มันเป็นการเริ่มงานวันแรกที่แสนจะน่าเบื่อเสียเหลือเกิน คมสันถูกเฮียเพ้งปลุกตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาทำความสะอาดร้าน เปิดเครื่องซักผ้าไว้รอลูกค้า จัดชั้นวางผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เป็นระเบียบ แยกเหรียญให้เป็นหมวดหมู่ ลูกค้าเองก็ขยันมาซักผ้าตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเวลาแบบนี้ปกติเขายังนอนอุตุอยู่เลย คมสันแอบคิดในใจว่าท่าทางเขาคงจะทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วันหรอก
พอแปดโมงเช้าก็ได้เวลาที่เฮียเพ้งต้องออกไปทำธุระ ทิ้งให้คมสันหัวหมุนอยู่เพียงคนเดียว ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เจ้าของร้านอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาให้ยังนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะจนตอนนี้น่าจะเย็นชืดหมดแล้ว ที่จริงเขาไม่อยากกินอะไรนอกจากเบียร์เย็นๆ ให้ชื่นใจสักกระป๋อง นึกได้อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าทางสะดวกทั้งเจ้าของร้านและลูกค้า ชายหนุ่มจึงรีบแวบไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ ซื้อเบียร์เย็นๆ สองกระป๋องแล้วแอบมานั่งดื่มใต้โต๊ะแลกเหรียญที่เขาประจำการอยู่ มันช่างชื่นใจเสียเหลือเกิน แต่กระนั้นขณะดื่มไปก็ระแวงไปกลัวว่าเฮียเพ้งจะกลับมาเห็น หรือมีลูกค้าเห็นแล้วไปฟ้องเฮียเพ้งแล้วจะกลายเป็นเรื่อง มันจึงเป็นการดื่มเบียร์ที่เต็มไปด้วยความชื่นใจและระแวงใจในคราวเดียวกัน
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินใจกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโปรดนั้น พลันสายตาเหลือบไปเห็นแมวสีขาวที่ชื่อสำลีกำลังวิ่งข้ามถนนตรงมาที่ร้าน เขาจะไม่ตกใจเลยถ้าไม่มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งตรงมาพอดี! และคงไม่ทันเห็นแมวที่วิ่งตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิดแน่ ไม่รู้คมสันนึกอยากเป็นคนดีอะไรขึ้นมา เขารีบวิ่งออกไปคว้าแมวตัวนั้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วลงไปนอนขดตัวอยู่กลางถนน ในขณะที่รถกระบะบีบแตรเสียงดังลั่น เดชะบุญที่เหยียบเบรกได้ทัน ก่อนจะเปิดกระจกรถโผล่หน้าออกมาด่าเสียงเขียว
“เลี้ยงแมวก็ดูแลให้มันดีๆ หน่อยสิคุณ! ปล่อยให้ออกมาวิ่งตัดหน้ารถแบบนี้ถ้าผมทับตายขึ้นมา จะมาเรียกร้องค่าเสียหายกันไม่ได้นะ!”
คมสันที่หลับตาปี๋เพราะนึกว่าตัวเองคงจะโดนรถชนไปแล้ว พอรู้ว่าปลอดภัยก็ถอนหายใจโล่งอก กำลังจะตะโกนกลับไปด้วยอารมณ์เมานิดๆ ว่า ‘ไม่ใช่แมวกูโว้ย!’ แต่ทว่ายังไม่ทันได้พูด เจ้าสำลีก็กระโดดออกจากอ้อมกอดแล้ววิ่งข้ามถนนไปหลบอยู่ที่เก๊ะแลกเหรียญในร้านซักผ้าเสียแล้ว
ในขณะที่คมสันกำลังจะลุกขึ้นจากพื้น อยู่ดีๆ ก็มีมือของใครบางคนยื่นมาตรงหน้า ชายหนุ่มเงยหน้ามอง เห็นว่าเจ้าของมือนั้นคือเด็กหนุ่มคนที่เล่นกับเจ้าสำลีเมื่อวานนั่นเอง ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเหมือนอยากจะช่วยเหลือ แต่คมสันกลับเห็นว่าไม่จำเป็นเท่าไรเพราะเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย ชายหนุ่มค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วตั้งหลักสักประเดี๋ยวก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มแห้งๆ รีบเก็บมือที่ตั้งใจให้อีกฝ่ายจับเพื่อช่วยดึงตัวให้ลุกขึ้นมา
----------
“พี่มาทำงานร้านเฮียเพ้งเหรอครับ”
เด็กหนุ่มเดินตามคมสันเข้ามาในร้านเปิดฉากเอ่ยถาม อีกฝ่ายหันมามองหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ใช่ มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่มาทักทาย บ้านผมอยู่แถวนี้ครับ ทำความรู้จักกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ อ้อ...ผมชื่อ ‘หายใจ’ ครับ” เด็กหนุ่มแนะนำตัว คนที่ได้ยินถึงกับย่นคิ้วแล้วถามซ้ำ
“อะไรนะ ชื่อหายใจ?”
“ครับ ผมชื่อหายใจ” เด็กหนุ่มบอกชื่อตัวเองอีกครั้ง
“ชื่อแปลกจริง” คมสันหัวเราะในลำคอขณะมองเด็กหนุ่มคนนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้เขารู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มน่าจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี...อย่างน้อยก็มากกว่าเขา
“แม่เล่าว่าตอนที่ผมเกิด ผมหยุดหายใจไปแป๊บหนึ่ง แล้วแม่ก็ได้แต่ร้องบอกให้ผมหายใจๆ พอผมรอดมาได้ แม่เลยตั้งชื่อผมว่าหายใจ แรกๆ ผมก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชินแล้วละครับ” เด็กหนุ่มเล่าแล้วยิ้มให้คู่สนทนา อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับรู้
“...แล้วพี่ชื่ออะไรครับ”
“ชื่อคม” เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ ในหัวยังมีคำถาม...เขาควรเรียกเด็กคนนี้ว่า ‘ไอ้หาย’ หรือ ‘ไอ้ใจ’ ดี? จะให้เรียกว่า ‘ไอ้หายใจ’ มันก็ฟังดูพิลึกชอบกล
“พี่กำลังลังเลว่าจะเรียกผมว่า ไอ้หาย ไอ้ใจ หรือว่า ไอ้หายใจดีใช่ไหมครับ แล้วแต่พี่เลยครับ คนรอบตัวผมก็เรียกต่างกันไปนั่นแหละ” หายใจหัวเราะเบาๆ ในขณะที่คมสันทำหน้าแปลกใจ
“นายรู้ได้ยังไง”
“ก็ทุกคนที่รู้จักชื่อผมครั้งแรกก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น นี่ดีนะครับที่ชื่อจริงกับชื่อเล่นผมชื่อเดียวกัน ถ้ามีชื่อจริงอีกชื่อนี่คงยุ่งไปกันใหญ่”
“นี่นายจะบอกว่าชื่อจริงของนายก็ชื่อหายใจเหรอ เออว่ะ ไม่แปลกใจเลยที่คนอื่นจะแปลกใจเหมือนกัน” คมสันหัวเราะในลำคออีกรอบ หายใจยิ้มเขินเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“แต่ผมชอบชื่อนี้นะครับ มันเหมือนเตือนตัวเองว่าตราบใดที่ยังหายใจ เราก็ต้องไปต่อ” ในขณะที่พูดสายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปมอง เห็นกระป๋องเบียร์วางอยู่บนโต๊ะแลกเหรียญ หายใจเอ่ยขึ้นทันที “นี่พี่คมดื่มเบียร์ในเวลางานด้วยเหรอครับ ถ้าเฮียเพ้งรู้นี่เอาตายเลยนะครับพี่ เฮียแกไม่ชอบคนดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ยิ่งในเวลางานนี่ยิ่งไม่ชอบเลย”
เด็กหนุ่มเตือน เขาเคยเห็นเจ้าของร้านไล่ลูกน้องออกเพราะแอบมาตั้งวงกินเหล้าตอนเย็นกับเพื่อนๆ มาแล้ว แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานด้วยซ้ำ พนักงานใหม่ก็เอาเบียร์มานั่งดื่มแล้ว ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเฮียเพ้งมาเห็นจะเกิดอะไรขึ้น
“เอาน่า พี่ดูดีแล้วว่าเฮียยังไม่มา แค่จิบๆ ให้พอมันตื่นๆ ก็แค่นั้นเอง ถ้าเฮียเพ้งจะรู้ก็เพราะนายนั่นแหละ” ไม่พูดเปล่า คมสันกระดกเบียร์ที่เหลือก้นกระป๋องจนหมดก่อนจะโยนมันลงถังขยะข้างโต๊ะ
“พี่คมลองกินชานมร้านนี้ดูสิครับ อร่อยมาก ผมกินทุกวันเลย นี่ผมซื้อมาเผื่อกินตอนกลางคืนด้วย ผมให้พี่ไว้ลองชิมแล้วกัน” เด็กหนุ่มหยิบแก้วชานมในถุงออกมาแก้วหนึ่งแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าอีกฝ่าย คมสันมองแล้วยักไหล่
“พี่โตแล้ว ไม่กินอะไรแบบนี้หรอก”
“เอาน่าพี่ ลองสักนิดแล้วจะติดใจ ถ้าไม่ชอบก็ค่อยทิ้งไป มันไม่ได้มีฉลากแปะไว้เสียหน่อยว่าชานมห้ามคนอายุเกินเท่าไรกิน ถ้าอย่างนั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ ป่านนี้แม่บ่นแย่แล้ว” พูดจบหายใจก็ยกมือไหว้คมสัน ในขณะที่อีกฝ่ายยกมือรับไหว้โดยอัตโนมัติ รู้สึกตัวเองแก่ขึ้นมาทันใด ทั้งที่เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบห้า
เมื่อเด็กหนุ่มออกไปจากร้านแล้ว คมสันก็มองแก้วชานมที่ยังวางอยู่ที่เดิมบนโต๊ะ เขาจึงรีบร้องเรียกอีกฝ่ายเพื่อให้เอากลับไปกิน
“นายหายใจ! นายหายใจ! เอาชานมของนายกลับไปด้วย พี่ไม่กิน...หายใจ!”
อีกฝ่ายวิ่งไปไกลแล้ว คมสันจึงวางแก้วชานมลงที่เก่าแล้วจ้องมองราวกับมันเป็นของแปลกประหลาดในชีวิต จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกินชานมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **