ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : มาลีเริงไฟ : ตอนที่ 25

 

 

ตอนที่ 25

 

 

อัคนี!

เขาเดินเข้ามาหาพร้อมด้วยเสื้อสูทที่ยื่นมาให้ หญิงสาวถอยหลังกรูด ยกมือป้องส่วนหน้าอก มองเขาด้วยความเกลียดชังเต็มหัวใจ

“อย่าเข้ามานะ!”

ชายหนุ่มหยุดเดินทันควัน “แต่ถ้าจะลงไปข้างล่าง หนึ่งต้องมีเสื้อคลุมนะ”

ญานีนลังเล เกลียดเขา ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากรับน้ำใจจากเขา แต่หล่อนก็จะลงไปในสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ

“โยนมันมานี่” หล่อนสั่ง ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจและไม่เข้าใจ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้ชายคนนั้นทำอะไรหนึ่ง”

ญานีนไม่ตอบ หล่อนจัดการสวมเสื้อสูทของเขาทับชุดราตรีที่ขาดวิ่นของตัวเอง วินาทีที่ผิวผ้าของเขาสัมผัสผิวหล่อน ความอบอุ่นก็ไหลบ่า หล่อนนึกเกลียดตัวเองที่หักห้ามความอ่อนไหวนี้ไม่ทัน

“ขอบคุณมาก” หล่อนเอ่ยเสียงห้วน แล้วก็ทำท่าจะผละจากไป

“หนึ่ง ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ” อัคนีก้าวตาม

“ได้ยิน”

“แต่ไม่ตอบ” เขาก้าวมาดักหน้าและญานีนก็ถอยหลังกรูดอีกครั้ง “หนึ่ง...”

“ที่นี่ไม่มีคนอื่นอยู่สักหน่อย เลิกเรียกฉันด้วยชื่อนี้เสียที” ญานีนเค้นเสียงด้วยความอัดอั้น หล่อนทนดูเขาเล่นละครต่อไปไม่ไหวแล้ว

หล่อนเห็นเขาแกล้งขมวดคิ้วเข้าหากัน “พี่ไม่เข้าใจที่หนึ่งพูด”

ญานีนสะอิดสะเอียนเขาเต็มทนและหล่อนก็เหนื่อยเต็มที “โอเค ถ้าจะเล่นละครต่อก็ได้ แต่ฉันขอตัวก่อน ก่อนจะเกลียดคุณมากไปกว่านี้”

“ความจริงพี่ต่างหากที่ต้องโกรธและเกลียดหนึ่งที่ทำร้ายยิหวา หนึ่งไล่ฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยม แต่พี่กับยิหวาก็ไม่ถือโทษโกรธ เราให้อภัยเพราะเห็นว่าหนึ่งได้รับผลกรรมจนต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว” เสียงของเขาไล่หลังมา

“ตอแหลหน้าด้านๆ” ญานีนกรีดเสียงอย่างอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป “แล้วนี่ฉันต้องขอบคุณพวกคุณหรือเปล่าที่มีน้ำใจกับฉัน”

“ก็ควรจะขอบคุณนะ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องพยายามฆ่า แม้แต่ ‘เรื่องนั้น’ พี่กับยิหวาก็ไม่ถือโทษโกรธเรา”

เรื่องนั้น? คือเรื่องไหน? ญานีนพยายามนึก

“ได้รับผลจากการกระทำขนาดนี้แล้ว ยังไม่หยุดแค้นหยุดเกลียดกันอีกเหรอ” อัคนีเอ่ยขึ้นอีก

คราวนี้ญานีนแสยะยิ้ม “อ้อ ที่แท้ก็ตามมาเพื่อจะให้ฉันหยุดเกลียดหยุดแค้นนี่เอง คงเพราะเห็นว่าคนของตัวทำงานไม่สำเร็จสินะ...ทุเรศสิ้นดี”

“หนึ่งทำให้พี่งงอีกแล้ว พี่ตามขึ้นมาบนนี้ก็เพราะพี่เห็นเศษผ้าของหนึ่งตกลงไปข้างล่าง เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเหมือนมีคนอยู่บนนี้เลยขึ้นมาดูเพราะเกรงว่าจะมีอันตราย”

“เห็นเศษผ้า?” หญิงสาวทวนคำเยาะๆ รู้อยู่หรอกว่าเศษผ้าที่ธนาคมพยายามฉีกทึ้งนั้นอาจร่วงหล่นลงไปได้ แต่มันเหลือเชื่อตรงที่เขาเป็นคนเห็นนี่แหละ นิทานหลอกเด็กชัดๆ!

“เล่าไปหนึ่งก็คงคิดอีกว่าพี่กำลังเล่านิทานหลอกเด็กให้หนึ่งฟัง”

เขาพูดอย่างกับอ่านใจหล่อนได้!

“เศษผ้ามันตกลงหน้ารถพี่ แล้วก็ปลิวไปทางอื่น แต่จู่ๆ รถของพี่ก็ดับ พี่ลงไปเช็ก ก็เห็นเศษผ้าติดอยู่ พิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเป็นผ้าและสีเดียวกับชุดของหนึ่ง”

“พอเถอะ! แค่นี้ก็สะอิดสะเอียนจะแย่แล้ว เอาละ ฉันให้โอกาสคุณ ถ้าจะฆ่าฉันก็ฆ่าซะ ถ้าคุณไม่ลงมือ ฉันสัญญาว่าจะเป็นคนฆ่าคุณด้วยมือของฉันเอง”

“หนึ่ง! มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกเหรอ!” น้ำเสียงของเขาฟังว่าเหลืออดเต็มที

ญานีนสะบัดหน้าและเดินมากดลิฟต์ทันที และหล่อนก็ดีใจที่เห็นว่าตอนนี้ลิฟต์กำลังเคลื่อนที่ขึ้นมาใกล้ชั้นที่หล่อนอยู่พอดี อัคนีเดินตามมาเพื่อรอลิฟต์ด้วยกัน ห่างกันไม่กี่ก้าว

“พี่อยาก...”

“หุบปากของคุณได้แล้ว!” ญานีนหันมาตวาด

“หนึ่ง!” อัคนีดุกลับ “พี่เป็นพี่เรานะ ทำไม...”

เขายังพูดไม่ทันจบ ลิฟต์ก็เปิดออกเสียก่อน ญานีนตาไวเห็นว่ามีคนอยู่ในนั้นด้วย

วิรัลยานั่นเอง!

เห็นเท่านั้น ร่างของหล่อนก็เซไปพิงร่างสูงใหญ่ของสามีทันที ถึงจะเกลียดรังเกียจร่างนี้สักเพียงไหน แต่เพื่อทำให้วิรัลยาโกรธได้ หล่อนก็จะฝืนเอาไว้จนสุดความสามารถ

“หนึ่ง!” อัคนีอุทานด้วยความตกใจ ญานีนมองไปทางวิรัลยาก็เห็นทำตาลุกวาว กำมือแน่น แต่คงด้วยความเป็น ‘ญานีน’ เจ้าตัวจึงทำได้เพียงทำหน้าตกใจ

“พี่เดี่ยว หนึ่งเป็นอะไรคะ ตายแล้ว ทำไมสภาพหนึ่งเป็นแบบนี้คะ เกิดอะไรขึ้น”

“พี่ถามยังไม่ได้ความเหมือนกัน...ยิหวาช่วยกดลิฟต์ค้างไว้หน่อยจ้ะ”

“ได้ค่ะ” วิรัลยารับคำแล้วทำตามคำนั้นทันที อัคนีจึงประคองร่างหล่อนให้เข้าไป โดยเขายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองสาว

เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง อัคนีเอ่ยถาม ‘ภรรยา’

“ไหนว่าไม่ขึ้นมาไงจ๊ะ”

“ยิหวาเป็นห่วงพี่เดี่ยว เอ่อ แล้วก็ห่วงหนึ่งด้วย ตกลงเกิดอะไรขึ้นจ๊ะหนึ่ง ทำไมเธอถึงขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ เธอมากับผู้ชายคนนั้นเหรอ”

“ใช่ คนในงานคงเมาท์กันสนุกไปเลยสิท่า” หล่อนทำเสียงอ่อนระโหย

“หนึ่งไม่ใช่คนแคร์คำคนนี่นา” ผู้ชายที่ประคองหล่อนอยู่เอ่ยอย่างคนที่รู้จักหล่อนดี

“ขอบคุณที่จำได้ว่าหนึ่งเป็นคนยังไงนะคะพี่เดี่ยว” มาถึงตรงนี้หล่อนแสร้งทำเสียงหวาน

“แล้วทำไมยอมมากับเขาง่ายๆ ล่ะ เธอนี่...”

“ฉันเป็นพวกใจง่ายมั้ง” ญานีนเอ่ยยิ้มๆ อย่างมีเลศนัย แล้วก็เงียบไปเมื่อลิฟต์จอดสักชั้น มีผู้โดยสารคนอื่นเข้ามาด้วย

เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นล่าง วิรัลยาก็ขมีขมันเข้ามาช่วยอัคนีประคองหล่อน

“พี่เดี่ยวโทร.หาคุณพ่อสิคะ ว่ากลับไปหรือยัง ถ้ายัง จะได้เรียกรถให้มารับหนึ่ง เดี๋ยวยิหวาช่วยดูแลหนึ่งให้ก่อนค่ะ” เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงหวานกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็ทำตามคำนั้นทันที

“แกนี่มันดวงแข็งจริงๆ นะ จะตายตั้งหลายรอบแล้วก็ไม่ตาย”

วิรัลยากระซิบเสียงขุ่น

“ฉันจะตายได้ยังไง ยังไม่ได้ฆ่าแกเลย!” ญานีนกระซิบกลับด้วยเสียงเดียวกัน จากนั้นจึงสะบัดตัวออกให้พ้นการแตะต้องของศัตรูหมายเลขหนึ่ง แล้วเดินออกไปยังด้านนอกเพื่อรอรถ

----------

คืนนั้น ในโลกโซเชียลมีเดีย มีข่าวหนึ่งแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว คือเรื่องที่ลูกสาวเจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่องดิจิทัลรายหนึ่งโลดโผนถึงขั้นพาผู้ชายขึ้นไปเสพสุขกันบนดาดฟ้าของโรงแรม แล้วก็เกือบตกกำแพงตาย!

โชคดีเป็นของญานีนที่มีคนถ่ายคลิปตอนหล่อนเต้นอยู่กลางวงเอาไว้และปล่อยไปก่อนหน้าแล้ว หล่อนจึงแค่เข้าไปโพสต์ข้อความเรื่องบนดาดฟ้าใต้คลิปนั้นนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ทุกคนที่ชมคลิปก็พร้อมใจกันเชื่อและแสดงความเห็นกันอย่างเมามัน

วิรัลยาได้เห็นคลิปและข้อความเหล่านั้นเช่นกัน หล่อนพยายามข่มใจอย่างยิ่งไม่ให้กรี๊ดออกมา ที่ทำได้ก็แค่บ่นกับอัคนี

“ยายหนึ่งนี่มันบ้าจริงๆ ทำเรื่องน่าอายขนาดนี้ได้ยังไง”

“เรื่องไม่จริงสักหน่อย เดี๋ยวก็ซาไปเองนั่นแหละ ไอ้คนที่โพสต์เรื่องดาดฟ้านั่นก็มโนเอาเองทั้งนั้น” อัคนีซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

“พี่เดี่ยวดูจะเชื่อใจยายนั่น เอ่อ เชื่อใจหนึ่งมากนะคะ” เสียงหล่อนกระด้างขึ้นมานิดหนึ่ง

“หนึ่งเขาไม่ใช่คนปล่อยตัวนี่จ๊ะ พี่อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก พี่รู้จักเขาดี และเชื่อมั่นว่าที่เขาขึ้นไปบนดาดฟ้าก็ไม่ใช่เพื่อทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นด้วย”

ได้ยินอย่างนั้น วิรัลยาก็เผลอยิ้ม มองเขาด้วยความรักสุดหัวใจผสมไปกับความเสียดายสุดซึ้ง ที่วันนี้ เขาไม่ได้รักหล่อนเสียแล้ว อันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หล่อนต้องพยายามจะเป็นญานีน

‘ยายนั่นมันมีอะไรดีคะ พี่เดี่ยวถึงได้รักได้แคร์มันมากขนาดนี้ ไหนพี่เคยบอกว่าไม่ชอบคนแบบมันไง แล้วทำไมวันนี้ถึงพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักมัน แล้วหนึ่งล่ะคะ พี่เอาหนึ่งไปไว้ที่ไหน’ หล่อนระเบิดเสียงใส่เขาในวันเดียวกันกับที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นช่วงเวลาก่อนที่หล่อนจะไปหาญานีนที่บ้าน

‘คำถามนี้หนึ่งรู้คำตอบอยู่แล้ว อย่าให้พี่ต้องพูดเลย’ เขาตอบกลับมาด้วยเสียงขรึมๆ

‘เพราะ ‘เรื่องนั้น’ แค่นั้นนะเหรอคะ พี่ถึงหมดรักหนึ่ง สิบกว่าปีที่เรารักกันมา มันหมดลงง่ายๆ แบบนี้เหรอคะ ไม่จริงหรอก พี่อย่ามาอ้าง ‘เรื่องนั้น’ หน่อยเลย พี่รักมันเพราะมันโง่ หลอกง่ายใช่ไหมล่ะ’ แล้วหล่อนก็เดินเร็วๆ ออกมา ขับรถด้วยความเร็วสูงไปที่บ้านของเขา เพื่อไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปให้พ้นทางชีวิตหล่อน แต่มันก็ดื้อด้านนัก หล่อนจึงขับรถไล่บี้มันด้วยหวังจะขู่ให้มันกลัว มันเป็นคนขี้กลัว อ่อนแอ เมื่อมันกลัว มันก็จะหาทางหย่ากับอัคนีจนได้

แต่ระหว่างบี้รถเพื่อขู่มัน ใจด้านมืดกลับสั่งให้หล่อนทำมากกว่านั้น

ฆ่ามันเลยไม่ดีกว่าเหรอ!

เมื่อใจด้านมืดชนะ หล่อนก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะขวางรถมันให้จอดลากตัวมันลงมาเพื่อจัดการ แต่เหตุการณ์ก็ผิดพลาด หล่อนรู้สึกเหมือนมีพลังงานมหาศาลผลักรถหล่อนเข้าหารถมัน

ช่วงเวลาที่หล่อนซึ่งใบหน้าแหลกยับนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น หล่อนก็เห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

‘ช่วย...ช่วยฉันด้วย...’ หล่อนร้องขอ

‘ผมช่วยคุณได้นะ ช่วยได้ทุกอย่าง’ ร่างสูงใหญ่นั้นยืนอยู่เหนือร่างหล่อน หล่อนเห็นหน้าเขาไม่ชัด รู้แต่ว่าไม่ใช่คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ‘คุณจะไม่ผิด คุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ’

หล่อนเอะใจ ทำไมเขาพูดแปลกๆ

‘ฉันไม่เข้าใจ’

เขาทรุดกายลงนั่งข้างๆ แล้วเอ่ย ‘คุณพยายามฆ่าผู้หญิงอีกคน ข้อหาพยายามฆ่าก็ร้ายแรงไม่ใช่น้อย’

‘แล้วคุณจะช่วยฉันได้ยังไง’

‘ให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนผิดแทนคุณ’

‘คุณทำได้งั้นเหรอ ทำได้ยังไง’

‘ผมมีวิธีของผม ตกลงให้ผมช่วยใช่ไหม’

‘คุณคงไม่ช่วยฟรีๆ’

‘แล้วผมจะบอกว่าผมต้องการอะไร’

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อัคนีชี้ผิดว่าคนไหนคือภรรยาเขา คนไหนคือหล่อน ซึ่งหล่อนเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเป็นฝีมือของชายลึกลับคนนั้น เขาชื่อธนาคม เป็นคนรู้จักของมารดา

‘เขาบอกแม่ว่าเห็นภาพลูกเกิดอุบัติเหตุก่อนหน้าจะเกิดจริงประมาณครึ่งชั่วโมง และเขาก็อาสาตามไปช่วยลูก’ มารดากระซิบอยู่ข้างเตียงช่วงที่หล่อนรู้สึกตัวแล้ว และป้ายชื่อตรงเตียงก็คือชื่อ ญานีน

‘พี่เดี่ยวรักมัน หนูอยากให้มันตาย พี่เดี่ยวจะได้กลับมารักหนูเหมือนเดิม แม่บอกให้เขาฆ่ามันให้หนูหน่อย’

‘เขาบอกว่ายิหวาดวงยังไม่ถึงฆาต ฆ่าไม่ได้ แต่ลูกไม่ต้องห่วง เขามีวิธีที่ดีกว่านั้น...ถ้าหนูอยากให้ตาเดี่ยวรัก ตอนนี้มีวิธีเดียวเท่านั้นคือหนูต้องเป็นยิหวา’

‘ให้หนูเป็นมันเนี่ยนะแม่’

‘นอกจากจะได้ใกล้ชิดตาเดี่ยวแล้ว หนูจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำที่น่าสงสาร...ส่วนมัน...จะกลายเป็นลูกสาวแม่ที่เป็นเจ้าหญิงนิทรา!’

แผนการของมารดาล้ำเลิศและหล่อนก็เห็นด้วยแม้จะยังขัดใจเรื่องการเป็นญานีนก็ตาม จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน หล่อนได้ครอบครองอัคนีคนเดียว มีชีวิตที่มีความสุข แต่จู่ๆ นังนั่นก็กลับมาพร้อมใบหน้าที่เป็นหล่อน

“นอนเถอะจ้ะ ยิหวา” เสียงอ่อนโยนของอัคนีดังขึ้น

“ดีเหมือนกันค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...แต่ยิหวาขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ” หล่อนว่าพลางลุกขึ้น โดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ หล่อนก็รีบโทร.ออกทันที “ทำไมพลาด ไหนบอกว่ามันจะตายแน่ๆ ไงล่ะ ตกลงคุณเก่งจริงหรือแค่ราคาคุย นี่ถ้ามันแจ้งความจับคุณ เราไม่แย่กันหมดเรอะ!”

“ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ ผมรับรองว่าจัดการเธอได้แน่”

“อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน แค่นี้นะ” จากนั้นหล่อนจึงเดินกลับมาที่ห้อง เอนกายเคียงข้างอัคนีและกอดเขาอย่างแสนรัก อัคนีไม่ได้กอดตอบ เขาแค่ก้มลงจุมพิตหน้าผากกลมมนนั้นครั้งหนึ่งก็หลับตาลง และนั่นก็ทำให้วิรัลยาต้องเม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ

เขาเป็นอะไรไป? สักพักมาแล้วที่ทั้งๆ ที่นอนด้วยกันทุกคืน แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าเขาอยู่ไกลออกไป...

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com