ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : มาลีเริงไฟ : ตอนที่ 23

 

 

ตอนที่ 23

 

 

ญานีนตกใจมากตอนที่จู่ๆ ธนาคมก็ดึงร่างหล่อนไปกอดเอาไว้ ไม่ว่าจะพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล วงแขนของเขาแข็งราวกับคีมเหล็ก

“ผมบอกแล้วว่าผมคิดถึงคุณมาก ผมอยากอยู่กับคุณตามลำพัง”

“แต่ฉันก็บอกแล้วว่าวันนี้ไม่สะดวก ปล่อยฉันนะ เดฟ ปล่อย”

“คุณเต้นยั่วผมขนาดนี้ก็เพราะอยากให้ผมทำอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ...ผมว่า เราหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่านะ”

“ฉันไม่...!” หล่อนปฏิเสธได้คำเดียว ไฟก็ดับ จากนั้นก็รู้สึกเหมือนจะหน้ามืด จนต้องพิงไหล่กว้างของเขาไว้ แต่สำนึกสุดท้ายก่อนหมดสติ หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความพึงพอใจของเขา หล่อนกลัว หากแต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านอีก

ครู่ต่อมา หล่อนก็รู้สึกถึงสายลมเย็นๆ ที่พัดมาปะทะใบหน้า จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแผ่นฟ้าเวิ้งว้างสีดำสนิท ปราศจากดวงดาวแม้แต่ดวงเดียว หญิงสาวรีบผวาลุกขึ้น และมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนลานกว้าง มีกำแพงสูงแค่เอวล้อมรอบ เบื้องหน้า และด้านข้าง คือตึกสูงระฟ้าที่เปิดไฟเป็นจุดๆ ไป ถ้าเดาไม่ผิด หล่อนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมที่จัดงานนั่นเอง

ธนาคมพาหล่อนมาบนนี้ทำไม

“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ” เสียงของธนาคมดังขึ้นด้านหลัง

ญานีนหันขวับไปมองแล้วก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง ความสลัวรางของบรรยากาศทำให้หล่อนเห็นหน้าและสีหน้าของเขาไม่ถนัด หากแต่ท่าเดินแบบย่างสามขุมนั้นก็ทำให้หล่อนกลัวมากกว่าเดิม

“พาฉันมาบนนี้ทำไมคะ” หล่อนทำใจดีสู้เสือ ขณะก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ส่วนเขาก็ก้าวตามช้าๆ เรื่อยๆ เช่นกัน

“ผมบอกเหตุผลคุณไปแล้ว”

“ตามลำพังบนนี้นะเหรอคะ”

“ทำไมล่ะ โรแมนติกดีออก ถึงคืนนี้ดาวจะไม่มีฟ้า แต่ผมว่ามันก็สวยมากอยู่ดี อาจเพราะมีคุณอยู่ตรงนี้” ตอนท้ายๆ น้ำเสียงของเขาเว้าวอนอยู่ในที

“ฉันโรแมนติกไม่ออกหรอกค่ะ คุณเล่นทำให้ฉันหมดสติแล้วพามาแบบนี้ เรากลับลงไปข้างล่างไม่ดีกว่าเหรอคะ” แล้วญานีนก็หยุดเดินเมื่อชนเข้ากับกำแพง ขณะที่ธนาคมยังเดินเข้าหาหล่อนเรื่อยๆ หญิงสาวทำท่าจะเลี่ยงออกไปอีกทาง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เขาใช้ร่างสูงใหญ่ขวางหล่อนเอาไว้ ต้อนให้ชิดกำแพงอีกครั้งด้วยการวางมือบนกำแพงทั้งสองด้านข้างตัวหล่อน เท่ากับว่าหล่อนถูกขังอยู่ในวงแขนของเขา

“ลงไปให้ไอ้หน้าจืดนั่นมันทำให้รำคาญลูกกะตาเหรอ”

“ไอซ์เขาเป็นผู้ช่วยของฉันนะคะ ยังไงคุณก็ต้องเจอเขาบ่อยๆ อยู่แล้ว” หญิงสาวเสียงสั่น ซึ่งหล่อนไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะลมที่แรงหรือเพราะกลัวผู้ชายตรงหน้ากันแน่

“เอางี้ไหมคะถ้าคุณพาฉันลงไปข้างล่าง พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ โดยที่ไม่มีไอซ์หรือใครคนอื่นเลย”

แม้จะมองหน้าเขาไม่ชัด แต่หล่อนก็รู้ว่าเขากำลังยิ้ม

“คุณทำเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เอาของกินมาล่อ แต่เอาเถอะ ถ้าคุณอยากลงไปข้างล่าง ผมก็ยินดีจะพาไป”

ญานีนลอบระบายลมหายใจโล่งอก แล้วรอให้เขาขยับตัวออกห่าง แต่นอกจากไม่ทำอย่างนั้นแล้ว เขายังใช้มือข้างหนึ่งลูบแขนเปลือยเปล่าของหล่อนหนักๆ อีกด้วย

“เอ๊ะ เดฟ คุณจะทำอะไรน่ะ” ญานีนสะบัดแขนออกอย่างไว้ตัว ผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน ทำไมกลับกลอกเช่นนี้

“ก็จะพาคุณลงไปข้างล่างไง” เขายังคงยิ้มในความสลัว แล้วมือแข็งแรงก็เลื่อนจากแขนมาที่ลำคอของหล่อนอย่างรวดเร็ว

“คุณ...!” ญานีนมองเขาด้วยความตกใจสุดขีด

“แต่เป็นพื้นข้างล่างนั่นนะ” เขาพยักหน้าไปยังด้านล่าง จากนั้นก็ผลักร่างหล่อนให้หงายหลังจนศีรษะของหล่อนพ้นขอบกำแพงตึกออกไปยังความว่างเปล่า หญิงสาวหวีดร้องด้วยความกลัว

“คุณจะทำอะไรฉัน...คุณเป็นใครกันแน่”

“คุณรู้จักผมไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเราต้องจากกันแล้ว คุณญานีน”

ญานีน!

ผู้ชายคนนี้รู้ว่าหล่อนคือใคร

หรือว่า...เขา...คือคนที่ช่วยวิรัลยา!?

“หึหึหึ” เขาหัวเราะในลำคอคล้ายอ่านความคิดหล่อนออก “ขอโทษด้วยนะ ความจริงผมชอบคุณมาก แต่ผมก็ทรยศคนที่จ้างผมไม่ได้ ถึงจะเป็นคนเลว แต่ก็ควรมีจรรยาบรรณบ้าง...”

จบคำนั้น เขาก็เพิ่มแรงบีบที่คอหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็พยายามจะยกร่างหล่อนขึ้นเหนือกำแพง

----------

ไอศูรย์พยายามตามหา ‘วิรัลยา’ ทางนั้นทางนี้ พร้อมกับโทรศัพท์หาหล่อนไปด้วย สีหน้าของเขาร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเห็นชัดว่าหญิงสาวไม่ได้ยินดีที่จะใกล้ชิดลูกครึ่งหนุ่มคนนั้น ขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจจะตามหาหล่อนเลย พวกเขาคุยกันว่า หล่อนคง ‘ไปต่อ’ กับหนุ่มหล่อคนนั้นเป็นแน่แท้

“จะตามหาให้เหนื่อยทำไมคะ คุณไอศูรย์”

‘ญานีน’ เดินมาหยุดยืนข้างหลังเขา

“ป่านนี้ยายนั่นคงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

ไอศูรย์หยุดใช้โทรศัพท์แล้วหันมาสบตาหล่อน “ถ้าคุณตาไม่บอด คุณคงเห็นว่าคุณหนึ่งไม่ได้พอใจกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำ”

“ในฐานะที่ฉันโตมากับยายนั่น บอกได้คำเดียวว่าสิ่งที่คุณเห็นไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”

“ไม่เป็นอย่างที่คุณคิดมากกว่า คุณอคติกับเธอ ก็เลยมองว่าเธอเล่นละคร ถึงผมจะรู้จักเธอทีหลังคุณ แต่ผมกล้ายืนยันว่ารู้จักเธอดี อาจจะดีกว่าคุณด้วยซ้ำ”

คนที่เป็น ‘เธอ’ ในความหมายของเขาได้ยินอย่างนั้นก็ชักนึกสนุกที่จะได้ล้วงความรู้สึกของผู้ช่วยของตน

“แสดงว่าคุณไม่เชื่อว่าแม่นั่นยินดีไปกับผู้ชายคนนั้น”

“ผมมั่นใจ สายตาคุณหนึ่งมีไว้มองผู้ชายแค่คนเดียวเท่านั้น...” เสียงของเขาแผ่วเศร้าลง และวิรัลยาก็ชะงักไปเล็กน้อย หล่อนกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้เวลาตัวเองได้ทำความเข้าใจในท่าทีแบบนั้นของคนตรงหน้า ท่าทีซึ่งหล่อนไม่เคยมองเห็นมาก่อน

นี่เขา...

“เธอไม่ใช่ผู้หญิงมากรัก ผมจึงมั่นใจว่าเธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจไปกับผู้ชายคนนั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ” จากนั้นเขาก็เดินแยกไปทางหนึ่ง ปล่อยให้วิรัลยามองตามไปด้วยแววตาครุ่นคิดบางอย่าง

“จะกลับหรือยังจ๊ะยิหวา” เสียงชายผู้เป็นสามีดังขึ้นใกล้ๆ

วิรัลยาจำต้องดึงสายตาจากแผ่นหลังกว้างของไอศูรย์ เพื่อหันกลับ มาส่งยิ้มให้อัคนี

“ค่ะ กลับเสียทีก็ดีเหมือนกัน ยิหวาชักจะตาลายแล้ว”

“จ้ะ พี่สั่งให้คนเอารถมาจอดรอข้างหน้าแล้ว เอ...แล้วคุณพ่อหายไปไหนเนี่ย”

“นั่นสิคะ” วิรัลยาพึมพำ

หลังจากที่ไฟสว่าง ไม่เพียงแค่ญานีนกับธนาคมที่หายไป บิดาของหล่อนก็ด้วย

“สงสัยกลับไปแล้วมั้งคะ เพราะอายที่ลูกสาวสุดที่รักทำขายหน้า...กลับกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้เรามีประชุมแต่เช้า”

“เอ๊ะ คุณณัฐไม่ได้บอกยิหวาเหรอจ๊ะว่าประชุมพรุ่งนี้เลื่อนออกไป”

พอเอ่ยชื่อณัฐยา วิรัลยาก็ตะหนักได้ว่า ณัฐยาเองก็หายตัวไปเช่นกัน!

“ทำไมถึงเลื่อนคะ”

“เพราะหนึ่งเขาอยากเข้าด้วย แต่พรุ่งนี้เขายังไม่สะดวก”

วิรัลยากำมือแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์ “เลยกลายเป็นคนหมู่มากต้องรอคนแค่คนเดียว”

“ก็หนึ่งเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายข่าว และเรื่องที่จะประชุมก็เรื่องของฝ่ายข่าว ยังไงก็ต้องรอจ้ะ”

“ค่ะ ถ้างั้นก็กลับเถอะค่ะ เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้ายิ้มเต็มที” หล่อนกระแทกเสียงแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากตรงนั้นไป อัคนีรีบก้าวตามภรรยา พลางก็ใช้ความคิดบางอย่างอย่างหนักหน่วง

เมื่อสองสามีภรรยาเดินไปถึงบริเวณด้านหน้า รถเก๋งคันงามของพวกเขาก็จอดรออยู่ก่อนแล้ว พนักงานของโรงแรมเปิดปิดประตูให้

เมื่อรถแล่นพ้นบริเวณที่มีหลังคาคลุมได้ไม่กี่ล้อหมุน วัตถุเบาบางบางอย่างก็ปลิวมาลอยคว้างด้านหน้าของรถก่อนจะถูกลมพัดให้ปลิวไปทางอื่น

มันคือเศษผ้าชีฟองสีเขียวทะเลนั่นเอง...

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com