มาริสาหยิกแก้มตัวเอง ก็เจ็บนี่ ไม่ได้ฝันไปแน่นอน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆ จะได้รับประทานอาหารเย็นกับมาวินโดยที่ไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง จะนับว่าเดตได้ไหมนะ
“ชั้นนี้ร้านอาหารทั้งชั้น ถ้ายังนึกไม่ออก เดินดูรอบๆ ก่อนก็ได้นะครับ”
ก็ไม่เลวนะ เดินด้วยกันไปพลางๆ จะได้ใช้เวลากับเขานานขึ้น แต่หล่อนชักเมื่อยขาแล้วสิ นี่ก็เดินช็อปกับเขามาเป็นชั่วโมงๆ ไหนจะรองเท้าส้นสูงคู่นี้อีกที่ทำให้หล่อนระบมตั้งแต่ฝ่าเท้ายันกระดูกต้นคอ ถ้าไม่ติดว่ามันทำให้ขาเรียวสวย หล่อนไม่ใส่มาหรอก
“แล้วแต่เจ้ามือดีกว่าค่ะ คุณมาวินเลี้ยงทั้งที สาทานอะไรก็ได้”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณสาเลือกที่ตัวเองชอบได้เลย ผมเลือกไปไม่รู้คุณสาจะชอบหรือเปล่า”
มาริสาอยากจะบอกเหมือนกันว่ากินอะไรก็ได้ ไม่สำคัญ สำคัญที่คนกินด้วยต่างหาก แต่ตอนนี้หล่อนยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนพอที่จะไม่รุกผู้ชายขนาดนั้น เกิดเป็นหญิง ต้องรักนวลสงวนตัวกันบ้าง
หญิงสาวคิดถึงอาหารที่ตัวเองชอบ ก็ชอบหลายอย่างอยู่ อะไรอร่อยหล่อนก็กินหมดแหละ แต่ถ้าถามว่าชอบอะไรเป็นพิเศษ ก็คงต้องร้านนี้ละมั้ง
“บุฟเฟต์ซาชิมิเป็นไงคะ”
มาวินหันมาเลิกคิ้วให้มาริสา แล้วยิ้มน้อยๆ หมายความว่ายังไงกัน หรือว่าเขาจะไม่ชอบของดิบ ตายล่ะ
“คุณมาวินไม่ชอบเหรอคะ เปลี่ยนร้านก็ได้นะคะ”
“ใครว่าล่ะครับ ผมชอบอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน ยิ่งบุฟเฟต์ปลาดิบนี่ของโปรดผมเลย วันนี้ขอเป็นแมวสักวันแล้วกันนะครับ ฮ่าๆ”
โล่งอก นึกว่าเจ้านายหนุ่มจะมองหล่อนเป็นปอบซะแล้ว ชอบกินของสดๆ แต่ที่จริงร้านนี้ก็ไม่ได้มีแต่เมนูดิบ เมนูสุกๆ ก็มี หล่อนเคยมากินกับรุ่งครั้งหนึ่ง แต่นานแล้ว ว่าจะมาอีกก็ไม่มีโอกาสสักที
“อยู่นี่เองเหรอคะ วิน”
วิชุดาเดินกรีดกรายถือกระเป๋าชาแนลเข้ามา จิกตามองมาริสา แล้วหันไปมองมาวิน มาริสาสะอึกไปเล็กน้อย ยายนี่โผล่มาทำไมเวลานี้เนี่ย
“อ้าวดา มาห้างฯ เหมือนกันเหรอครับ” ชายหนุ่มทักทายเรียบๆ
“ค่ะ แล้ววินมาทำอะไรกับแม่มาริสานี่คะ”
“พอดีผมให้คุณมาริสาช่วยเลือกซื้อของที่จะไปต่างจังหวัดน่ะครับ เสร็จแล้วเลยว่าจะหาอะไรกินกันสักหน่อย”
“จะซื้อของทำไมไม่บอกดาล่ะคะ ไม่เห็นต้องมากับคนอื่นเลย” หางเสียงเจ้าหล่อนติดจะเหวี่ยงเล็กน้อย ไม่พอยังเข้ามาเกาะแขนมาวินหมับ เน้นคำว่า ‘คนอื่น’ ใส่มาริสาเต็มๆ
“ก็ผมเห็นดายังมีงานต้องเคลียร์เยอะ เลยไม่อยากกวน”
“ไม่รู้ละค่ะ ดาไม่ชอบใจเลย มาซื้อของกันสองต่อสองแบบนี้”
เป็นบ้าหรือไงยะหล่อน มาริสาอยากจะพูดออกมาดังๆ อย่างนั้น แค่มาซื้อของด้วยกัน อยู่ในที่สาธารณะ คนเห็นทั้งห้างฯ ไม่ได้ไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ อีกอย่างมาริสาก็ไม่ได้คิดอกุศลกับมาวินแม้แต่น้อย ไม่มีเลยจริงๆ นะ ทำเป็นมีลมเพชรหึง แล้วอีกอย่างตัวเองเป็นใครมิทราบ มาถึงก็ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แสดงอาณาเขตกับผู้ชายเหมือนสุนัขฉี่ใส่เสาไฟฟ้าไม่มีผิด แฟนก็ไม่ใช่ เป็นเเค่ผู้หญิงคนที่ลงแข่งสนามเดียวกับหล่อน แต่ทำอย่างกับคบกับมาวินเป็นแฟนแล้ว
“ไม่เอาน่ะดา นี่เรากำลังจะกินข้าวกันพอดี ดากินด้วยกันไหม ผมเป็นเจ้ามือเอง”
“ไม่ค่ะ ถ้าอยากให้ดาหายโกรธ วินต้องไปเลี้ยงข้าวดาเย็นนี้ โดยไม่มีแม่นี่”
“แต่ผมตกลงกับคุณมาริสาไว้แล้ว...”
“ดาไม่สนค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณมาวิน” มาริสาได้ยินตัวเองพูดออกมา “คุณมาวินไปทานข้าวกับคุณวิชุดาเถอะค่ะ จริงๆ สาเองก็เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ” ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องเล่นบทนางเอกแบบนี้ แต่ปากมันพาไป
“เหรอครับ ถ้างั้น...”
“พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
มาริสาปั้นยิ้มให้แล้วเดินออกไป ไม่เหลียวหลังหันไปมองคนทั้งคู่อีก ถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดายน่ะสิ! วิชุดานี่มารคอหอยจริงๆ เกือบจะได้เดตกับผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้น่ะเหรอ ถ้าสุดท้ายมาวินเลือกวิชุดาเพราะเขาสนิทและรู้จักกับวิชุดามาก่อน หล่อนว่าหล่อนจะหน้าแหกเอา สู้ถอยออกมาเองดีกว่า
จำไว้เลย แม่วิชุดา โผล่มาตอนไหนไม่โผล่
“อุ๊ย! ตัวจริงเขามา ตัวเองเลยต้องไปใช่ไหมจ๊ะเนี่ย”
เสียงคุ้นหูที่เสียดแทงโสตประสาทเข้ามา ทำให้มาริสาหยุดกึก หันไปมอง
“คุณเฟื่องฟ้า” มาริสาอ้าปากค้าง ทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นแม่นี่เฉิดฉายอยู่ข้างๆ เพื่อนสาว หรือว่า...
“น่าสงสารจังเลยนะ โดนเทแบบนี้”
“นี่คุณไปบอกคุณวิชุดาใช่ไหมว่าฉันอยู่กับคุณมาวิน”
“อะไรยังไงเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องกับเขาเลย”
แม่นี่นี่ตีหน้าตายได้น่าโมโหสุดๆ ถ้าไม่มีเฟื่องฟ้าคาบข่าวไปบอก ป่านนี้หล่อนได้กินข้าวกับมาวินสมใจไปแล้ว “ฉันรู้นะว่าคุณเห็นฉันกับคุณมาวินแล้วไปบอกคุณวิชุดาให้ตามมา”
“แล้วแต่เธอจะเชื่อแล้วกันจ้ะ” เฟื่องฟ้ายิ้มตาพราวใส่ “แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ควรจะไปไหนสองต่อสองกับผู้ชายของคนอื่นเขานะ มาริสา”
“คุณไม่รู้อะไรอย่ามาพูด ฉันกับคุณมาวิน...ไม่ได้มาเดินเที่ยวเล่นกันสักหน่อย ฉันก็แค่ช่วยเขาเลือกซื้อของไปสัมมนาอีกสองสามวันนี้” แล้วแม่นี่ก็ปากดีเหลือเกิน มาริสาอยากจะถามเหมือนกันว่ามาวินไปตกลงปลงใจเป็นผู้ชายของวิชุดาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ
“เหรอ แค่ช่วยเลือกซื้อของกันเหรอ ฉันจะพยายามเชื่อแล้วกันนะ”
แม้จะโกรธ แต่มาริสาไม่อยากจะมามัวเสวนากับอีกฝ่ายอีก จึงสะบัดผมใส่แล้วเดินกระแทกส้นสูงออกไป
“เดี๋ยวสิ” น้ำเสียงจิกกัดของเฟื่องฟ้าทำให้มาริสาหยุดกึก
“ฉันอยากจะเตือนเธอสักหน่อย ในฐานะที่เพื่อนฉันสนิทกับเจ้านายเธอ ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าสองคนนั้นเขากำลังศึกษาดูใจกันอยู่ เธอก็ควรจะถอยห่าง ไม่ใช่ถ่าง...”
อกอีแป้นจะแตก! ไม่นึกไม่ฝันว่าผู้ดีไฮโซอย่างคุณหนูเฟื่องฟ้าจะพูดจาระคายหูจนมาริสารับไม่ได้ขนาดนี้ นี่ว่าจะไม่ต่อปากต่อคำแล้วนะ อดไม่ได้จริงๆ ขอสักดอกเถอะ
“คุณคงจะทำบ่อยล่ะสิคะ ที่พูดออกมาน่ะ ถึงได้รู้ดีนัก”
พูดจบก็เหยียดริมฝีปากใส่อีกฝ่าย ที่ดูจะหน้าร้อนขึ้นมา ปากสั่นเล็กน้อยเพราะคิดคำด่ากลับไม่ทัน โต้กลับไม่ถูก มาริสาล่ะสะใจจริงๆ หญิงสาวเดินออกมาสวยๆ โดยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายกำลังกำมือแน่น ท่าทางอยากจะตบหล่อนใจจะขาด!
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **