“คิ้วจะรกหน่อยก็ไม่ถึงกับตายหรอกน่า”
ว้าย...มาริสาอยากกดไลก์ให้คำนี้ของท่านประธานจัง ยายวิชุดานี่น่าหมั่นไส้ ตัวเองต้องสวยต้องเป๊ะตลอด คิ้วรกขนยุ่บยั่บหน้าเหมือนลิงบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องมาสวยแข่งกับหล่อน
“แต่ยังไงครั้งนี้ก็ถือว่าคุณมาริสามีความผิดอยู่ดีที่ทำให้การประชุมต้องเลื่อน”
ท่านประธานว่าต่อ คราวนี้มาริสาไม่กดไลก์ให้ท่านประธานแล้ว ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อวานเพิ่งจะได้รับใบเตือนพร้อมหักเงินเดือนไป ถ้าหักอีกไม่เป็นอันต้องทำงานฟรีหรอกเหรอเดือนนี้
“ไว้ผมพิจารณาโทษเองครับ” มาวินเอ่ยขึ้น มาริสาตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา รู้สึกกระดากอาย ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมานี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาคิดจะทำโทษหล่อน
“แล้ววินจะจัดการยังไงกับแม่นี่ดีคะ” วิชุดาเหยียดริมฝีปากใส่มาริสา “ย้ายไปทำตำแหน่งอื่นเลยไหม ที่งานหนักๆ เงินเดือนน้อยๆ สงสัยทำเลขาฯ มันจะสบายไป วันๆ ถึงไม่รับผิดชอบแบบนี้”
อย่าให้หล่อนเกิดมาเป็นลูกเจ้าของห้างฯ บ้างแล้วกัน ได้ทีขี่แพะไล่เชียวนะยายนี่!
“ผมบอกแล้วไงครับไว้ผมจะพิจารณา เลขาฯ ผมให้ผมรับผิดชอบเถอะครับ ที่แน่ๆ คงตักเตือน ทุกคนสบายใจได้นะครับ”
“เอาเป็นว่าฝากคุณจัดการคนของคุณด้วยแล้วกัน อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม คุณมาวิน” ท่านประธานกล่าว
“ครับ ต้องขอโทษแทนเลขาฯ ของผมด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ” ท่านประธานว่าก่อนจะหันไปทางผู้อาวุโสอีกสองคน ”ขอโทษคุณสมภพกับคุณสุชาติด้วยนะครับ ที่ทำให้เสียเวลาไปด้วย...”
มาริสาตัวลีบออกจากห้องประชุมไปก่อนใครเพื่อน ไปนั่งรอมาวิน อยู่โต๊ะทำงาน ใจลอยกวาดแป้งฝุ่นที่เลอะเทอะลงถังขยะ รอชายหนุ่มมาตักเตือน ไม่รู้สิ รู้สึกแย่อย่างไรไม่รู้ แย่กว่าโดนวิชุดาหักเงินเดือนเสียอีก โดนตำหนิโดยคนที่ตัวเองแอบชอบมานาน ทั้งยังทำให้เขาเดือดร้อน ที่ว่าจะทำคะแนนให้เขาหันมามอง คงได้คะแนนติดลบไปแทน
มาวินตามออกมา มองมาริสาแวบหนึ่งแล้วหายเข้าไปในห้องทำงาน เขาไม่เรียกหล่อนไปตำหนิอย่างที่คาด
หญิงสาวจึงใช้มุกที่ใช้ประจำ ชงกาแฟไปให้ เคาะประตูส่งสัญญาณก่อนจะเปิดเข้าไป หล่อนเห็นว่าเจ้านายกำลังพิมพ์อะไรอยู่ตรงคอมพิวเตอร์ จึงวางกาแฟลงแล้วพูด
“เรื่องวันนี้ สา...ขอโทษจริงๆ นะคะ ทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย” ในห้องประชุม มาริสาได้ยินเต็มสองหูว่าท่านประธานไม่ได้ต่อว่าหล่อนคนเดียว เหตุนี้หล่อนถึงไม่รอให้เขาเรียกตัวมาตักเตือน แต่เลือกที่จะมารายงานตัวด้วยตัวเอง นี่แหละดีที่สุด
“นั่งก่อนสิครับ” มาวินละสายตาจากจอคอมฯ แล้วผายมือไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ร่างบางหย่อนกายนั่งลง เอื้อนเอ่ยน้ำเสียงประหม่า “คุณมาวิน...จะลงโทษอะไรสาหรือเปล่าคะ”
“ถามตรงจังนะครับ”
อะไรกัน นี่หล่อนซีเรียสนะ ก็ไม่รู้จะอ้อมยังไงนี่ เสียวสันหลังด้วย กลัวจะโดนว่า แล้วยิ่งเขาทำหน้าเคร่งขรึม หล่อนยิ่งจิตตก
“คุณสาทราบใช่ไหมครับ ว่าประสานงานตกหล่นแบบนี้ทำให้เกิดปัญหาตามมา”
“ค่ะ” หล่อนก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว
“ผมไม่ได้อยากตำหนิคุณสาหรอกนะครับ แต่ถ้าครั้งนี้ไม่ตักเตือนก็เห็นทีจะไม่ได้”
มาริสาอายจนหน้าเหลือสองนิ้ว อายจนไม่กล้าสบตาคนนั่งตรงข้าม ทำงานด้วยกันมานาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต้องมานั่งให้มาวินอบรมแบบนี้ ไม่น่าเลยยายสา ไม่น่าทำงานพลาดเลย ไม่คุ้มกันจริงๆ กับที่มัวแต่นั่งเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งวิชุดาจนลืมงานสำคัญ
“สา...ยอมรับผิดทุกอย่างค่ะ คุณมาวินจะลงโทษสายังไงก็ได้”
“ผมไม่ได้อยากลงโทษคุณหรอกครับ" คนเป็นเจ้านายอธิบายพลางลอบถอนใจเบาๆ เขาลำบากใจมากที่ต้องอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นกัน “คิดว่าแค่ตักเตือนครั้งนี้คงพอทำให้คุณปรับปรุงการทำงานได้ ผมจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กับคุณอย่างจริงจังบ้าง ฝ่ายบุคคลกับท่านประธานจะได้ไม่หาว่าผมละเลยต่อหน้าที่ ทำงานหละหลวม”
“ค่ะ สาเข้าใจ” เป็นคนอื่นมาริสาอาจจะกล้าลุกมาเถียงฉอดๆ แต่นี่เป็นมาวิน หล่อนทำแบบนั้นไม่ได้ แค่นี้หล่อนก็รู้สึกว่าเขาไม่ชอบหน้าหล่อนแล้ว หล่อนคงหัวใจสลายถ้าเขาเกิดมีอคติกับหล่อนขึ้นมา
“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ผมอยากให้คุณปรับปรุงการทำงานนะครับ”
มาริสาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขาหมายความว่ายังไง
“เหตุผลหลักๆ คือผมไม่อยากเห็นคุณโดนตำหนิ หรือโดนลงโทษบ่อยๆ อย่างเมื่อวานที่คุณวิชุดาให้ใบเตือนคุณไป ผมเองก็ไม่สบายใจ ถ้าคุณทำผิดบ่อยๆ มีหวังฝ่ายบุคคลได้ขอทำเรื่องย้ายตำแหน่งหรือเลิกจ้างคุณแน่ เราร่วมงานกันมาจนคุ้นเคยกันแล้ว ผมไม่อยากเสียคุณไป”
มาวินรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเข้าสู่โหมดเครียด ซึ่งไม่ใช่สไตล์การทำงานของเขา เขาจึงระบายยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้ใจมาริสาละลายไปกองกับพื้นทันที
เลขาฯ สาวตาเป็นประกายด้วยความซึ้งใจระคนเคลิบเคลิ้ม ‘ผมไม่อยากเห็นคุณโดนตำหนิ...ผมไม่อยากเสียคุณไป’ คำพูดเหล่านั้นจับตรงที่หัวใจหล่อนอย่างจัง เขาใส่ใจไยดีหล่อนขนาดนี้ ที่แท้เขาก็แคร์หล่อนมาก อยากให้หล่อนอยู่กับเขา เป็นห่วงหล่อนมากกว่าห่วงหน้าตาตัวเอง อย่างนี้หล่อนจะถอนตัวถอนใจจากเขาได้อย่างไร
ที่มาวินพูดออกไปนั้นมาจากใจจริง ก็เขาไม่ต้องการเปลี่ยนเลขาฯ บ่อยๆ ในเมื่อมาริสาเป็นคนของเขา เขาก็ควรจะเป็นห่วง ไม่อยากเห็นหล่อนเดือดร้อน เขาไม่ได้คิดกับมาริสาเกินเลยไปกว่าเจ้านายกับลูกน้องหรือคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานกันสักนิด
แต่เดี๋ยว...ยังไม่มีใครกล่าวหาเขาสักหน่อยว่าเขาคิดกับมาริสาเกินเลย จะมีก็แต่การเตที่มาแซว คิดมากไปแล้ว นายมาวิน
ชายหนุ่มกระแอมทีหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ที่ผมเตือนก็เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองทั้งนั้นนะครับคุณสา”
“ขอบคุณนะคะ”
“หวังว่าที่ผมเชิญคุณนั่งคุยวันนี้จะไม่ทำให้คุณคิดมากนะครับ”
โถ...ช่างเป็นเจ้านายที่แสนดี เรียกอบรมทั้งทียังนึกถึงจิตใจอันแสนอ่อนไหวของเลขาฯ สำหรับมาริสา ผู้ชายคนนี้แหละ ว่าที่สามี!
“ไม่เลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณสารีบไปเขียนเมโมให้เสร็จ แล้วไปนัดหมายการประชุมให้ชัดเจนได้แล้วครับ”
“ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวเดินขาแทบจะไม่ติดพื้นกลับออกมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แม้แต่คำต่อว่าด้วยอารมณ์สักคำ เจ้านายคนนี้ก็ไม่เคยมี อย่าแสนดีนักได้ไหม แค่นี้หล่อนก็ยกใจให้หมดแล้ว
มาริสายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว แต่ได้ไม่นาน เจ้าหล่อนก็แทบกรี๊ดใส่กระจกตลับแป้ง คุณพระ! รองพื้นเป็นคราบเชียว เมื่อครู่นี้มาวินจะเห็นไหมเนี่ย โอย น่าอายชะมัด ตอนนี้หล่อนต้องการสเปรย์น้ำแร่กับสำลีเช็ดหน้าด่วน!
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **