ทดลองอ่าน อลเวงนัก รักของมาริสา : ตอนที่ 21

 

 

ตอนที่ 21

 

 

เขาว่ากันว่าอย่าเยาะเย้ยคนตกต่ำ อย่าข้ามคนล้ม แต่คมสันพยายามเต็มที่แล้วที่จะกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นมาริสาเดินหน้าตาเหมือนคนท้องผูกมาเจ็ดวันออกจากห้องขัง หน้าตาเกรอะกรัง ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“ขำอะไรคะ คุณคมสัน”

คมสันสะดุ้งเมื่อมาริสาหันมาแยกเขี้ยวใส่ทั้งที่ยังมีคราบน้ำตา มาสคาร่าไหลเลอะ นี่เขากำลังขำอยู่หรือนี่ ไม่รู้ตัวเลย

“ฉันโทร.เรียกคุณให้มาช่วยนะคะ ไม่ใช่มาขำ ห้องขังทั้งแคบทั้งเหม็น แถมถูกขังรวมอยู่กับพวก...นั้น คุณอยากมาลองนอนดูสักคืนไหมคะ ขำแบบนี้เนี่ย”

แล้วมาริสาก็ท่าทีเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าคมสันมากับใคร

“คุณมาวิน...”

“คุณมาริสา...” มาวินที่เพิ่งเดินมาสมทบทำท่าเหมือนอยากจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง แต่เมื่อครู่ที่เจ้าหล่อนพูดมาให้ได้ยินแต่ไกลนั้นคงเป็นคำตอบชัดเจนแล้ว

“เราเคลียร์กับตำรวจให้เรียบร้อยแล้วครับ” ในที่สุดคมสันก็สะกดตัวเองไม่ให้ขำหรือยิ้มออกมาได้ แล้วบอกออกไป

“ครับ คุณมาริสา ทางเราขอโทษจริงๆ ที่เข้าใจคุณผิด” นายตำรวจนายหนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยกัน เห็นจากเครื่องแบบแล้วน่าจะยศใหญ่พอสมควร เข้ามาขอโทษขอโพยมาริสา มีตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายที่เป็นคนใส่กุญแจมือหล่อนมายืนกุมไข่อยู่ด้วย “ถ้าคุณมาริสาอยากให้เราชดเชยยังไง ทางเรายินดีเต็มที่เลยนะครับ”

หน็อยแน่! บังอาจมาด่าหล่อนเป็นผีมะพร้าว แถมยังจับหล่อนลากมายัดในห้องขังโสโครกนี่ตั้งเป็นชั่วโมงๆ ขอโทษยังไงก็ไม่หายหรอก มันน่าด่าให้โรงพักแตกสักยก...

“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน ฉันเองก็ไม่ดูตาม้าตาเรือไปอยู่ใกล้คนพวกนั้นเองด้วย”

ก็นะ อยากด่าแค่ไหนก็ด่าไม่ได้ อยู่ต่อหน้ามาวินแบบนี้ มาริสาต้องสวมบทนางเอกสิ

“โอ้ ขอบพระคุณมากเลยครับ” นายตำรวจนายเดิมพูด “ทางเราต้องขอบคุณจริงๆ ที่คุณไม่เอาเรื่องอะไร รับรอง คราวหน้าเราจะไม่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้อีก” พูดจบก็เหล่สายตาคาดโทษไปยังตำรวจนอกเครื่องแบบที่ยืนท่าเดิมอยู่ข้างๆ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวนะครับ” คมสันว่าพลางพยักหน้ากับมาวิน ไม่แปลกใจสักนิดที่ทำไมมาริสาเจอเขาแล้วให้ศีลให้พร แต่พอกับตำรวจไม่ตำหนิสักคำ

----------

ทุกคนนั่งเงียบไปตลอดทางขณะที่คมสันคุมพวงมาลัยรถ มาริสาไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี เจ้านายหนุ่มของหล่อนมาเห็นหล่อนสภาพนี้ น่าอับอายที่สุด หญิงสาวห่มเสื้อนอกของคมสันที่มีอยู่ติดรถอย่างอับอาย

ใครจะไปคิดล่ะว่ามาวินจะมาด้วย เห็นเอาแต่ขลุกอยู่กับวิชุดา คงไม่มีใครติดต่อได้ หล่อนจึงเรียกคมสันมาช่วย

“ค่อยเบาใจหน่อยที่ขากลับแกให้ฉันขับ” คมสันทำลายความเงียบเมื่อเข้ามาในอาณาเขตโรงแรมแล้ว

“เออ ฉันก็ไม่ได้ขับชนสักหน่อย รอยถลอกก็ไม่มี อย่าบ่นน่ะ” มาวินตอบ

คนที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่เบาะหลัง พอได้ยินแบบนั้นก็สงสัยขึ้นมาทันที...มาวินเป็นคนขับมาโรงพักเหรอ

“ไม่ชน ไม่ข่วน แต่ฉี่ฉันจะราด ขับยังกะเล่นหนังแอ็กชั่นอยู่ยังไงยังงั้น”

เขารีบร้อนด้วย แสดงว่าเขาเป็นห่วงหล่อนใช่ไหม

“ก็ต้องรีบสิ เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น...คุณสาโอเคแล้วใช่ไหมครับ”

เขาหันมาถามหล่อนด้วย?

“ค...ค่ะ สาดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

“ไอ้วินมันเป็นเดือดเป็นร้อนแทบตายครับคุณสา คว้ากุญแจรถผมไปไม่ขอสักคำ” คมสันพูดพลางเลี้ยวเข้าลานจอดรถ

“จะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนได้ไงครับ คุณสาเป็นเลขาฯ ของผม เรามาที่นี่ในฐานะเพื่อนร่วมงานทีมเดียวกัน ผมจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”

“ขอบคุณนะคะ”

มาริสาเกือบจะขวยเขินกับถ้อยคำแสดงความห่วงใยนั้นแล้ว แต่พอนึกทบทวนดีๆ มาวินก็ไม่ได้คิดกับหล่อนเป็นอื่นไกล ก็แค่...ลูกน้อง ถ้าเป็นใครในทีมโดนตำรวจจับแบบนั้น มาวินก็คงไปช่วยเหมือนกัน

อย่ามโนไปไกลได้ไหมยายสา!

รถจอดเข้าซองเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนลงจากรถ นี่แหละ ช่วงเวลาแห่งความเป็นจริง หล่อนต้องไปนอนกับคมสัน ไม่รู้คืนนี้จะนอนได้ไหม ห้องมีสองเตียง นอนแยกเตียงกันก็จริง แต่เอาอะไรมามั่นใจว่าผู้หญิงสวยๆ อย่างมาริสาจะปลอดภัย เกิดเพื่อนเจ้านายหล่อนหน้ามืดลุกมาปล้ำหล่อนกลางดึก จะทำไง หรือเลวร้ายน้อยหน่อยเขาอาจจะนอนกรน หล่อนไม่เป็นอันหลับอันนอนกันพอดี

“คืนนี้คุณสาเจอเรื่องหนักๆ มาเยอะ ไปนอนห้องผมก็ได้นะครับ น่าจะสะดวกสบายกว่า เดี๋ยวผมนอนกับสันเอง”

คมสันเลิกคิ้วสูง นึกว่าเจ้าเพื่อนตัวดีจะเชื้อเชิญเขาไปนอนห้องสวีตด้วยกัน แล้วให้มาริสาเอาห้องของเขาไปแทน อดเลย

“อ้าว แล้วคุณวิชุดาล่ะคะ”

มาวินยิ้มแห้งๆ “ดาเขา...กลับไปแล้วล่ะครับ”

----------

ไม่คิดเลยว่าตลอดทั้งคืนของทริปนี้ มาริสาจะได้ห้องสวีตมานอนคนเดียวสบายๆ เพราะทุกคนอยากปลอบขวัญหล่อนที่ซวยเข้าไปตบยุงในคุกมา พอพนักงานขนกระเป๋าย้ายข้าวของมาเรียบร้อย มาริสาก็ไม่รีรอลงแช่น้ำอุ่นสบายที่อ่างจากุซซี่น้ำวน

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณวิชุดาสินะที่หุนหันพลันแล่น เล่นบทงอนใส่มาวิน คมสันเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาช่วย มาวินกำลังดินเนอร์อยู่กับวิชุดา เจ้าหล่อนเลยขู่จะขนของกลับกรุงเทพฯ ทันทีถ้ามาวินดึงดันจะลุกจากโต๊ะอาหารไปหามาริสา แล้ววิชุดาก็ทำจริงๆ มาวินไม่ง้อด้วย สาแก่ใจมาริสายิ่งนัก

ห้องสวีตโรงแรมนี้แบ่งเป็นสัดส่วน ฝั่งซ้ายเป็นโถงทางเดินที่แยกไปเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องสปา และห้องน้ำ ฝั่งขวาเป็นห้องอเนกประสงค์กว้าง ขวางจัดวางชุดโซฟา โฮมเธียเตอร์ และโต๊ะอาหารตัวยาวที่ใช้เป็นโต๊ะประชุมก็ยังได้ แต่ห้องใหญ่โตขนาดนี้ ไม่มีใครมาอยู่ด้วย หรูหราสุขสบายยังไง มันก็แปลกๆ อยู่ดี เพราะห้องเขาออกแบบมาสำหรับคนมีคู่

เอาน่ะ หล่อนได้ล้างกลิ่นคุกกลิ่นตะรางออกด้วยฟองสบู่หนาๆ กลิ่น อะโรมาในอ่างใหญ่ก็บุญโขเท่าไรแล้ว เสร็จแล้วมาริสาว่าจะเรียกรูมเซอร์วิสมาเสิร์ฟแชมเปญฟองซ่าเย็นๆ กับอาหารทานเล่นแพงๆ สักจานปลอบใจให้หายเสียขวัญ ไม่รู้ว่าเข้าพักห้องสวีตจะสามารถขอใช้บริการบายศรีสู่ขวัญจากโรงแรมได้ไหม เดี๋ยวลองถามดูดีกว่า โรงแรมระดับนี้แขกเจอเรื่องซวยๆ มา น่าจะมีบริการพิเศษให้บ้าง...ทั้งหมดหล่อนไม่ต้องจ่ายเองด้วย ชาร์จเอากับบริษัทได้เลย

หญิงสาวผูกสายคาดเอวชุดคลุมอาบน้ำเสร็จ ก็ตรงไปที่โทรศัพท์หัวเตียงเพื่อจะโทร.ขอใช้บริการต่างๆ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด เสียงกริ่งหน้าประตูห้องก็ดังขึ้น มาริสาต้องเดินนวยนาดไปเปิดประตู

“คุณมาวิน...”

หล่อนอึ้ง อยู่ดีๆ เจ้านายหนุ่มก็มาโผล่หน้าห้อง พร้อมกับเด็กขนกระเป๋าอีกคน นี่เขาจะเอาห้องคืนเหรอ หล่อนขี้เกียจย้ายอีกรอบแล้วนะ

“ถ้าคุณสาไม่รังเกียจ ขอผมอยู่ด้วยคนได้ไหมครับ...พอดีทางโรงแรมเกิดเรื่องผิดพลาดนิดหน่อย พนักงานจองห้องซูพีเรียร์ที่สันอยู่ซ้อนกับแขกคนอื่นคืนนี้ เพื่อนผมเลยต้องไปขออยู่กับคุณอภิชาติ ส่วนผม...”



**เปิดจองเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 17 พฤศจิกายน 2566
พร้อมของแถมที่คั่น + โปสการ์ดลายปก
 

รายละเอียดสั่งจอง (คลิก)

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com