“นั่งลง อ่าน แล้วเซ็นรับทราบซะ”
มาริสาเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ทำงานฝั่งตรงข้ามวิชุดา ก้มมองเอกสารใบนั้น จั่วหัวตัวใหญ่ หนังสือตักเตือนพนักงาน ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร ตั้งแต่ทำงานมาก็เจอไปหลายใบแล้ว จนคร้านจะหวังถึงโบนัสปลายปีและการเพิ่มเงินเดือน คราวนี้คดีอะไรอีกล่ะ
“เธอเบียดบังเวลางานเอาไปทำอย่างอื่น เข้างานก็สาย แล้วยังปฏิบัติต่อลูกค้าของห้างฯ ไม่สุภาพด้วย” คุณเปี่ยมสุขอธิบายอย่างเป็นทางการ
มาริสาเงยหน้าขึ้นมองหน้าสวยๆ ของวิชุดา ไม่ใช่อะไร ประเด็นหลักก็คือเพื่อนสาวของกรรมการผู้จัดการห้างฯ ถูกสบประมาท แล้วมาริสาก็ปรายตามองไปที่คนที่นั่งไขว่ห้างจิบน้ำส้มอย่างหมั่นไส้ แม่นั่นไม่เหมาะกับน้ำนางเอกสักนิด
“ถึงฉันจะไม่ใช่เจ้านายของเธอโดยตรง แต่ถ้ารอให้วินลงโทษเธอ เธอคงไม่ได้รับโทษสักที ครั้งนี้ฉันอยากจะตักเตือนเธอเป็นลายลักษณ์อักษรหน่อย จะได้หลาบจำ” วิชุดาพูด วางมาดลูกสาวเจ้าของห้างฯ เต็มที่ “ให้รู้ไว้ว่าลูกค้าทุกคนของห้างฯ จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ไม่ใช่ไปละเมิดถ่ายรูปประจานลูกค้าแบบนั้น”
“แต่คุณเฟื่องฟ้า...”
“ไม่ต้องมาเถียง” วิชุดาแทรกขึ้นทันที “ฉันเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว และเห็นพฤติกรรมเธอทุกอย่าง จริงๆ ฉันอยากจะไล่เธอออกหลายครั้งแล้ว แต่คุณพ่อใจอ่อนตลอด แล้ววินก็ไม่เคยลงมือทำอะไรกับเธอเลย ฉันก็ขี้เกียจเถียงกับทั้งสองคน เอาเป็นว่าครั้งนี้เธอเซ็นรับทราบซะ แล้วไม่ต้องตกใจนะ ถ้าเงินโอนเข้าบัญชีเธอเดือนนี้จะขาดๆ หายๆ ไปบ้าง”
มาริสาตาโต ก้มอ่านหนังสือตักเตือนตรงหน้า ข้ามส่วนต้นๆ ไปถึงส่วนที่เป็นบทลงโทษ อะไรกัน ปกติที่หล่อนได้ก็มักจะเป็นแค่ใบเตือนธรรมดา ให้เป็นหลักฐานว่านี่น่ะ เตือนแล้วนะ มีเอกสารยืนยัน ไม่ได้เป็นใบยินยอมให้หักเงินเดือนหรืออะไร คราวนี้เล่นแรงแบบนี้เลยเหรอ
แล้วเลขาฯ สาวก็ตาโตเพิ่มอีกเบอร์โดยไม่ต้องใช้บิ๊กอาย หักเงินเดือนสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเวลาสองเดือน จะบ้าเหรอ! เดือนเดียวก็แทบกินแกลบแล้วนะ นี่ล่อไปสองเดือน หล่อนมองหน้านังลูกสาวท่านประธานอย่างไม่เชื่อสายตา
“สามสิบเปอร์เซ็นต์ สองเดือน มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ” ใช่! ไม่มีทาง มาริสาจะไม่ยอมเซ็นเอกสารบ้านี่เด็ดขาด รอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนเถอะ หล่อนถึงจะเซ็น
“ไม่เซ็นก็ตามใจนะ ฉันก็จะเสนอเรื่องกับทุกฝ่ายเท่าที่อำนาจฉันจะทำได้ ให้เธอกลับไปเป็นพนักงานฝ่ายพีอาร์เหมือนเดิม ดีไหมคะ...คุณเปี่ยมสุข” วิชุดาหันไปหาแนวร่วม ซึ่งคนยืนข้างๆ ก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย เนื่องจากตั้งแต่ทำงานฝ่ายบุคคลมา ไม่เคยพบเคยเจอใครทำตัวมีปัญหาเท่าแม่เลขาฯ คนนี้ เปี่ยมสุขก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิงถึงได้เห็นดีเห็นงาม เห็นชอบร่วมกับมาวินให้มาริสามาเป็นเลขาฯ ตั้งแต่แรก
มาริสาอยากจะกรีดร้องนัก แม่วิชุดาบ้าอำนาจจริงๆ แล้วไหนจะยายเฟื่องฟ้า ที่ตอนนี้นอกจากยิ้มอย่างคนเหนือกว่าแล้ว ยังมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ตามมาอย่างผู้ชนะ
เงินเดือนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ สองเดือน อาจจะกินแกลบชั่วคราว แต่ก็ยังได้ใกล้ชิดมาวินทุกวัน ไม่อิ่มท้องแต่พออิ่มอกอิ่มใจได้ แต่ถ้าโดนเด้งกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมละก็ หล่อนคงแทบไม่ได้เจอหน้ามาวินอีกเลย ไหนจะเงินเดือนลดไปอยู่ที่ขั้นแรกที่มาทำงานใหม่ๆ แบบถาวร
เอาวะ! เซ็นก็เซ็น
แม้จะขมขื่นใจเต็มประดาขณะที่ลากปากกาเซ็นชื่อตัวเอง แต่มาริสาก็กล้ำกลืนจนเซ็นเอกสารเสร็จ
“ก็แค่นั้น” วิชุดารีบหยิบเอกสารส่งให้คุณเปี่ยมสุข แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เก็บเอาไว้เองในตู้ข้างโต๊ะทำงานของตัวเอง พร้อมล็อกกุญแจอย่างดีราวกับกลัวหาย ถ้าเป็นคนอื่นเซ็นหล่อนไม่กลัวหรอก แต่นี่เป็นยายมาริสา นังตัวดี อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!
“หวังว่าเธอจะไม่ทำผิดซ้ำอีกนะ เพราะถ้าเห็นอีกฉันจะลงโทษให้หนักกว่านี้ คอยดู อ้อ เกือบลืม เอามือถือเธอมาด้วย ฉันจะลบรูปเพื่อนฉันทิ้ง”
มาริสาชักสีหน้า แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใส่รหัสผ่านมือถือแล้วยื่นให้อีกฝ่ายเอาไปลบรูปทิ้ง
“เสร็จธุระก็รีบไปกันเถอะดา” เฟื่องฟ้าพูดพลางลุกขึ้น “เดี๋ยวจะไปทำเล็บกันสาย ช่างคนนี้ยิ่งคิวทองอยู่ด้วย”
วิชุดาโยนมือถือของมาริสาลงบนโต๊ะทำงาน ขอเน้นคำว่า ‘โยน’ ตัวโตๆ แล้วก็เก็บลูกกุญแจไว้ที่กระเป๋าตัวเองพร้อมกับบอกคุณเปี่ยมสุขว่า ตั้งแต่นี้กรณีพฤติกรรมของมาริสา ให้เจ้าหล่อนเป็นคนดูแลโดยตรงจะดีกว่าผ่านฝ่ายบุคคล จากนั้นก็ก้าวฉับๆ ไปหาเพื่อนสาว แต่ไม่วายยังหันหลังมาพูดอีกว่า
“อ้อ มาริสา อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดยังไงกับวิน เธออย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย เมื่อกี้ฉันให้เบญญาภาเช็กไปที่ห้องอาหารโรงแรมแล้ว ปรากฏว่าเธอยังไม่โทร.จองจริงๆ เบญญาภาเลยจัดการแทนเรียบร้อย ต่อไปฉันจะไม่ไว้ใจให้เธอดูแลตารางเวลาส่วนตัวของวินอีกแล้ว รู้ตัวไว้ด้วย”
พูดจบก็เดินหัวเราะคิกคักออกไปพร้อมกับเฟื่องฟ้า คุณเปี่ยมสุขเดินตามหลังออกไปไม่ห่าง เมื่อแน่ใจว่าทุกคนออกไปพ้นแล้ว มาริสาทนไม่ไหวแทบอยากจะกรี๊ดออกมาลั่นห้องทำงาน อย่าให้ขโมยกุญแจตู้เก็บเอกสารได้นะ แม่จะเอาใบเตือนทุกใบที่แม่ได้มา ฉีกทิ้งลงชักโครกให้หมด
กรี๊ดดดดดดด!
----------
ห้องอาหารโรงแรมที่วิชุดาให้เลขาฯ ส่วนตัวจัดการจองอยู่ชั้นดาดฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ เสิร์ฟอาหารนานาชาติและบรรยากาศดีเป็นที่หนึ่ง มีไวโอลินมาบรรเลงให้ส่วนตัวข้างโต๊ะขณะจิบไวน์รออาหารมาเสิร์ฟ มาวินนั้นไม่สั่งอะไรมากเพราะเขากินไปเยอะแล้วที่โรงแรมกับลูกค้า เขาจึงสั่งแค่น้ำเปล่ากับอาหารจานหลักจานเดียว
“มาดินเนอร์ที่นี่บ่อยๆ ไม่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเหรอครับดา” ชายหนุ่มถาม
“ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวตอบพลางจิบไวน์รสเลิศ “เราไปดินเนอร์กันหลายที่ แต่ยังไม่มีที่ไหนที่ดาประทับใจเท่าที่นี่ วินก็รู้นี่คะ สำหรับดา ทุกอย่างต้องเพอร์เฟกต์ ต้องเป็นของที่ดีที่สุด” อย่างชายหนุ่มตรงหน้าหล่อนนี้ หล่อนก็สแกนมาอย่างดีแล้วว่าสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่มีอะไรน่าภูมิใจไปกว่าเห็นสายตาอิจฉาของบรรดาสาวๆ คนอื่นอีกแล้ว
วิชุดามองหน้าผู้ชายที่หล่อนหมายมาดจะเอามาเป็นแฟนผ่านแสงเทียนบนโต๊ะอาหาร รูปหล่อ ตำแหน่งการงานดี พ่อแม่ก็ฐานะดี ความสามารถก็มีมากมาย ไม่แปลกที่ยายมาริสานั่นจะตาลุกวาว แต่หล่อนไม่แคร์หรอกนะ เพราะถ้านังเลขาฯ กระจอกนั่นแน่จริง มาวินก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้
มาวินล้วงกระเป๋ายื่นแบงก์แดงให้เป็นทิปกับนักไวโอลินสองใบ อีกฝ่ายโค้งคำนับอย่างสวยงามแล้วจากไป ก่อนที่อาหารออร์เดิฟวร์จะมาเสิร์ฟเป็นจานแรก ซีฟู้ดจานกระจุ๋มกระจิ๋มแต่แพงหูฉี่
“เมื่อกลางวันไปทานอะไรกับคุณเฉินมาล่ะคะ”
“คุณเฉินเขาออกปากจะเลี้ยงมื้อกลางวันผมน่ะครับ เลยต้องให้เขาเป็นฝ่ายเลือก เราไปกินบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นกัน”
“ของโปรดวินเลยสิคะ”
“ใช่ครับ กินไปเยอะเลย” มาวินตอบไปเพียงแค่นั้น ไม่ได้เสริมด้วยว่ายังอิ่มมาถึงตอนนี้ เพราะวิชุดาคงจะเสียน้ำใจ ชวนเจ้าหล่อนมาดินเนอร์ทั้งที แต่ตัวเองไม่ได้หิว แต่ก็นะ อาหารญี่ปุ่นของชอบเขานี่ ได้จัดฟรีทั้งที เลยกินไม่ยั้ง
“แล้วอยู่ๆ ทำไมคุณเฉินมาเลี้ยงวินล่ะคะ ปกติต้องเป็นฝ่ายเราสิที่ต้องเลี้ยงเขา”
“เผอิญฝ่ายคุณเฉินเขาเป็นคนเปลี่ยนตารางนัดไปมาน่ะครับ เขาเลยอยากเลี้ยงขอโทษ”
“อ้อ แม่มาริสานั่นก็เลยรับนัดกลางวันให้สินะคะ” แล้วสีหน้าของวิชุดาก็งอง้ำด้วยความขัดใจเมื่อนึกถึงฝ่ายนั้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างเสียมิได้ “ที่จริงเลขาฯ วินจะปฏิเสธนัดวันนี้ไปก็ได้ รู้ทั้งรู้ว่าวินมีนัดกับดาแล้ว”
“ไม่เอาสิครับดา อย่าทำหน้าแบบนั้น” ชายหนุ่มตักหอยเชลล์อบชีสทั้งตัวใส่จานให้หล่อนอย่างเอาใจ “ผมก็พาดามาดินเนอร์แล้วไง”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงดาก็อารมณ์ไม่ดีไปตลอดบ่ายเพราะวินไม่รักษานัด แค่ดินเนอร์มื้อเดียว ไม่พอหรอกนะคะ” วิชุดาทำเป็นเชิดจมูกใส่อย่างพองาม หล่อนอารมณ์ไม่ดีก็จริง แต่พอเฟื่องฟ้าพาไปทำสปาเล็บ หล่อนก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว...แต่เรื่องอะไรต้องบอกเขาเล่า
“งั้นสองมื้อดีไหม” มาวินบอกยิ้มๆ “อะ สามก็ได้ อย่าโกรธเลยนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวอ่อนลง ใส่จริตแบบที่ฝึกมาหน้ากระจกอย่างดี “สามก็สาม แต่คงไม่สามมื้อติดนะคะ เพราะดาคงเบื่อแย่”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอชิมออร์เดิฟวร์ที่ดาสั่งหน่อยนะ” แม้จะไม่ได้หิว แล้วอาหารฝรั่งแพงๆ แบบนี้เขาก็ไม่ค่อยพิสมัย เพียงแต่วิชุดาชอบมาก มาวินเลยไม่อยากขัดใจ กินเป็นเพื่อนสักหน่อย
“พูดถึงเรื่องเมื่อบ่ายนี้ วินรู้ไหมคะ ว่าแม่มาริสานั่นก่อเรื่องอีกแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ตั้งแต่ร่วมงานกันมา เลขาฯ ของเขามีคดีทุกสองสามวัน แต่เขาก็ยังอดฉงนไม่ได้
“เอาเวลางานไปช็อปปิงค่ะ แถมพาเลขาฯ คุณพ่อไปด้วย แล้วยังละลาบละล้วงถ่ายรูปลูกค้าของห้างฯ อีก แย่มากๆ เลยค่ะ นี่ดาก็ให้ใบเตือนไปแล้ว”
ใบเตือนอีกแล้วเหรอ...มาวินนึกขำ ตลอดเวลาที่ร่วมงานกัน มาริสาได้ใบเตือนไปกี่ใบแล้วนะ เขาก็ไม่ว่างมานั่งนับด้วยสิ ฝ่ายบุคคลก็ขยันให้เหลือเกิน แต่เขาไม่เคยให้หล่อนเลยสักใบ จนทุกคนต่างกุมขมับ ไม่เข้าใจว่าเขาทนหล่อนได้อย่างไร แต่ส่วนตัวสำหรับชายหนุ่มแล้ว มาริสาก็ไม่ได้แย่อะไรนักจนเขาต้องมาทน อาจจะทำงานไม่เรียบร้อยบ้าง...ก็ไม่บ้างนะ แต่เขาก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้นี่
“วิน ยิ้มอะไรคะ”
ชายหนุ่มกระแอมเล็กน้อย นี่เขายิ้มออกมาเหรอ “เปล่าครับ”
“ดาอยากให้คุณเปลี่ยนเลขาฯ จริงๆ ค่ะ ดาพูดจริงนะคะ มาริสาทำงานแย่มากขนาดนี้ ถ้าเป็นเลขาฯ ดา ดาไล่ออกนานแล้ว”
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วเช่นกันที่วิชุดาพูดเรื่องนี้ ทว่ามาวินไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร จริงอยู่ ถ้าใครมาเจอแบบนี้คงไม่ทน ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่ายังไง อย่างไรก็ตาม มาวินคิดว่ามาริสาคงไปทำงานให้ใครไม่ได้หรอก นอกเสียจากตัวเขาเท่านั้น คิดไปแล้วก็น่าขัน
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **