิปใหม่งั้นเหรอครับ แน่ใจนะครับว่าเป็นหนึ่ง ครับ แล้วผมจะดู...”
ธนาคมรีบหลบไปอีกทางหนึ่งทันที หูก็ได้ยินเสียงอัคนีต่อเนื่อง
“ครับผม แล้วผมจะเรียนคุณพ่อให้นะครับ...สวัสดีครับ” ทางด้านอัคนี เขาวางสายด้วยสีหน้าหนักใจล้นพ้น
วิรัช หนึ่งในคณะกรรมการอาวุโสโทร.มาบอกเขาว่า ตอนนี้มีคลิปผู้หญิงหน้าเหมือนวิรัลยาหลุดออกมาอีกแล้ว โดยคราวนี้เต้นโชว์อยู่บนเวทีในผับแห่งหนึ่ง และกรรมการก็อยากให้วิญญูเตือนวิรัลยาบ้าง ตอนนี้สถานีเสียหายมาก
ระหว่างหมุนตัวเพื่อจะกลับเข้าไปในห้องรับประทานอาหารนั่นเอง ชายหนุ่มก็มองไปเห็นห้องหนึ่งซึ่งคล้องกุญแจไว้...
เขาจำได้ว่าวิรัลยาเคยนอนรักษาตัวอยู่ห้องนั้น
“เอ...ทำไมต้องล็อกด้วย” ชายหนุ่มพึมพำด้วยความสงสัย
“เพราะในนั้นมีความลับมากมายนะสิคะ” เสียงเย็นๆ ของญานีนดังขึ้นด้านหลัง
“ความลับงั้นหรือ” อัคนีหันไปย้อนถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่ค่ะ ความลับที่รอการเปิดโปง...คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วใช่ไหมคะ กลับไปทานข้าวต่อดีไหมคะ” ญานีนออกมาตามเขา เพราะหล่อนเดาเอาไว้ว่าธนาคมคงกำลังพยายามเข้าไปในห้อง และเขาก็ออกมาช่วย
“อยู่กับหนึ่งตามลำพังก็ดีแล้ว พี่ถามหน่อย หนึ่งเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ไม่เห็นรู้เลย”
ญานีนมองหน้าเขาด้วยความผิดหวังอีกหน นับแต่วันที่เขาเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของวิญญู เขาทำให้ทุกคนเห็นว่าเป็นคนดี ตรงไปตรงมา ไม่เพียงแต่บิดาที่รักเขามาก หล่อน วิรัลยา รวมถึงวารุณก็รักเขามาก หลายต่อหลายครั้งที่บิดาและวารุณแอบพิสูจน์ความดีของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เรื่องงาน หรือแม้แต่การวางตัวของเขาต่อวิรัลยาในวันที่ความรักเบ่งบาน เขาทำให้ทุกคนเห็นว่าเป็นคนดีโดยเนื้อแท้แถมยังเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ดูเวลานี้สิ นี่หรือเปล่าเนื้อแท้ของเขา
ระหว่างนี้ ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดเข้าข้างเขา ตามประสาคน...เคยรัก เขาอาจไม่มีส่วนรู้เห็นกับแผนการเหล่านี้จริงๆ ก็ได้ แต่เมื่อนึกย้อนไปในวันที่เกิดอุบัติเหตุ ตอนที่เขากลับบ้าน เขาต้องเห็นเสื้อผ้าของวิรัลยาที่ถอดออกเพื่อใส่ชุดของหล่อน เขาต้องเอะใจบ้างสิ และหล่อนก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะจำหล่อนกับวิรัลยาไม่ได้!
“ได้โปรด เลิกเล่นละครเสียทีเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะสะอิดสะเอียน คุณไปมากกว่านี้ ที่นี่ไม่มีคนอื่นแล้ว มีแต่คนกันเองที่รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร”
“เชื่อไหม พี่พยายามตีความหมายคำพูดทำนองนี้ของหนึ่ง ตั้งแต่ได้ยินหนึ่งพูดบนดาดฟ้า แต่พี่ก็ตีไม่ออก ไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะ แต่พี่ไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง”
ญานีนแสยะยิ้ม “งั้นเหรอคะ ไม่ขอเชื่อก็แล้วกัน ไม่อยากโง่อีก กลับไปกินข้าวดีกว่าค่ะ”
“มาอยู่กันที่นี่เองเหรอคะ”
เสียงของวิรัลยาดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะเดินเร็วๆ มาคล้องแขนอัคนีหมับ
“คุยอะไรกันคะ ทำไมไม่ยอมกลับไปกินข้าว”
“ผัวเธอเขาอยากคุยกับฉันน่ะสิ ยิหวา ฉันชวนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับไป เธอมาก็ดีแล้ว เอาตัวเขาไปที ฉันขยะแขยงเขาเต็มทน” ไม่พูดเปล่า หล่อนยังทำหน้าทำตาให้รู้ว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงด้วย
อัคนีหน้าชากับความเกลียดชังรุนแรงที่สัมผัสได้นั่น ขณะที่วิรัลยายิ้มพอใจ จากนั้นจึงดึงแขนชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปทางเดิม ญานีนไม่รอช้า ก้าวตามทันที
ธนาคมที่แอบอยู่นานแล้ว ปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่รอช้า รีบใช้เลื่อยอาคมเลื่อยกุญแจออกทันที และมันก็สำเร็จ!
“นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน อีแก่” เขาเอ่ยเสียงเยาะแล้วรีบเข้าไปยังด้านในทันที
กลางห้องซึ่งอับทึบ หน้าต่างปิดทุกบานและมีผ้าม่านบดบังแสงสว่างจากโลกภายนอก มีเตียงหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางห้อง บนเตียงมีคนนอนอยู่ จากเรือนร่างที่แนบไปกับผ้าห่มทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของสรีระผู้หญิง
“ผมมาช่วยคุณแล้ว คุณวา” เขาพูดกับร่างนั้นด้วยน้ำเสียงเห็นใจ จากนั้นก็จัดการหยิบของสำคัญออกจากย่าม มันเป็นผอบสีดำสนิท ผอบซึ่งจะดึงวิญญาณร้ายที่นั่งทับวารุณอยู่ให้เข้าไปอยู่ข้างในนั้น
ธนาคมเริ่มร่ายมนตร์ของตน ไม่นานก็เกิดประกายสีแดงวาบเข้าวาบออกที่ผอบ เขาลืมตาขึ้น ยื่นผอบไปตรงหน้า รอเวลาที่วิญญาณตนนั้นจะลอยเข้ามา
แต่...ไม่มีปฏิกิริยาอันใดเกิดขึ้น
“เอ๊ะ ผิดพลาดตรงไหน” เขาบ่นอย่างแปลกใจ ลองทำอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม จอมขมังเวทย์หนุ่มเอะใจอะไรบางอย่าง จึงรีบเดินไปเปิดไฟ แล้วรีบกลับไปที่เตียง ชะโงกหน้าไปมอง เพื่อจะพบว่าที่นอนอยู่บนเตียงนั่นคือหุ่นผู้หญิง ไม่ใช่วารุณ!
“อีแก่” เขาคำรามเสียงโกรธเกรี้ยว “มึงบังอาจหลอกกู”
เขาเดินเร็วๆ ไปที่ประตู ผลักมันออก แล้วก็พบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก!
----------
ภายในห้องเก็บของซึ่งอยู่ใต้บันได ติดกับห้องดังกล่าว เวลานี้...ร่างของวารุณถูกซ่อนตัวไว้ในนั้น ในสภาพนอนบนพื้นที่แสนสกปรก
เจิมจันทร์อ่านเกมของธนาคมและวิรัลยาออก จึงย้ายร่างวารุณออกมาจากห้องเดิม แล้วนำหุ่นไปวางแทน
“เอ้อ...อ้า...” วารุณที่ได้ยินเสียงธนาคมและเสียงอัคนี พยายามร้องเรียก พยายามขยับตัวจนสุดความสามารถ แต่ไร้ผล
ถึงกระนั้นเจ้าหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุดความพยายาม แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป...ความหวังของหล่อนหมดสิ้นลงแล้ว...
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **