วันรุ่งขึ้น ในสถานีวายอีเอสเกิดความโกลาหลอีกครั้ง เมื่อมีคลิปลับของหญิงสาวหน้าเหมือนวิรัลยา เปิดเพลงเต้นในห้องแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นๆ จนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามโผล่ออกมา
“คุณหนึ่ง ทำแบบนี้ทำไม”
ไอศูรย์เป็นคนแรกที่พุ่งมาหาหล่อนหลังจากได้เห็นคลิปนั่น
“ก็ทำสนุกๆ น่ะค่ะ ทำไมคะ หุ่นฉันน่าเกลียดมากเลยเหรอ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่นี่เป็นเรื่องภาพลักษณ์ขององค์กร คุณทำแบบนี้จะยิ่งทำให้คนมองสถานีเราไม่ดี มีผลต่อโฆษณา การขอสปอน เซอร์ และก็ความศรัทธาของลูกค้าและผู้ร่วมงานอื่นๆ”
“ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ด้วยคะไอซ์ มันก็เป็นแค่เรื่องขำๆ สนุกๆ แค่นั้น” ญานีนทำหน้าไม่ยี่หระ
“ช่องของเราโฆษณาก็เข้าน้อยอยู่แล้ว เธอยังจะทำให้มันน้อยลงเพราะความเลวของตัวเองอีกเหรอ” เสียงนั้นเป็นของวิรัลยาตัวจริงที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำด้วยความโมโหจัด และมีอัคนีเดินตามหลังมาด้วย
“โอ๊ะโอ ท่านผู้บริหารให้เกียรติลงมาที่ฝ่ายข่าวด้วยตัวเอง”
ญานีนไม่สนวิรัลยา แต่มองเลยไปที่ชายผู้เป็นสามี
“จะมารุมกันเหรอคะเนี่ย”
“พี่ว่าพวกเราไปคุยกันที่ห้องประชุมดีกว่า พี่โทร.บอกคุณพ่อแล้ว และท่านก็ใกล้ถึงแล้ว”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดต้องประชุมหรอกค่ะ และนี่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหนึ่ง หนึ่งไม่ได้เต้นในนามสถานีเสียหน่อย”
“แกนี่มัน...” วิรัลยาเค้นเสียง จากนั้นจึงตรงเข้าไปกระชากข้อมืออีกฝ่าย ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“รับรองว่าจะไม่มีการตบกันค่ะ แต่หนึ่งขอคุยกับยายนี่ตามลำพังนะคะ” เหมือนแค่บอกให้ทุกคนรับรู้เสียมากกว่า เพราะพอพูดจบวิรัลยาก็ลากกึ่งฉุดกระชากญานีนให้เดินออกจากห้องไปด้วยกัน โดยที่ยังมีสายตางงงันของเหล่าพนักงานมองตามไปจนกระทั่งประตูห้องฝ่ายข่าวปิดลง
“โลกตีลังกากลับหรือเปล่าวะ ทำไมคุณหนึ่งเปลี่ยนไป คุณยิหวาก็เปลี่ยน จริงๆ แล้วคนที่ต้องโดนลากไปปรับทัศนคติแต่ก่อนน่าจะคุณยิหวานะ ตอนนี้กลายเป็นคุณหนึ่งซะงั้น” พนักงานคนหนึ่งบ่นออกมา ซึ่งนั่นก็กระทบความคิดของอัคนีเข้าอย่างจัง
‘หลังจากหายป่วย คุณยิหวากับคุณหนึ่งดูแปลกๆ ไปนะคะ พวกเธอดูไม่เป็นตัวเธอเองยังไงบอกไม่ถูก’
นั่นเป็นคำพูดของณัฐยาในวันที่ ‘วิรัลยา’ เรียกภรรยาของเขาไปพบที่ห้อง และเขาเองที่ใกล้ชิด ‘ญานีน’ แทบจะทั้งกลางวันกลางคืนก็รู้สึกไม่ต่างกัน เผลอๆ มากกว่าณัฐยาเสียด้วยซ้ำ รวมทั้งตอนนี้ ‘วิรัลยา’ ก็มีพฤติกรรมที่ร้ายต่างจากเคยอย่างเห็นได้ชัด แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนเป็นคนถือตัว ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมาก ทุกอย่างที่ออกสู่สายตาคนนอกจะต้องงดงามเสมอ แต่ดูหล่อนตอนนี้สิ!
อัคนีวางสายตาไปทางไอศูรย์ ก็เห็นชายหนุ่มผู้นั้นกำลังมองตามสองสาวไปด้วยท่าทีครุ่นคิดเช่นเดียวกับเขา
----------
วิรัลยาลากน้องสาวต่างมารดาขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วผลักแรงๆ ด้วยความโมโห
“หยุดใช้หน้าตาฉันทำเรื่องอุบาทว์ๆ ได้แล้วนังยิหวา”
“แกมีสิทธิ์สั่งฉันด้วยเหรอ คนเลวแถมหน้าด้านอย่างแก โดนแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ นี่แค่น้ำจิ้มนะ ของจริงจะมาถึงในไม่ช้า”
วิรัลยาจ้องอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชังเต็มหัวใจ “แกจะทำอะไร ควรนึกถึงสถานีก่อน”
“ฉันไม่ได้อยากทำงานที่นี่ แกก็รู้ แกต่างหากที่ยุให้พ่อสั่งฉันมาทำเพราะต้องการให้ฉันเป็นตัวตลกของคนที่นี่”
“ใช่ ฉันอยากให้แกรู้ว่าคนอย่างแกก็แค่โชคดีที่เกิดมาเป็นลูกพ่อ นอกนั้นไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขนาดจะหาผัว ยังต้องพึ่งพ่อเล้ย เพราะผู้ชายคนอื่นคงไม่เอาแก”
“แต่พี่เดี่ยวเอาฉัน พี่เดี่ยวที่แกรักมาตั้งแต่เด็กไง” ญานีนย้อนกลับเสียงเยาะ
“เขาเอาแกเพราะต้องการช่วยฉันเอาหุ้นแกมาให้ฉัน แกลืมไปแล้วเรอะ” วิรัลยาหัวเราะเยาะด้วยเสียงที่ดังกว่า
ญานีนชะงักไป จริงสิ หล่อนลืมความจริงข้อนี้ไปได้อย่างไร
เห็นอย่างนั้น วิรัลยาก็เดินเข้ามาใกล้
“ทีนี้แกรู้หรือยังว่า ทำไมแกถึงสมควรตาย หรือไม่ก็นอนเป็นผักอยู่บนเตียงนั่น คนอย่างแกอยู่ไปก็รกโลก...”
“คนเลวเห็นแก่ตัวอย่างแกต่างหากที่รกโลก ตอนนี้ แกคงรู้แล้วใช่ไหมว่าแม่แกเป็นยังไง ถ้าแกอยากให้แม่แกลุกขึ้นมา ก็กลับมาเป็นแกคนเดิมซะ แล้วฉันจะยอมเลิกแล้วต่อกันทุกเรื่อง”
วิรัลยาหัวเราะอย่างเห็นขัน “ฉันลงทุนไปตั้งเยอะ เสียอะไรไปตั้งมากมาย แกคิดเหรอว่าเรื่องแค่นี้จะหยุดฉันได้”
“แต่นั่นแม่แกนะ”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่าว่านั่นแม่ฉัน แม่รักฉันมาก แม่เสียสละได้ทุกอย่างเพื่อฉัน เชื่อสิ ว่าแม่ยินดีจะอยู่แบบนั้น ถ้าทำให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการ”
ญานีนส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “แกมันบ้าไปแล้ว”
“แล้วแกจะรู้ว่าฉันบ้าได้มากกว่านี้อีก...ตอนเป็นแกใหม่ๆ ฉันทำแต่เรื่องดีๆ เพราะหวังจะเป็นแกไปตลอดชีวิต ทั้งที่เกลียดหน้าแกอย่างกับอะไรดี แต่ตอนนี้ ฉันจะใช้หน้าตาแกนี่แหละ ฆ่าแกอีกครั้ง พอแกตาย ฉันค่อยกลับไปเป็นฉันก็ยังไม่สาย”
“แกมันลูกอกตัญญู แกเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ!” ญานีนเอ่ยด้วยสีหน้าสะพรึง หล่อนไม่คิดจริงๆ ว่าวิรัลยาจะเป็นถึงขนาดนี้
“ไม่ใช่แค่แม่นะที่พร้อมจะช่วยฉัน พ่อเองก็เหมือนกัน”
“แกจะทำอะไรพ่อ” ญานีนถามเสียงตระหนก
“ฮ่าๆๆๆ น้ำเสียงแกเหมือนเป็นห่วงพ่อนะ ห่วงคนที่ไม่เคยรักแกเลยงั้นเหรอ”
“บอกฉันมา แกจะทำอะไรพ่อ” ญานีนกรากเข้าไปเขย่าแขนพี่สาวต่างมารดาแรงๆ
“โอ๊ย อย่าทำกับฉันแบบนี้นะ ฉันเจ็บ” วิรัลยาร้องอู้ ตามองไปยังด้านหลัง ญานีนชะงัก เดาได้ไม่ยากว่าต้องมีคนตามขึ้นมาบนดาดฟ้า และคงไม่ใช่ใครอื่น...อัคนีนั่นแหละ!
“ฉันแค่อยากให้เธอนึกถึงสถานีให้มากกว่านี้หน่อยก็เท่านั้นเอง” วิรัลยาเสียงอ่อนลงแทบจะทันที มือก็คลำบริเวณที่โดนญานีนแตะ
“ไหนว่าจะไม่มีการตบกันไง หนึ่ง” อัคนีวิ่งมาประคองภรรยาพร้อมคำถามที่พิพากษา ‘วิรัลยา’ ไปแล้ว
“คุณหนึ่งเป็นยังไงบ้างครับ” ไอศูรย์ก็มาด้วย เขาเดินมาหยุดข้างๆ เจ้านายของตนอย่างพร้อมจะปกป้อง
หากทว่าเจ้านายของเขา ยังสนใจแต่ ‘ญานีน’ มองด้วยสายตาชนิดที่เกลียดเข้าไส้อย่างไม่คิดปิดบัง เป็นอัคนีอีกเช่นเคยที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ย อีกว่า
“หนึ่ง พี่ว่าเราต้องคุยกันจริงๆ จังๆ แล้วนะ หนึ่งเป็นอะไร ทำไมกลับมาคราวนี้ถึงได้ทำตัวแย่แบบนี้”
“คุณหนึ่งโดนสถานการณ์บังคับให้ต้องเป็นแบบนี้”
ไอศูรย์ออกโรงปกป้องเจ้านายสาว
“ผมว่าเราแยกย้ายกันเถอะครับ ไปคุณหนึ่ง...”
“ในฐานะผู้บริหาร ผมขอสั่งให้คุณวิรัลยาไปพบผมที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้ ตอนนี้!” อัคนีหมดความอดทน ออกคำสั่งโดยใช้ตำแหน่งเข้าข่ม สวนกลับไอศูรย์ และนั่นทำให้ญานีนมองชายผู้เป็นสามีตาเขม็ง
อัคนีไม่สนใจคนทั้งคู่อีก ประคองภรรยาลงจากดาดฟ้าไปก่อน
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคุณหนึ่ง” เหลือก็แต่ไอศูรย์ที่ยังเป็นห่วงเจ้านายของตน หันมาเอ่ยถามพลางมองสำรวจไปทั่วตัว
ญานีนแค่ส่ายหน้ายืนยันว่าหล่อนไม่เป็นไร ก่อนผละจากไอศูรย์เดินตามอัคนีและวิรัลยาไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ไอศูรย์เลยถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ แต่ก็ก้าวตามหล่อนไปอีกคน
เมื่อลงมาถึงข้างล่าง วิรัลยาก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลมในอ้อมกอดของสามี
“ยิหวา! เป็นอะไรไป”
“หน้ามืดค่ะ สงสัยโดนแดดนานไปหน่อย แล้วก็กลัว...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อมองไปทางญานีน “เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไปหาหมอไหม”
“ไปค่ะ ยิหวาก็อยากตรวจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ท้องหรือเปล่า...ถ้าท้องก็ดีนะคะ ถือเป็นข่าวดีรับวันครบรอบแต่งงานของเราพอดี”
ได้ยินอย่างนั้น ญานีนก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกได้ จริงด้วย... อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันครบรอบแต่งงานของหล่อนกับอัคนี!
ญานีนอดไม่ได้เหลือบมองชายผู้เป็นสามี ก็เห็นเขายิ้มน้อยๆ
“ขอให้เป็นจริงเถอะ พี่จะถือว่าเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิต พี่เลย...ไป ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปตรวจ อ้อ หนึ่งรอพี่ก่อนนะ พี่กลับจากโรง’บาลแล้วจะมาคุยด้วย”
“หลังจากนี้ไม่มีเวลาแล้วค่ะ เพราะต้องคุยกับพิธีกรข่าวบันเทิง เชิญพากันไปตรวจให้ตามสบายเถอะค่ะ อย่าลืมให้เมียพี่คุยกับหมอโรคจิตด้วยนะคะ”
พูดจบหล่อนก็เชิดหน้าขึ้นอย่างที่วิรัลยาตัวจริงชอบทำ เป็นฝ่ายเดินแยกไปก่อน โดยมีไอศูรย์ก้าวตามติด
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **