มาริสาเสียบคีย์การ์ดพร้อมกับกดรหัสหนึ่งสองสามสี่ห้าหกเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมเย้ายวนจากดอกลาเวนเดอร์ ตามด้วยภาพตรงหน้าที่เต็มไปด้วยเทียนหอมจุดเต็มโต๊ะรับแขกหินอ่อนที่ห้องโถงกลาง
อพาร์ตเมนต์ของมาริสา ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นของภุชิสสะ...พี่ชายต่างแม่ของมาริสา เป็นอพาร์ตเมนต์สองชั้น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราทันสมัยที่เจ้าของเลือกสรรมาอย่างดี ห้องโถงกลางไม่มีข้าวของเช่นนิตยสารผู้หญิง หรือของใช้จุกจิกที่บ่งบอกว่าที่นี่มีผู้หญิงอยู่ด้วย มันเป็นคำขาดของคุณพี่ชายที่แสนดี ถ้ามาริสาจะอาศัยอยู่ด้วย ต้องไม่ทำให้สาวๆ ที่เขาหิ้วมาตั้งคำถามหรือเข้าใจผิดได้ว่าเขามีอีหนู...ทุกอย่างต้องยัดอยู่ในห้องนอนและห้องเก็บเสื้อผ้าของมาริสาหมด
มาริสารู้ดี ถ้าลองจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศแบบนี้ เจ้าตัวก็คงกำลังทำอะไรอยู่ หญิงสาวปรายตาขึ้นไปทางบันไดเวียนที่ไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องนอนของพี่ชาย ที่นั่นเป็นที่ที่เขากิน ‘ของหวาน’ กับสาวๆ
เอาล่ะ หล่อนจะทำอย่างเงียบที่สุด จะไม่ให้ข้างบนรู้ตัวเลยว่ามีใครเข้ามาในห้อง ภุชิสสะมักจะวางมือถือกับกระเป๋าสตางค์เอาไว้ที่โต๊ะข้างโซฟาทุกครั้งที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจกับสาวสวยที่ได้รับเชิญมาที่ห้อง จริงๆ ภุชิสสะ ไลน์มาบอกมาริสาแล้วว่าคืนนี้ให้ไปนอนห้องรุ่ง แต่มาริสาแค่จะแอบมาคืนเครดิตการ์ดที่ ‘ยืม’ มา
ไม่ยาก แค่ย่องให้เบาที่สุด เปิดกระเป๋าออก เสียบบัตรไว้ที่ช่องเดิม จะว่าไปเจ้าของกระเป๋าก็มีบัตรแบบที่มาริสายืมไปอยู่หลายใบ ถ้าหายไปสักใบ ก็คงไม่สังเกตหรอก ภุชิสสะไม่ใช่ผู้ชายที่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ผู้เป็นน้องเองก็สงสัยว่าถ้าบัตรเกิดถูกขโมยไปจริงๆ กว่าจะรู้ตัวแล้วโทร.อายัด เงินคงเกลี้ยงบัญชีไปก่อน
แต่ในกรณีของหล่อนอย่าเรียกว่าขโมย เรียกว่าแบ่งกันใช้จะดีกว่า ตั้งแต่เด็กเวลาพ่อซื้ออะไรมาก็ให้ทั้งคู่แบ่งกันตลอด กะอีแค่เงินในบัญชี ทำไมจะแบ่งบ้างอะไรบ้างไม่ได้ งานด้านอสังหาริมทรัพย์ของพี่ชายหล่อนทำรายได้เดือนๆ หนึ่งเรือนแสน ถึงกับขนาดมีอพาร์ตเมนต์หรูอยู่ได้ เปย์สาวได้ไม่ซ้ำหน้า นี่ยังไม่รวมมรดกอู้ฟู่จากญาติฝั่งแม่ของชายหนุ่มอีก
“เธอเป็นใครอะ”
มาริสาสะดุ้งจนทำกระเป๋าสตางค์ของพี่ชายหล่นหลุดมือไปอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม พูดถึงสาว สาวก็มา เจ้าหล่อนมองมาริสามาจากขั้นบันไดเวียน สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น
“เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง ยอชต์คะ แม่นี่ใครกัน”
ภุชิสสะถลันออกมาจากห้องนอน เสื้อผ้าไม่ได้มากชิ้นไปกว่าสาวตรงหน้า แล้วก็ทำตาโตใส่มาริสา ปากขมุบขมิบว่าก็ไลน์ไปบอกแล้วไม่ใช่เหรอ แต่พอสาวสวยข้างๆ หันมามองก็รีบพูดขึ้น
“อ้อ มาริสา น้องสาวผมเองน่ะครับ”
“นี่เหรอคะ มาริสาที่ยอชต์พูดถึง ทำไมยอชต์ไม่บอกลิต้าล่ะคะว่าน้องสาวคุณอยู่ร่วมห้องด้วย”
มาริสาเบ้ปาก แม่นี่พูดจาไม่ค่อยเข้าหูหล่อนเลยแฮะ
“อ้อ เปล่าครับ ยายสาคงแค่แวะมาเอาของ” บอกอย่างนั้นแล้วก็หันมาทางมาริสา “ใช่ไหมสา ทำไมจะมาไม่โทร.มาบอกก่อนสักหน่อยล่ะ”
“งั้นลิต้ากลับก่อนก็ได้ค่ะ” สาวสวยที่ชื่อลิต้านั่นทำท่าทางกระเง้า กระงอด เดินสะบัดผมกลับเข้าไปในห้องนอน ร้อนถึงภุชิสสะต้องรีบตามก้นสาวไปดิ๊กๆ แล้วหลังจากนั้นก็คิดภาพต่อได้เลยว่าคงมีการอ้อนการง้อกันพอดู
คนอื่นเห็นคงว่าน่ารัก แต่สำหรับมาริสา หล่อนเห็นภาพแบบนี้จากพี่ชายบ่อยแล้ว เดือนหนึ่งพี่หล่อนพาสาวมาค้างด้วยไม่ต่ำกว่าสามสี่คน คนที่คุยๆ อยู่ก็มีอีกนับไม่ถ้วน
สองสามนาทีต่อมา ทั้งชายหนุ่มหญิงสาวก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากห้องด้านบน ฝ่ายหญิงขอตัวกลับก่อนโดยปฏิเสธไม่ให้เจ้าของห้องไปส่งอีกด้วย
“มานี่เลยยายสา พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าคืนนี้มีแขก” ปิดประตูส่งแขกปุ๊บพี่ชายหล่อนก็เหวี่ยงใส่ปั๊บ
“รู้ แต่สาแค่เข้ามาหาแฟลชไดรฟ์นิดเดียว ตั้งใจจะเข้ามาเงียบๆ แล้วไป” เรื่องอะไรจะบอกว่ามาคืนบัตรที่ขโมย เอ๊ย...ยืมไป ไม่มีทาง “แต่ไหนๆ ผู้หญิงของพี่เขาไปละ สาคงไม่ต้องไปนอนห้องยายรุ่งแล้วนะ”
“เออ!” ก็อยากจะด่าแม่น้องสาวตัวดีสักยกที่มาเป็นมารคอหอย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยตามเลย
มาริสาเดินนวยนาดไปที่ห้องนอนตัวเองซึ่งอยู่สุดทางเดินชั้นหนึ่ง กะจะอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัว ทว่าได้ยินเสียงพี่ชายเรียกอีกรอบ
“เดี๋ยว เราว่ายอดชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตพี่มันเว่อร์ไปปะ เดือนนี้ต้องจ่ายตั้ง...”
มาริสาใจหล่นวูบ นึกถึงเศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตัวเองเอาเข้าเครื่องรีไซเคิลที่ทำงาน ลืมไปว่าภุชิสสะหันมารับใบแจ้งชำระทางมือถือแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หล่อนก็ปั้นหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปตอบอีกฝ่าย
“อะไรกัน เดือนหนึ่งๆ พี่ใช้เงินยังกับน้ำ จำนวนแค่นี้อะ ธรรมดา”
ภุชิสสะยักไหล่ “ไม่รู้สิ ตะบันใช้ยังไงยอดก็ไม่น่าเว่อร์มาขนาดนี้ เหมือนมีคนขโมยไปใช้”
มาริสาสะดุ้งเล็กน้อย แต่ริมฝีปากยังยิ้มกว้าง “แหม...จะเป็นไปได้ยังไง บัตรก็อยู่กับพี่ตลอดเวลา แล้วใครจะไปรู้รหัสผ่านห้องพี่ได้”
“แล้วตัวเลขมันมาจากไหนเยอะแยะวะ ไหนจะรายการต่างๆ ยาวเป็นหางว่าว”
มาริสากลืนน้ำลายดังอึก ก่อนตอบไป “ก็เดือนที่แล้วพี่พายาย...เชอรี่ อะไรนั่นไปช็อปปิงใช่ไหม”
“ใช่ แต่ก็ไม่น่าจะจ่ายเยอะขนาดนั้นนะ...”
“แล้วก็พายายแตงโมไปล่องเรือสองต่อสองนั่นด้วย”
“แต่นั่นพี่จำได้ว่าไม่ได้ใช้บัตรทอง”
“เอ้า พี่อาจจะจำผิดก็ได้” มาริสาทำสีหน้าขึงขัง พยายามทำเสียงให้น่าเชื่อถือที่สุด “นี่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าเช็กแล้วเห็นว่ารายการต่างๆ เป็นของของผู้หญิง ก็ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก รายการมันถูกต้องแล้ว สายเปย์ไม่ใช่เหรอ พี่อะ”
“เออๆ หลังๆ พาสาวไปช็อป ซื้อของแบรนด์แจก รูดไปก็ไม่ค่อยจะเช็กราคาเท่าไร คงเพราะงั้นแหละ”
“อืม นั่นแหละ” หญิงสาวรีบเห็นด้วย แล้วเดินไปหาพี่ชาย ดุนหลังให้ขึ้นบันไดไป “เอาน่า พักผ่อนเถอะ แก่แล้ว คิดเล็กคิดน้อย จุกจิก”
“ใครแก่ นี่แค่เพิ่งจะสามสิบ” อีกฝ่ายโต้กลับบ้าง แต่ก็ยอมขึ้นบันได แล้วหายเข้าห้องนอนตัวเองไป
มาริสาถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก สงสัยหล่อนคงต้องหยุดช็อปปิงสักพักแล้ว ไม่อย่างนั้นมีหวังโดนจับได้
“เดี๋ยวอีกเรื่อง”
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **