ทางฟากมาวิน เพื่อไม่ให้วิชุดางอนจนบานปลายใหญ่โต เขาเลยต้องยอมตามใจวิชุดาอีกตามเคย โดยการโทรศัพท์ไปบอกให้การเตแกร่วอยู่มหาวิทยาลัยหรือไม่ก็ไปเที่ยวที่ไหนก่อนสักพัก ค่ำๆ ค่อยกลับคอนโดฯ เพราะวิชุดายืนยันเสียงแข็งว่าจะดินเนอร์ที่ห้องของมาวินเท่านั้น และจะสั่งบริการดิลิเวอรีจากโรงแรมของพ่อเฟื่องฟ้ามาเสิร์ฟกันแบบส่วนตัว
“ดาแน่ใจนะครับ คอนโดฯ ผมอาจจะรกไปหน่อย ไม่น่าเหมาะกับอาหารจากโรงแรมขนาดนั้น”
“พูดยังกับดาไม่เคยไปคอนโดฯ วินอย่างนั้นแหละค่ะ รกสุดก็แค่หมอนอิงวางผิดที่บนโซฟา”
คงต้องโทษการเตแล้วงานนี้ โทษฐานที่หมอนี่จัดห้องเป็นระเบียบสะอาดสะอ้านเกินไปจนเขาไม่เหลือข้ออ้างไว้ใช้เลย จริงๆ พื้นที่ส่วนตัวของชายหนุ่ม เขาไม่ค่อยอยากให้ผู้หญิงมายุ่มย่ามเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟนก็เถอะ นี่เขาก็อนุญาตให้วิชุดามาได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น และครั้งนี้หล่อนก็ใช้โควตาไปอีกครั้ง
ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหล่อนขัดอกขัดใจจะทะเลาะกันให้ได้ขนาดนี้ เขาคงไม่ตามใจ
“เมื่อกี้เห็นวินจะกินบุฟเฟต์อะไรนั่นกับแม่มาริสาใช่ไหมคะ”
“อ๋อ ใช่ครับ” มาวินตอบพลางหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวตรงมุมถนน
“ดาว่าไม่โอเคเลยค่ะ ไร้รสนิยมมากๆ บุฟเฟต์ตามห้างฯ แบบนั้นไม่ต่างกับอาหารส่วนรวมให้คนมาคุ้ยกินตามใจชอบ ตักกินกันไม่อั้น เป็นดาไม่กินเด็ดขาดค่ะ ไม่รู้คุณคล้อยตามแม่นั่นไปได้ยังไง”
“ผมยังไงก็ได้น่ะครับ” มาวินตอบไปเรียบๆ ไม่อยากเสริมว่าห้างฯ ที่ว่านั่นก็ห้างฯ ของพ่อวิชุดาไม่ใช่เหรอ ขืนเขาพูดออกไปอย่างนั้นมีหวังได้ทะเลาะกันอีก อย่างไรหล่อนกับเขาก็ยังต้องร่วมงานกัน ประสานงานกันไปอีกนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันไว้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นจะพานไปกระทบเรื่องงานเอาได้
สำหรับคนอื่น มาวินคิดว่าคงแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แต่กับวิชุดาที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ หล่อนไม่น่าแยกแยะได้
เรื่องกินมาวินไม่ใช่คนเรื่องมาก อาจจะมีเลือกร้านบ้างถ้าเห็นว่าไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไร แต่พวกบุฟเฟต์ตามห้างฯ หรือร้านอาหารราคาถูกก็ใช่ว่าเขาจะกินไม่ได้เลย ไม่เหมือนวิชุดาที่ติดหรูไปเสียหมด ขนาดจะกินข้าวที่บ้านทั้งที ยังต้องสั่งดิลิเวอรีจากโรงแรม น่าอึดอัดจะตาย
จะว่าไป เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวิชุดาไม่โผล่มาเสียก่อน ตอนนี้เขาคงกำลังสนุกกับการเลือกตักอาหารกับมาริสา พูดคุยวิจารณ์จานนั้นจานนี้อย่างออกรส หรือมิกซ์แอนด์แมตช์เมนูสลัดและปลาดิบเอง คงสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะหลังจากที่คร่ำเคร่งกับการทำงานมาตลอดทั้งวัน ทำไมไม่ใช่มาริสานะที่รับประทานอาหารเย็นกับเขาในค่ำคืนนี้
ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าจอดในชั้นที่จอดประจำ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวด้วย ส่วนสัมภาระที่ซื้อมาเอาไว้ที่รถก่อนเพราะมีแขกมาด้วย แต่พอมาถึงห้อง เสียบคีย์การ์ดเข้าห้องไปเท่านั้น สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นอาหารหอมฉุยยั่วน้ำลาย
อย่าบอกว่าวิชุดาโทร.สั่งดิลิเวอรีแล้ว ตอนไหน เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่เห็น แล้วพวกนั้นเข้ามาเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วในห้องเขาได้อย่างไร
“อ้าว สวัสดีครับ พี่ดา มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนสิครับ”
การเตเดินออกมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อน วิชุดานิ่งอึ้งไป
“พี่วินโทร.มาบอกว่าพี่ดาจะมาดินเนอร์ที่ห้อง ผมเลยอยากโชว์ฝีมือหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ”
มาวินมองแขกของเขาที่ตอนนี้พูดอะไรไม่ออก เขาจึงหันไปพูดกับการเต “อ้าว ตอนโทร.ไปบอก พี่บอกให้เราค่อยกลับมาค่ำๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ พี่ก็ได้ยินวินพูดอย่างนั้น” วิชุดารีบเสริม ท่าทางพร้อมจะเหวี่ยงอีกรอบ
“ก็รู้” การเตยักไหล่ ยิ้มกว้าง “แต่มีแขกมาเยี่ยมถึงเรือนชานทั้งที ผมเป็นเจ้าบ้านที่ดีก็ต้องคอยอยู่ต้อนรับสิครับ พี่วินดูแลพี่ดาไปนะ หาอะไรเย็นๆ ให้ดื่มไปก่อน อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง อาหารเสร็จเรียบร้อยแน่นอน”
การเตหันหลังกลับไปยังห้องครัว ส่วนวิชุดาทำท่าฮึดฮัดขัดใจ โยนกระเป๋าไปที่โซฟารับแขก แล้วกระแทกก้นนั่งจมลงไป
“ในตู้เย็นมีน้ำผลไม้ น้ำแร่อัดลม ดาเอาอะไรดีครับ” มาวินเอ่ยขึ้น
“ดาวางแผนไว้ว่าจะสั่งอาหารจากโรงแรมแล้วนะคะวิน” หญิงสาวกระเง้ากระงอด ไม่ตอบคำถามชายหนุ่ม
“โธ่...ดาครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเตเขาจะทำอาหารเลี้ยงพวกเรา”
“ไม่รู้ละค่ะ ไปบอกน้องเตเลย ว่าทำแล้วเก็บเอาไว้กินมื้ออื่น ดาเปลี่ยนใจ จะไปกินที่โรงแรมแล้ว”
“อย่าทำอย่างนั้นสิดา” จริงๆ มาวินอยากจะพูดว่า อย่าเอาแต่ใจตัวเองอย่างนั้นสิดา แต่เขาเลือกจะไม่พูดแบบนั้น “ทำอย่างนั้นนายเตคงเสียน้ำใจแย่”
“จะเกรงอกเกรงใจอะไรกันนักหนาคะ เป็นรูมเมต คนกันเอง”
“ยิ่งเป็นรูมเมตยิ่งต้องเกรงใจครับ เราต้องแชร์ห้องกันอยู่”
“ทำไมวินไม่ไปหาคอนโดฯ อยู่คนเดียวสบายๆ ก็ไม่รู้”
แน่ใจเหรอว่าอยู่คนเดียวแล้วจะสบาย วิชุดาไม่รู้อะไรเสียแล้ว หึๆ มาวินได้แต่คิดในใจ ก่อนจะพูดต่อ
“เอาเถอะครับ นี่เตเขาคงทำอาหารใกล้เสร็จแล้ว รับรองอร่อยจริงๆ ดาต้องลอง นายเตน่ะฝีมือไม่แพ้เชฟมืออาชีพเลยนา...”
วิชุดากลอกตามองบน แสดงออกว่าไม่อยากจะเชื่ออย่างชัดเจน
“ลองหน่อยน่ะดา นะครับ เชื่อผม” มาวินพูดเสียงหวาน แล้วคลี่ยิ้มที่คิดว่าสามารถสะกดใจเพศตรงข้ามได้ ซึ่งได้ผล วิชุดาอ่อนลง “ตกลงดาจะดื่มอะไรรอก่อนดีครับ”
“อะไรก็ได้ค่ะ” หล่อนตอบห้วนๆ แม้จะอ่อนลง แต่ก็ยังไว้เชิง
“งั้นเดี๋ยวผมมานะ”
ชายหนุ่มเดินไปสมทบกับการเตในครัว แล้วก็ตระหนักได้ว่า กลิ่นหอมหวนทั่วทั้งคอนโดฯ ยังไม่กระตุ้นความอยากอาหารเท่ากับภาพอาหารตรงหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างปรุงและส่วนหนึ่งที่ปรุงเสร็จแล้ว ผักสลัดจัดเรียงสวยงามอยู่ในโถ น้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ดแยกเอาไว้อยู่อีกถ้วย มันฝรั่งอบเนยกำลังร้อนๆ อยู่ในจานข้างๆ เส้นพาสต้าที่ลวกแล้ว ซอสเดือดปุดๆ อยู่ในหม้อ เนื้อฉ่ำน้ำชิ้นโตอยู่ในเตาอบ พร้อมขึ้นเขียงหั่น มะเขือเทศเผาอยู่บนเตาย่าง ขนาดมาวินที่มักเฉยๆ กับอาหารฝรั่งยังถึงกับน้ำลายสอ การเตทำทั้งหมดนี่เลยเหรอ
“เซอร์ไพรส์ไหมพี่” คนที่กำลังคนซอสเดือดถามอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมทำเร็วจัง พี่เพิ่งโทร.หาเราเมื่อชั่วโมงที่แล้วเอง”
“วันนี้คาบบ่ายงด เลยอยู่ห้องอยู่แล้ว”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกก่อนล่ะ”
“บอกให้พี่ดาพาพี่ไปดินเนอร์ที่อื่นเหรอ”
“อ้อ กะจะอยู่เป็นกอขอคอว่างั้นสิเรา” มาวินโยกศีรษะการเตอย่างมันเขี้ยว
“นี่ ผมคนซอสอยู่นะพี่” การเตหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ “เดี๋ยวผมก็ร่วงลงไปในซอสหรอก”
“ยังไม่ได้ตอบคำถามพี่เลยนะ”
“คนเขาอุตส่าห์ช่วยยังไม่สำนึกบุญคุณอีก” พูดจบการเตก็หรี่ไฟที่เตาลง
“ช่วยยังไงไม่ทราบ”
“ก็พี่กำลังจะถูกผู้หญิงเขารวบหัวรวบหาง ยังไม่รู้ตัว”
เด็กนี่มันแก่แดดแก่ลมใช้ได้จริงๆ มาวินส่ายหน้า การเตเหมือนจะอ่านความคิดรูมเมตของเขาออก หนุ่มน้อยหันมาพูดยิ้มๆ
“แต่ไหนแต่ไรผมก็เห็นพี่นอนห้องทุกคืน เคยไปค้างอ้างแรมกับเขาที่ไหนล่ะ ลูกสาวท่านประธาน พ่อเขาหวงจะตาย จะให้ไปเปิดโรงแรมกันรึ ระดับคุณวิชุดาเธอไม่ทำหรอกครับ เหอะๆ”
“พอเลย คิดมากไปแล้วเราน่ะ” มาวินดุ แต่ด้วยบุคลิกของชายหนุ่ม ดุก็เหมือนไม่ได้ดุ เพราะน้ำเสียงท่าทางห่างไกลจากคำว่าโหดมาก
“ก็ดีกว่าคิดน้อยนะครับ” การเตย้อน
“ก็พี่บอกแล้วไง ดาเป็นแค่เพื่อนพี่”
“แต่ท่าทางพี่ดูหงอจัง เวลาอยู่กับเขาน่ะ พี่ไม่รู้ตัวหรือไง ว่าอยู่กับผู้หญิง พี่หวานแค่ไหน”
มาวินเกือบสะอึก ไอ้เด็กนี่มันชักจะรู้มากไปแล้ว ที่เขาแสดงท่าทีเกรงใจวิชุดา เพราะหล่อนตำแหน่งฐานะสูงกว่า และเขาก็ให้เกียรติที่หล่อนเป็นผู้หญิง หวานอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย
“หว่านเสน่ห์ใส่ใครไม่รู้ตัว ระวังจะได้เสียผีกับเขานะ ฮ่าๆ”
“ทำเป็นรู้ดีเกินเด็กนะเราน่ะ” ชายหนุ่มว่า
“แต่พี่ไม่ได้เป็นแฟนกับเขาก็ดี เขาไม่เหมือนพี่สักนิด ลูกคุณหนูแบรนด์เนมทั้งตัวอย่างนั้น จากที่เห็นและที่พี่เล่าให้ฟัง เขาดูไม่ชอบอะไรเหมือนพี่เลย ไลฟ์สไตล์ก็ต่างกัน รสนิยมต่างกัน นิสัยอีก” แน่นอนสำหรับการเต มาวินเป็นคนที่ไนซ์กับทุกคน แสนดีไปซะหมด ส่วนวิชุดาน่ะเหรอ เป็นลูกคุณหนูที่ท่าทางจะถูกตามใจจนเคยตัวจนเสียนิสัย เชื่อเถอะว่ามาวินอาจจะยอมได้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป
“เรื่องความสัมพันธ์ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอก บางทีคนเราก็อาจต้องการความแตกต่างมาเติมเต็มซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความสมดุลก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรๆ เหมือนกันเสมอไป” มาวินพยายามให้เหตุผลอย่างนั้น ทั้งที่ลึกๆ ในใจเขาก็คิดไม่ต่างจากการเต ไม่รู้เขามาเป็นเพื่อนกับวิชุดาได้ยังไง ทั้งๆ ที่ชอบอะไรต่างกัน และวิชุดายังทำให้เขาอึดอัดใจในหลายๆ เรื่อง
แต่ก็นั่นแหละ อย่างไรข้อดีของวิชุดาก็ยังมี สมัยเรียนปริญญาโท นับว่าหล่อนเป็นที่ปรึกษาเรื่องเรียนให้เขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีส่วนช่วยสนับสนุนผลักดันให้เขามีหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า นำพากันไปสู่ทางเจริญ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นกัลยาณมิตรที่ดีได้ไม่ใช่หรือ
“แล้วผมจะคอยดูนะครับ” เทซอสใส่ชามมีฝาปิดเสร็จ การเตก็เดินไปเอาเนื้อออกมาจากเตาอบ
มาวินกึ่งหมั่นไส้กึ่งเอ็นดูไอ้พ่อครัวหัวป่าก์นี่เหลือเกิน ถ้าไม่เห็นมันเหมือนน้องเหมือนนุ่งป่านนี้เขกหัวไปนานแล้ว
“เครื่องดื่มดาได้หรือยังคะ วิน!”
เสียงแหลมๆ จากข้างนอกทำให้มาวินสะดุ้ง เขามัวแต่คุยกับการเตเพลินจนลืมไปเสียสนิท จึงรีบไปเปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องน้ำแร่อัดลมออกมา การเตหัวเราะคิกคักไล่หลัง
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **