พอพ้นเขตรั้วบ้าน พยาบาลสาวก็เร่งฝีเท้าเร็วๆ แล้วเดินไปขึ้นรถเก๋งสีขาวที่จอดอยู่ข้างทาง จากนั้นหล่อนก็ปลดหน้ากากอนามัยออก
ญานีนในใบหน้าวิรัลยานั่นเอง และเจ้าของรถก็คือไอศูรย์ ที่ตกลงจะช่วยสอนงานให้หล่อนแล้ว
ไอศูรย์ขับรถไปตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้ โดยมีญานีนในใบหน้าวิรัลยานั่งอยู่บนเบาะข้างๆ เขา ทั้งสองไม่มีคำสนทนาใดๆ ระหว่างกันเพราะ ญานีนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ภาพเหตุการณ์ในวันที่วิรัลยาบุกมาหาหล่อนที่บ้านอัคนีย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของหล่อนอีกครั้ง หล่อนจะไม่มีวันลืมมันเป็นอันขาด ในทางกลับกัน หล่อนจะยิ่งจดจำและคิดถึงมันขึ้นมาบ่อยๆ
ยิ่งคิดจะได้ยิ่งแค้น!
‘ฉันขอบใจเธอมากที่อุตส่าห์เปิดคลิปให้ฟัง แต่ฝากไปบอกพี่เดี่ยวด้วยว่าถ้าเขาอยากหย่า ให้มาพูดกับฉันตรงๆ’
‘อ้อ นี่แกคงไม่เชื่อที่ฉันพูดสินะ ทำไม แกคิดว่าฉันโกหกเหรอ แกคิดว่าน้ำหน้าอย่างแกพี่เดี่ยวจะรักได้จริงๆ เหรอ โง่ก็โง่ ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง หัวสมองนิ่มยังกับเยลลี่ อย่างมากเขาก็เอาแกไว้บนเตียงเท่านั้นแหละ อ้อ ก็ไม่ใช่อีก เพราะเรื่องบนเตียงของแกก็คงจืดชืดเหมือนตัวแกนั่นแหละ’
‘ออกไปจากบ้านฉันนะหนึ่ง ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ’
‘ให้ตำรวจมาจับเจ้าของคนใหม่งั้นเหรอ ที่นี่มันควรจะเป็นของฉัน ห้องนอนนี้ เตียงนี้ ก็ของฉัน’ แล้ววิรัลยาก็ก้าวฉับๆ ไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดของหล่อนออกมาแล้วปาลงพื้น
“เสื้อผ้าไร้รสนิยมแบบนี้ไม่ควรอยู่ในบ้านของฉัน’
‘หยุดนะหนึ่ง หยุด!’ หล่อนร้องห้ามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้
‘แกเอาของของแกออกไป ฉันจะขนของของฉันมาไว้’ ตอนที่พูดมือก็ยังสาละวนหยิบเสื้อผ้าหล่อนออกมา จนมาถึงชุดเดรสลายลูกไม้สีครีมสวยสะดุดตาตัวหนึ่ง ศัตรูของหล่อนก็ชะงัก มองมันอย่างพินิจพิจารณาแล้วจึงเอ่ยชื่อแบรนด์เสื้อผ้าชุดนั้นออกมา ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยชื่อดังระดับโลก
‘เอาชุดฉันมานะ’
หล่อนตรงเข้าไปแย่ง เพราะชุดนี้อัคนีซื้อให้หล่อนเป็นของขวัญวันเกิด และหล่อนก็ตั้งใจจะใส่มันในวันเกิดของเขาที่จะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ด้วย
แต่วิรัลยาเอาชุดนั้นหลบไปทางอื่น
‘พี่เดี่ยวซื้อให้เหรอ’ น้ำเสียงที่ถามกลับมานั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา แล้วก็ทำในสิ่งที่หล่อนคาดไม่ถึง นั่นคือการถอดชุดตัวเองออก เหลือแต่ชุดชั้นใน
‘เธอจะทำอะไรน่ะ หนึ่ง อย่านะ!’ หล่อนกระโจนเข้าไปเพื่อแย่งอีกครั้ง แต่คราวนี้วิรัลยาผลักหล่อนแรงๆ จนล้มไปบนกองผ้าที่กองอยู่บนพื้น จากนั้นก็จัดการสวมชุดนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็พอดีจนน่าใจหาย เพราะหล่อนกับวิรัลยาหุ่นพอๆ กัน
หล่อนพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่วิรัลยาก้าวมาผลักให้ล้มลงอีกครั้ง แล้วจับมือขวาหล่อนให้ราบไปกับพื้น
‘ปล่อยฉันนะ เธอจะทำอะไรน่ะ’
‘ถามเป็นคำเดียวหรือไง จะทำอะไรๆ คนโง่งี่เง่าเบาปัญญาอย่างเธอ ไม่คู่ควรกับพี่เดี่ยว ชุดนี่ แหวนนี่ ต้องเป็นของฉันถึงจะถูก!’ จากนั้นวิรัลยาก็ถอดเอาแหวนแต่งงานจากมือหล่อนไปจนได้ แล้วสวมฉับลงบนนิ้วนางข้างขวาของตน
‘เห็นไหม เหมาะกับฉันมากกว่า ทั้งเสื้อผ้า ทั้งแหวน แล้วก็พี่เดี่ยว’
‘เธอมันบ้า’ หล่อนลุกขึ้นจนสำเร็จ แล้วเดินเข้าไปทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำมาก่อน นั่นคือการตบหน้าศัตรูแรงๆ จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
‘ฉันจะไปถามพี่เดี่ยวด้วยตัวฉันเอง’
หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะไปหาอัคนีอย่างที่พูดหรอก แต่คิดจะกลับบ้านยายต่างหาก ถึงวิรัลยาจะดูบ้าไปแล้ว แต่หล่อนก็เชื่อไปเกินครึ่งแล้วเช่นกันว่าอัคนีต้องการหย่ากับหล่อนจริงๆ เขารักกับวิรัลยามานานหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่จะหมดรักเร็วขนาดนั้น ไหนจะเสียงในคลิปนั่นอีก ใจหนึ่งอยากจะคิดว่าวิรัลยาตัดต่อเสียง แต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นคนโง่ที่เฝ้ารักเฝ้าเชื่อมั่นในตัวเขาให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกอีกต่อไป
ทว่า...สิ่งที่หล่อนไม่คาดคิดยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นตามมา
วิรัลยายังคงกัดหล่อนไม่ปล่อย ขับรถตามออกมาจากบ้านอัคนีด้วย และพยายามจะขับรถชนรถหล่อนมาตลอดเส้นทางราวกับตั้งใจให้หล่อนตาย!
หล่อนตัดสินใจขับรถเบี่ยงเข้าเลนสวนกะทันหัน เพราะเห็นว่าถนนว่าง วิรัลยาที่ตามหลังมาเลี้ยวตามไม่ทัน จึงได้แต่วิ่งตีคู่ โดยมีเกาะกลางถนนขวางไว้ หล่อนจำได้ว่าอีกไม่ถึงห้าร้อยเมตรเป็นสี่แยกใหญ่ จึงตั้งใจจะเลี้ยวขวาแล้วหนีไปให้เร็วที่สุด แต่โชคไม่เข้าข้าง รถของหล่อนดับ และวิรัลยาก็เลี้ยวตามมาทัน
โครม!
“คุณหนึ่ง...” เสียงเรียกข้างๆ ทำให้ภาพเหล่านั้นหายวับ
“ถึงแล้วครับ”
ญานีนเงยหน้ามองออกไปนอกกระจกรถ แล้วต้องพบว่า ตอนนี้รถของไอศูรย์จอดอยู่หน้าคอนโดมิเนียมโครงการหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“นี่คอนโดฯ ของผมเอง หวังว่าคุณคง...ไม่รังเกียจ”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ก็ฉัน เอ่อ ตกลงกับคุณไว้แล้วว่าจะให้คุณช่วย...แต่ถ้าฉันมารบกวนคุณ จะให้ฉันหาที่พักที่อื่นก็ได้นะคะ”
“ได้ไงล่ะคุณหนึ่ง คุณจำเป็นต้องมีคนดูแลที่ไว้ใจได้ และผมก็ไม่ไว้ใจใคร”
หญิงสาวส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มซึ้งใจ
“เซนส์ของฉันไม่เคยพลาดจริงๆ คุณเป็นคนดีและคุณก็ดีกับฉันมาก...ขอบคุณนะคะ”
“ขึ้นไปดูห้องกันดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าพออยู่ได้ไหม”
ไอศูรย์ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ ผู้ชายคนนี้เป็นคนยิ้มสวย เขายิ้มทั้งตาทั้งปาก และตอนนี้ใจของเขาก็คงกำลังยิ้มเช่นกัน เพราะได้ใกล้ชิดผู้หญิงที่เขาคิดว่า ‘เป็นคนที่เขารัก’ ทั้งทีนี่นา...
----------
คอนโดฯ ของไอศูรย์อยู่ชั้นสิบสอง เป็นห้องขนาดสามสิบห้าตารางเมตร มีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น ซึ่งห้องนอนนี้อยู่ติดแม่น้ำ มีระเบียงยื่นออกไปชมวิวได้
“ฉันมาทำให้คุณลำบากจริงๆ ด้วย”
ญานีนเอ่ยอย่างเกรงใจเมื่อเขาบอกว่าจะไปนอนที่โซฟาในส่วนของห้องรับแขก
ไอศูรย์กำลังเก็บเสื้อผ้าบางส่วนของตัวเองออกจากตู้เสื้อผ้า ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มสวยให้หญิงสาวอีกเช่นเคย แต่คงเป็นความเคยชินที่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ตัว
“นี่ถ้าเป็นคุณหนึ่งคนก่อนจะไม่พูดแบบนี้แน่ๆ”
ญานีนแกล้งเบิกตากว้าง “เหรอคะ ถ้าเป็นหนึ่งคนก่อนจะพูดยังไงเหรอ”
“คุณก็จะบอกแค่ว่า ขอบใจมากนะ”
“โอเคค่ะ ฉันจะพยายามเป็นฉันคนเดิมให้ได้...ขอบใจนะไอศูรย์”
หล่อนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยประกอบการพูด นั่นทำให้ไอศูรย์หัวเราะ ซึ่งญานีนก็ต้องยอมรับอีกครั้งว่าเวลาหัวเราะ เขาก็ดูดีมากเช่นกัน
“คุณหนึ่งเรียกผมว่าไอซ์”
“อ้อ ไอซ์ ตกลงค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันช่วยหยิบของนะ”
“คุณนั่งเฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ฉันนอนเฉยๆ มาหลายเดือนแล้ว แขนขาลีบหมดแล้ว ให้ฉันออกแรงบ้างเถอะ” หล่อนทำเสียงอ้อนๆ เล็กน้อย
คราวนี้เขาไม่ห้าม ก่อนหน้านี้คงลืมนึกถึงข้อนี้ไป
ระหว่างที่ช่วยกันจัดห้องนอนของเขานั้น ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
เจ้าของห้องเป็นคนออกไปดู สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมด้วยเสื้อผ้าผู้หญิงหนึ่งราวใหญ่ มีทั้งชุดใส่ออกข้างนอก ชุดทำงาน ชุดอยู่บ้าน และชุดชั้นใน ญานีนเบิกตากว้าง
“คุณนี่มันป๋าชัดๆ เลยคุณไอซ์”
“คุณผอมไปจากเดิมมาก ผมไม่รู้ว่าคุณจะใส่มันได้หรือเปล่า ทั้งหมดนี้ผม...กะๆ เอา” ตอนที่พูดเขาเหลือบตาไปยังชุดชั้นในด้วย ญานีน มองตามแล้วก็อดเขินจริงๆ ไม่ได้ แต่หล่อนไม่พูดอะไร นอกจากพิจารณาเสื้อผ้าบนราวอย่างสนใจ แม้มันจะไม่ใช่แบบที่หล่อนชอบ แต่ก็ยอมรับว่าจัดเป็นชุดที่สวยเหมาะกับวิรัลยามาก
กว่าจะจัดข้าวของกันเสร็จเรียบร้อย แล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เป็นเวลาเย็นพอดี ไอศูรย์โทร.สั่งอาหารจากร้านชื่อดังให้มาส่งที่ห้อง โดยทั้งคู่เลือกนั่งตรงระเบียงห้องนอน ชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยา
แม้ภายในใจหญิงสาวจะหนักอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำและจะทำ ในอนาคต แต่ก็ยอมรับว่า ลมเย็นๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนแสงสีสวย งามจากบรรยากาศโดยรอบในยามค่ำคื่น ช่วยให้คนที่โดนขังในห้องแคบๆ มาเป็นเวลาครึ่งปีอย่างหล่อน รู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระขึ้นมาก
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” ไอศูรย์ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามหล่อนถามขึ้น
“ดีใจที่ตัวเองฟื้นขึ้นมาน่ะค่ะ ดีใจที่วันนี้ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ได้มองท้องฟ้า มองไฟ ได้ยินเสียงสิ่งรอบข้าง ได้กลิ่นอาหาร...” เสียงหล่อนเครืออย่างยากจะห้าม
“รู้สึกเหมือนเกิดใหม่เลย”
ชายหนุ่มมองหล่อนอย่างเห็นใจ
“ผมเองก็ดีใจมาก นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคุณอีกแล้ว...เอาละ ถ้าอย่างนั้นคุณทานเยอะๆ นะ ร่างกายจะได้แข็งแรงเร็วๆ คุณจำเป็นต้องฟื้นความทรงจำให้เร็วที่สุดหรือไม่ก็กลับเข้าไปทำงานให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
“มีอะไรเหรอคะ”
ไอศูรย์เงียบไปคล้ายลังเลครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างระมัดระวัง
“คุณมีน้องสาวต่างแม่คนหนึ่ง ชื่อคุณญานีน คุณสองคนเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก และตอนนี้ คุณญานีนเธอก็กำลังมีบทบาทในเรื่องงาน รวมถึงส่วนของคุณด้วย”
ญานีนพยักหน้าช้าๆ ทำท่าใช้ความคิดไปด้วยเพื่อความเนียน
“แล้วเรื่องความรักล่ะคะ”
“เขาชื่อคุณอัคนี เขาเคยรักอยู่กับคุณ แต่ตอนหลังเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณญานีน...”
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **