กรี๊ดดดดด!
มาริสาอดไม่ได้แอบปรบมือตีตีนกรีดร้องกับตัวเองเบาๆ ในห้องน้ำ ระหว่างที่พนักงานกำลังช่วยมาวินขนกระเป๋าเข้ามาในห้อง อะไรจะเหมาะเจาะเยี่ยงนี้ วิชุดาเตลิดไป มาวินย้ายมาอยู่กับหล่อน คมสันย้ายไปอยู่อีกห้อง
ความจริงดวงมาริสาก็ไม่ได้ตกเท่าไร ไอ้ที่ว่าจะโกนหัวบวชชีน่ะ คงไม่ต้องแล้วละเนอะ
หญิงสาวออกจากห้องน้ำอีกครั้งในชุดนอนกรุยกรายที่เตรียมไว้ยั่ว...เอ๊ย ไม่ใช่ เตรียมไว้ให้เข้ากับห้องหรูสิ พนักงานไปแล้ว เหลือแค่มาวินกับมาริสาสองคน เจ้านายหนุ่มนั้นอยู่ในชุดนอนสบายๆ แต่สุภาพ
ยังไงดีล่ะ ห้องสวีตแม้เตียงจะใหญ่ขนาดคิงไซซ์ แต่มันก็เป็นเตียงเดี่ยวนะ
“คุณมาวินตามสบายเลยนะคะ สานอนที่โซฟาก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นผู้ชาย คุณสานอนในห้องดีกว่า”
“แต่คุณมาวินตัวใหญ่ จะนอนโซฟาพอหรือคะ อีกอย่างคุณมาวินเป็นเจ้านาย นอนในห้องเหมาะกว่าค่ะ”
“โธ่...คุณสาครับ ผมไม่เคยมองว่าคุณเป็นแค่ลูกน้องเลยนะ”
เดี๋ยวนะ ตะกี้มาวินพูดว่ายังไงนะ มาริสาขอรีเพลย์อีกรอบ
“เอาเป็นว่า ของก็เพิ่งขนเสร็จ เราไว้ค่อยคุยกันเรื่องนี้ทีหลังดีกว่าครับ นั่งพักให้สบายใจกันก่อน คุณสาทานอะไรหรือยังครับ”
จริงสิ ตั้งแต่ไปร่อนอยู่ริมหาดก็ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำมะพร้าว
“ยังค่ะ ว่าจะเรียกรูมเซอร์วิสอยู่ คุณมาวินล่ะคะ”
“ก็กินไปคำสองคำ ไอ้สันก็วิ่งมาตามผมถึงห้องอาหารซะก่อน”
“งั้นเอาอะไรดีคะ สากดสั่งให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมารบกวนขอแชร์ห้องกับคุณ ผมโทร.ให้ดีกว่า คุณสาจะเอาอะไร ผมสั่งให้”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
มาริสาอมยิ้ม เหมือนฝันเป็นจริงอีกครั้ง หล่อนได้อยู่กับมาวิน และเขาปฏิบัติกับหล่อนเหมือนหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่เลขาฯ
เนื่องจากตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว สักพักก็ต้องถึงเวลาเข้านอน มาวินจึงเลือกสั่งอาหารจานเดียวง่ายๆ เป็นสลัดอกไก่กับอะโวคาโด น้ำสลัดงาญี่ปุ่น ให้รูมเซอร์วิสมาเสิร์ฟบริเวณส่วนที่เป็นโต๊ะอาหารยาวหกที่นั่ง
“เอ่อ...เห็นคุณคมสันบอกว่าคุณวิชุดางอนหรือคะ แล้วคุณมาวินได้โทร.ไปหาเธอบ้างหรือยังคะ” จริงๆ มาริสาก็ไม่อยากพูดถึงแม่นั่นหรอก ไปๆ เสียได้ก็ดี แต่ระหว่างที่นั่งกินอยู่นี่ก็ไม่อยากก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ แถมอยู่ๆ เจ้าของห้องสาวไฮโซก็มาสละห้องให้นอนอย่างนี้ มาริสาก็ควรจะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบนางเสียหน่อย
“โทร.ไปแล้วล่ะครับ ตอนก่อนย้ายของมา” มาวินตอบก่อนจิ้มอะโวคาโดชิ้นโตเข้าปาก “แต่ดาปิดเครื่อง คงกำลังขับรถอยู่ เลยติดต่อไม่ได้”
ก็ดี ขับรถกลับบ้านไปซะ จะได้ไม่มาหลอกมาหลอนกันอีก แค่นึกภาพว่ากลางดึก อยู่ๆ แม่นี่ก็โผล่มาอาละวาดจิกตบหล่อนอีกรอบ แค่คิดก็สยองแล้ว
“ทำไมครับ อยากให้เขาอยู่เหรอ”
มาริสาแทบสำลักสลัดจานอร่อย ทำไมมาวินถามอะไรอย่างนั้น “เปล่าค่ะ ก็แค่ถามเฉยๆ น่ะค่ะ”
“เขาไปก็ดีแล้วครับ ถ้าเขายังอยู่คงมีปัญหาเรื่องห้องพักแน่ๆ เต็มทุกห้อง แถมยังเกิดข้อผิดพลาดจองห้องซ้อนอีก”
“พรุ่งนี้คุณมาวินก็คงจะโทร.ไปง้อคุณวิชุดาใช่ไหมคะ” มาริสาลองหยั่งเชิงถาม
“คงจะโทร. แต่ถ้าเขาไม่รับก็คงฝากข้อความไว้ แต่เรียกว่าง้อไหม...ก็ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ แค่ไปช่วยคุณ แล้วดาก็เตลิดไปแบบนั้น”
มาริสาขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจแล้วกัน นานๆ ทีจะได้รู้สึกแบบนี้กับเขา มาวินเลือกหล่อน แทนที่จะมัวเอาใจแม่นั่น
“สาขอถามได้ไหมคะ ว่าคุณมาวินกับคุณวิชุดาคบกันในฐานะอะไร สาเห็นคุณสองคนสนิทกันมาก”
“เพื่อนครับ” ชายหนุ่มตอบได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด “ไม่มีอะไรมากกว่านั้น คนที่สนิทกับผมจะรู้ครับว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่คนนอกเห็นผิวเผินก็คง...นั่นแหละครับ ดาชอบชวนผมไปเที่ยวสองต่อสอง แล้วผมก็ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น”
ชิชะ มาด่าหล่อนหน้าด้าน ตัวเองยิ่งกว่าอีกนะยะ ผู้ชายเขาชัดเจนว่าคบเป็นเพื่อน แต่ตัวเองยังตามตื๊ออยู่นั่น มาริสาละหมั่นไส้ลูกท่านประธานคนนี้จริงๆ
“ดาเขาไม่ควรมาที่นี่แต่แรก พวกเรามาทำงาน ถ้าเป็นทริปท่องเที่ยวของบริษัท ก็ว่าไปอย่าง เอาเถอะครับ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
มาริสาขอมโนต่ออีกแป๊บ หลังจากกลับกรุงเทพฯ ไปมีความเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์ของมาวินกับวิชุดาอาจจะแย่ลง จนเลิกคบกันไปในที่สุด แล้วมาวินจะหันไปมองใครได้นอกจากมาริสา...
โทรศัพท์มือถือของมาวินดังขึ้น ชายหนุ่มดูหน้าจอก่อนจะกดรับ มาริสาสงสัยเหลือเกินว่าใครโทร.มาดึกๆ ดื่นๆ ขอให้ไม่ใช่วิชุดา
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะคุณมาวิน ขอโทษนะคะที่โทร.มารบกวนตอนดึก ฟ้าเพิ่งรู้เรื่องจากดาน่ะค่ะ”
“อ๋อ ครับ คุณเฟื่องฟ้า”
ยายเฟื่องฟ้ากลีบเน่านี่เอง มาริสาคิดในใจอย่างเผ็ดร้อน จะโทร.มาทำไมกันยะ
“ยังไงคุณมาวินก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากับดานะคะ คราวนี้ท่าทางดาจะโกรธมากจริงๆ แต่ฟ้าเข้าใจนะคะ เป็นเพราะยายดาใจร้อนเอง ไม่ใช่ความผิดคุณมาวินหรอกค่ะ”
“ผมโทร.หาดาแล้ว แต่ดาไม่รับสาย แถมปิดเครื่องใส่ผม”
“ฟ้าว่าอย่าเพิ่งโทร.ดีกว่าค่ะ รอให้ดาเย็นลงก่อน กลับกรุงเทพฯ ค่อยคุยก็ได้ จะได้เย็นกันทั้งสองฝ่าย คุณมาวินไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ยายดากำลังขับรถมาหาฟ้าค่ะ มาถึงแล้วฟ้าจะดูแลเอง ยังไงอย่าเพิ่งโทร.มาให้ดาขุ่นใจคืนนี้เลยนะคะ”
“ได้ครับ ถ้าคุณฟ้าว่าอย่างนั้น ไว้ผมค่อยคุยกับดาอีกทีตอนกลับกรุงเทพฯ ก็ได้”
เท่าที่มาริสาแอบฟัง เฟื่องฟ้าโทร.มาแนะนำให้มาวินอย่าเพิ่งโทร.หาวิชุดาอย่างนั้นเหรอ แปลก นึกว่าจะร้อนรนรีบโทร.มาขอให้มาวินรีบง้อวิชุดาเสียอีก เห็นแต่ไหนแต่ไรแม่นี่สนับสนุนเพื่อนให้จับผู้ชายอย่างออกนอกหน้า
“ค่ะ ห้องสวีตที่ฟ้าอัปเกรดให้ เป็นยังไงบ้างคะ คุณมาวินถูกใจไหม”
“สวยมากครับ อยู่สบายด้วย”
“เหงาหน่อยนะคะ อยู่คนเดียวคืนนี้”
“เอ่อ...ครับๆ” มาวินตอบเลี่ยงๆ
“ฟ้าไม่กวนละค่ะ โรงแรมนี้ของพ่อฟ้าเอง อยากได้อะไรเป็นพิเศษก็บอกเขาได้ หรือโทร.มาบอกฟ้าก็ได้นะคะ”
“ขอบคุณคุณฟ้ามากนะครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
โทร.คุยกันจบแล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องมารบกวนเจ้านายของมาริสาให้มันมากนัก นี่จะเที่ยงคืนแล้ว ยังไงก็ต้องนอน พรุ่งนี้มีสัมมนาเก้าโมงเช้า แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะตกลงเรื่องที่นอนกันยังไม่ได้
“เอาเป็นว่า เรานอนเตียงทั้งคู่ก็ได้นะคะ” มาริสาพูดออกมาในที่สุด “จะได้ไม่ต้องเกี่ยงกัน”
“จะดีเหรอครับ ใครรู้เข้าคุณสาเสียหายแย่”
โอ๊ย...มันเสียหายตั้งแต่มาวินไม่ยอมนอนเบียดกันสี่คนในห้อง ซูพีเรียร์ที่เหลืออยู่ห้อง แล้วมานอนห้องเดียวกับหล่อนสองต่อสองแล้ว แต่หล่อนก็เข้าใจได้ว่าในบรรดาทุกคนในทีม เขาเป็นคนเดียวที่สนิทกับหล่อนมากที่สุด จึงต้องสละตัวเองออกมา อีกอย่างถ้าเขาไม่บอก ใครจะไปรู้เล่าว่านอนเตียงเดียวกัน
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เตียงใหญ่ขนาดนี้ เราเอาหมอนข้างแบ่งฝั่งได้ สาสิคะ เกรงว่าคุณมาวินจะรังเกียจ” ท้ายประโยคขอพูดเชิงจริตมารยาหน่อย
“ไม่ครับ ไม่รังเกียจเลย” เห็นไหม ได้ผล มาวินตอบรับแทบจะทันที ผู้ชายไม่เคยทันเล่ห์นี้ของผู้หญิงเลยจริงๆ
เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย สองหนุ่มสาวก็ปิดไฟนอน ถึงแม้ว่าจะมีหมอนข้างกั้นกลางถึงสองใบ แต่มาริสาก็อดจินตนาการไปไกลไม่ได้ว่านี่เป็นการร่วมเรียงเคียงหมอน ภายใต้ความมืด หล่อนพอจะมองเห็นแพขนตาหนาใต้คิ้วเข้มกับจมูกโด่ง คนอะไร หลับยังหล่อ แล้วอย่างนี้คืนนี้หล่อนจะนอนหลับไหมนี่
ก็คงจะไม่หลับแหละมั้ง ใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอกขนาดนี้ ขอนอนจ้องหน้าชายหนุ่ม ฟังเสียงเขาหายใจอย่างนี้ไปทั้งคืนแล้วกัน จะมีพักสายตาบ้างก็เป็นช่วงๆ
แต่เอ๊ะ หล่อนว่าหล่อนพักสายตาไปแป๊บเดียว ทำไมหรี่ตาขึ้นอีกทีมันมีแสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมาล่ะ แล้วหมอนข้างทำไมมันให้ความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ หมอนหนุนก็ไม่ได้นุ่มจนหัวจมลงไปแบบที่นอนตอนแรก
มาริสากอดหมอนข้างกระชับเข้าหาตัว แต่แล้วหมอนข้างที่ว่ากอดอุ่นก็กอดตอบ
ว้าย ตายแล้ว!
มาวินเอนหน้ามามองมาริสาพลางยิ้มหวาน มาริสากำลังนอนทับแขนของเขาอยู่ และทั้งกอดทั้งก่ายร่างของชายหนุ่ม หญิงสาวผละออกทันทีที่ลืมตาขึ้นเต็มตา พบว่าหมอนข้างกระเด็นตกเตียงไปแล้วตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ อย่าบอกว่าหล่อนนอนกอดเขาทั้งคืน หรืออย่างน้อยก็เป็นชั่วโมงได้
“ขอโทษค่ะ คุณมาวิน” มาริสาอุบอิบพูดพลางรีบลุกขึ้นนั่ง ไม่กล้ามองหน้าเขา ก้มหน้าให้ผมปรกหน้าปรกตาจะได้ไม่มีใครเห็นว่าสีแก้มตอนนี้เป็นสีลูกตำลึง ใจเต้นตุบๆ อกจะระเบิด “ทำไมไม่ปลุกสาล่ะคะ ปล่อยให้สานอนทับคุณแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ เหน็บยังไม่กิน”
แน่ะ ยังอุตส่าห์ตอบกลับมาแบบนี้อีก แต่ต่อให้เขาจะเปิดทางให้ หล่อนก็ไม่ขอนอนต่อแล้ว แค่นี้ก็เขินจะแย่ มาริสาเหลือบมองนาฬิกาบนผนังเห็นว่าเพิ่งจะหกโมงกว่า ยังมีเวลาถมเถก่อนเริ่มสัมมนา
“คุณมาวิน...ใช้ห้องน้ำก่อนได้นะคะ ไหนๆ ก็ตื่นก่อนแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นบ้าง ปลายจมูกของเขาเฉียดปลายผมของมาริสาไป เล่นเอาหญิงสาวหยุดหายใจ แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ
มาวินก็เลยไม่เห็นว่ามาริสาถึงกับเสียอาการล้มตัวลงไปนอนกลิ้งบนเตียง มือหนึ่งเล็บจิกหมอนจิกที่นอน อีกมือปิดปากตัวเองไม่ให้กรี๊ดออกมาดังๆ เพราะรู้ตัวดีว่านี่ไม่ใช่ความฝันแน่นอน!