การกระทำของญานีนในห้องทำงานของวิรัลยา ลือไปทั่ววายอีเอสในเวลาอันรวดเร็ว เหล่าพนักงานต่างจับกลุ่มซุบซิบนินทากันไม่หยุดปาก เป็นผลให้วิญญูต้องเรียกลูกสาวคนเล็กเข้าพบในช่วงสายของวันนั้นทันที โดยมีอัคนีและวารุณนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ไอศูรย์เล่าเรื่องที่แกไปอวดเก่งที่แผนกของเขาให้ฉันฟังหมดแล้ว”
วิญญูเอ่ยขึ้นเมื่อญานีนนั่งลงตรงหน้าเขาแล้ว
“แล้วไงคะ” ญานีนย้อนถามกวนๆ
“แล้วไงล่ะ นั่นมันไม่ใช่งานของแก ไอ้ความคิดที่แกเสนอมาน่ะ มันก็ฟังเข้าที แต่แกไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย เข้าใจไหม”
“ยิหวาก็แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่ายิหวาก็คิดอะไรดีๆ เป็นเหมือนกัน แต่ถ้าพ่อไม่ให้ยิหวายุ่ง ยิหวาก็จะไม่ยุ่งค่ะ ดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อยทำงาน” หญิงสาวทำหน้าเซ็งๆ
“ในสายตาของพ่อ ยิหวาทำอะไรก็คงดูผิดไปหมดสินะคะ”
สามคนในที่นั้นหันสบตากัน เป็นอัคนีที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน โยนว่า
“คุณพ่อแค่อยากให้ยิหวารับผิดชอบงานในส่วนของยิหวาให้ดีเท่านั้นเองจ้ะ แต่ต่อไปนี้ เวลาเข้าประชุมผู้บริหาร คุณพ่ออนุญาตให้ยิหวาเข้าประชุมด้วยนะ”
“จริงเหรอคะ” ญานีนตาโตขึ้นมาทันที มองหน้าสามีสลับกับผู้ให้กำเนิดอย่างไม่เชื่อหู
“ก็ถ้าแกไม่เสนอความคิดโง่ๆ เหมือนเมื่อก่อนให้ฉันอายคนอื่น ฉันก็ให้แกเข้า” วิญญูขยายความในสิ่งที่อัคนีบอก แต่ยังติดกระแทกเสียงใส่ลูกสาวด้วยความเคยชิน
“อ้อ แล้วในส่วนรายการและละครที่แกดูแล ช่วงที่แกไม่อยู่ พวกเราประชุมกันแล้ว ตกลงกันว่าเราจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นมาอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ส่วนจะเน้นแนวไหน แกกับทีมงานของแกไปตัดสินใจกันมาแล้วเอามาเสนอฉัน”
“นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหู ยิหวาต้องคิดว่าพ่อกินยาลืมเขย่าขวดเป็นแน่” ญานีนยังคงไม่อยากเชื่อ
“หรือแกจะไม่ทำ ฉันจะได้ให้คนอื่นที่เขาพร้อมและตั้งใจกว่าแก”
“เรื่องอะไรยิหวาจะให้คนอื่นทำล่ะคะ” ญานีนรีบบอกบิดา ไม่วายยิ้มกระหยิ่มพอใจกับตัวเอง แล้วปรายตาไปทางมารดาเลี้ยง
“แบบนี้ทีมงานของเราแข็งแรงขึ้นหรือยังคะ น้าวารุณ”
“ยิหวา” อัคนีเรียกปรามภรรยา ขณะที่วารุณยิ้มเย็น
“เอาไว้คุณเริ่มงานคุณก่อนแล้วค่อยมาถามน้าอีกทีก็ยังไม่สายค่ะ”
“แกออกไปได้แล้ว ยายยิหวา ไปทำงานแกให้มันดีๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งแขวะคนอื่นเขาแบบนี้” วิญญูโบกไล่ด้วยความรำคาญ ญานีนไม่อิดออด หล่อนลุกขึ้นเดินเชิดๆ ออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย
----------
เมื่อเรื่องที่วิญญูยอมให้ญานีนเข้าร่วมประชุมผู้บริหาร ถูกถ่ายทอดออกไป เหล่าพนักงานในวายอีเอสเกิดปฏิกิริยาเสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่เห็นด้วยนั้นก็ยินดีกับญานีนและพร้อมจะเปิดโอกาสให้หล่อนพิสูจน์ตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งไม่เห็นด้วยยังคงไม่เชื่อ มั่นในศักยภาพของหญิงสาว แต่ในเมื่อเจ้าหล่อนคือลูกสาวของเจ้าของช่อง พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างมากก็แค่จับกลุ่มนินทา...
ไอศูรย์เป็นอีกหนึ่งคนที่รับรู้ข่าวนี้ด้วยเช่นกัน ความกังวลที่เขามีอยู่ก่อนแล้วจึงยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี
ใช่ ในที่สุด สิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ!
แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี เขาต้องทำเช่นไรถึงจะรักษาตำแหน่งไว้ให้วิรัลยาได้จนถึงวันที่หล่อนกลับมา
จริงสิ คุณวารุณไง...
ชายหนุ่มนึกชื่อนั้นได้ วารุณต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่ เขามั่นใจว่าเธอเองก็ต้องหวงตำแหน่งของลูกสาวแท้ๆ เช่นกัน
“คุณไอซ์คะ คุณไอซ์...”
นักข่าวสาวคนหนึ่งร้องเรียก ขณะที่ไอศูรย์กำลังจะเปิดประตูออก ไปจากห้องฝ่ายข่าว
“ว่าไงหมอก มีอะไร”
“เอ่อ...หมอกอยากรู้ว่า แบบนี้คุณยิหวาจะมานั่งแทนที่คุณหนึ่งหรือเปล่าคะ” สีหน้าคนถามเต็มไปด้วยความวิตกและหวั่นใจไม่แพ้เขา
“คงไม่แทนกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก” เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่พูดออกไปนั้น กำลังปลอบใจตัวเองหรือเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกน้อง
“ตอนแรกพวกเราก็มั่นใจนะคะว่าท่านคงไม่ยอมให้ใครมาแทนที่คุณหนึ่งแน่ๆ ยังไงท่านก็ต้องรอคุณหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่มั่นใจเลยค่ะ”
“ถ้าคุณยิหวามาเป็นหัวหน้าพวกเรามันจะเป็นอะไรไปล่ะ คุณก็เห็นว่าเธอเก่งขึ้นเยอะ” ไอศูรย์ว่ายิ้มๆ
“อูย ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ยังไงก็เก่ง ฉลาด และนิสัยดีสู้คุณหนึ่งไม่ได้ ถ้าให้เธอมาเป็นหัวหน้า พวกเราขอให้คุณมาเป็นจะดีกว่า...แต่ว่าก็ว่าเถอะนะคะ รอบนี้ท่านดูให้เกียรติคุณยิหวามากเลยนะคะ ให้เกียรติจนน่ากลัว”
“แปลกตรงไหนล่ะ ธุรกิจครอบครัว จะดีจะชั่วยังไงก็ต้องเลือกคนในครอบครัวก่อนนั่นแหละ...เอาละ ไม่ต้องห่วงนะ ผมเองก็ไม่อยากได้เจ้านายคนใหม่ในตอนนี้เหมือนกัน”
“ได้ยินอย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยค่ะ มีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกนะคะ”
ไอศูรย์ยิ้ม ก่อนเดินผละออกมา
จุดหมายของเขาคือชั้นของผู้บริหารระดับสูง
----------
ตอนเที่ยง ณัฐยาแจ้งให้ญานีนทราบถึงงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นในช่วงค่ำวันนี้ เป็นงานเลี้ยงของบริษัทผลิตรายการรายสำคัญของช่อง ณัฐยาอยากให้หล่อนไป เพื่อเป็นการเปิดตัวหลังจากพักฟื้นหลายเดือน
“พี่รู้ว่าคุณไม่ชอบงานเลี้ยง แต่ถ้าคุณอยากนั่งตำแหน่งคุณหนึ่งคุณก็ต้องไปค่ะ ไปประกาศให้ทุกคนเห็นความสวย ความเก่ง และความฉลาดของคุณ” ประโยคท้ายๆ นั้น ณัฐยาลดเสียงให้เบาลงพลางยิ้มอย่างคนที่รู้ใจนาย
“ขอบคุณมากค่ะพี่ณัฐ ที่อยู่ข้างๆ ยิหวาเสมอ ยังไงยิหวาก็ต้องพึ่งพี่ณัฐอีกเยอะนะคะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แล้วอัคนีก็เปิดประตูเข้ามาเพื่อรับภรรยาสาวสวยไปทานข้าวกลางวัน
และค่ำนั้น ญานีนก็เฉิดฉายเคียงข้างสามีในงานเลี้ยง ความสวยของหล่อนจับตาผู้พบเห็น และหล่อนคนใหม่นี้ก็เรียกสายตาชื่นชมจากผู้ที่ได้พูดคุยกับหล่อนด้วย สร้างความภูมิใจให้แก่อัคนียิ่งนัก
ส่วนวิรัลยา ยังคงนอนเดียวดายอยู่ในคอกกระจกกั้น ที่มีพยาบาลกำลังนั่งพิมพ์นิยายอยู่อย่างเคร่งเครียด
ไอศูรย์จอดรถอยู่นอกรั้ว และมองเข้าไปในคฤหาสน์ของวิญญูด้วยแววตาเคร่งเครียด
‘ทำใจเถอะไอซ์ ยังไงยายหนึ่งก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว...และการที่คุณวิญญูจะดันลูกสาวอีกคนของเขามาแทนที่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก’
นั่นเป็นเสียงเศร้าๆ ของวารุณ หลังจากที่เขาเข้าไปปรึกษาด้วยเรื่องญานีน
‘แต่คุณวารุณครับ พวกเราก็เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณยิหวาเป็นยังไง เรื่องเมื่อเช้า เธออาจแค่ฟลุก’
‘เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วงหรอก เด็กยิหวามีทั้งอัคนี มีทั้งคุณณัฐเป็นพี่เลี้ยง ไม่นานก็เก่ง’ วารุณเอ่ยอย่างปลงๆ ‘ฉันขอบใจเธอมากที่เป็นห่วงยายหนึ่ง ที่ผ่านมาเธอช่วยเหลืองานยายหนึ่งเป็นอย่างดี แต่เชื่อฉัน ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปอย่างที่คุณวิญญูต้องการเถอะ’
“ผมปล่อยเรื่องงานให้เป็นไปอย่างที่คุณวิญญูต้องการได้ แต่ผมปล่อยให้คุณหนึ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไปไม่ได้จริงๆ”
ไอศูรย์กัดฟันกรอด มือทั้งสองข้างของเขากำพวงมาลัยรถแน่น ระบายความอัดอั้นที่เก็บสะสมไว้มานานเกินกว่าที่เขาจะทนได้อีกต่อไป ใช่ เขากำลังพูดกับตัวเอง พูด...อย่างที่ใจเขารู้สึกมาตลอด และในเมื่อตอนนี้เขาอยู่หน้าบ้านของหญิงสาวแล้ว อย่างไรเสีย วันนี้เขาต้องพบวิรัลยาให้ได้!
ไอศูรย์เปิดประตูลงจากรถ ไวเท่าความคิดชายหนุ่มก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้ว
โชคเข้าข้างเขาเพราะเวลานี้ไม่มียามอยู่ตรงป้อมยามพอดี แต่ประตูรั้วล็อกแน่นหนา ชายหนุ่มไม่ลังเลสักนิดตัดสินใจปีนรั้วเข้าไป แต่แค่เขาสอดเท้าเข้าไปในลายฉลุของรั้วอัลลอย ร่างของเขาก็ถูกกระชากลงมาอย่างแรงล้มไปกองกับพื้น ทว่ายังไม่ทันเห็นว่าเจ้าของมือเป็นใคร ไม้หน้าสามปริศนาก็ฟาดเข้าให้กลางแสกหน้าเขาชนิดไม่ปล่อยให้ทันได้ตั้งตัว สติของไอศูรย์ดับวูบลงทันที...
ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่า ตัวเองกลับมานอนอยู่ในรถ แถมมันยังจอดอยู่หน้าคอนโดมิเนียมของเขาด้วย
ไอศูรย์สลัดศีรษะไล่ความมึนงง ใครกันที่ทำกับเขาแบบนี้?
จะว่าเป็นวิญญูกับวารุณ คนทั้งคู่ก็รู้มาตลอดว่าเขาไปที่นั่นบ่อย อย่างมากก็แค่สั่งห้ามและให้ยามมาลากตัวเขาออกไป ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับเขา
แต่จะมีใครอื่นอีกหรือ?
ที่สำคัญ คนที่ทำร้ายเขาต้องรู้จักเขาดี ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ได้กลับ มาอยู่หน้าคอนโดฯ ตัวเอง!
----------
วันต่อมา ญานีนในมาดนักธุรกิจหญิงผู้มุ่งมั่น ก็เรียกประชุมทีมงานของตัวเองถึงเรื่องสัดส่วนงานที่ทางช่องอนุมัติเพิ่ม
“ลดการซื้อลิขสิทธิ์ละครจากต่างประเทศ และผลิตละครไทยเพิ่ม ขึ้น”
“ละครไทยเหรอครับ เราจะเอาอะไรไปสู้เขา บั๊ดเจ็ตเราต่ำแค่นี้ จะดึงดาราดังๆ มาร่วมก็ไม่ได้ อย่างมากก็ได้แค่พวกดาราตกอันดับ เอามาเล่นก็ไม่มีใครดูอยู่ดี” พนักงานชายคนหนึ่งแย้ง มองหล่อนอย่างไม่มีความเชื่อ ถือใดๆ
ญานีนยิ้มสวย “มีวิธีมากมายที่จะโปรโหมตโดยไม่ต้องใช้เงิน เดี๋ยวฉันจะเทรนพีอาร์ของเราเอง คุณติดต่อหาผู้จัดมาให้ฉันก่อนดีกว่า ฉันต้องการผู้จัดอยู่สามแบบ หนึ่ง คนที่เคยทำซีรีส์มาก่อน สอง คนที่ไม่มีอัตตา ไม่หลงอยู่กับความสำเร็จในอดีตของตัวเอง และสาม ฉันต้องการคนที่อยากทำอะไรแตกต่างจากช่องหลัก อยากแหวกขนบเดิมๆ ของละคร...แค่นี้หาให้ฉันได้ใช่ไหมคะ”
หลายคนยังไม่เห็นด้วยกับหล่อน อาจเพราะยังมองไม่เห็นภาพ แต่ในเมื่อหล่อนเป็นหัวหน้า พวกเขาจึงพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ญานีนยังคงยิ้มใจเย็น ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น
“ฉันอยากให้ส่วนของเราทำเรตติ้งชนะฝ่ายข่าวให้ได้”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ” พนักงานหญิงแย้งบ้าง
“ฝ่ายข่าวเขาได้ตัวพ่อตัวแม่มาอ่านข่าว ซ้ำคุณวิรัลยาก็วางแผนงาน วางเกมอย่างดี”
“ถ้าดีจริง เรตติ้งต้องติดท็อปเท็นแล้วสิ เชื่อฉัน ช่องเรารอละครไปเพิ่มเรตติ้งอยู่...”
ยังคงไม่มีความเชื่อถือจากคนเหล่านั้น แต่ญานีนไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธหรือไม่ชอบใจ หล่อนยังยิ้มได้ เป็นรอยยิ้มของคนที่กำลังท้าทายตัวเองว่าต้องทำสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปให้ได้
กว่าญานีนจะได้ออกจากห้องประชุมก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี วันนี้อัคนีออกไปคุยงานข้างนอกกับวิญญู ญานีนจึงไปทานข้าวกับณัฐยาที่โรงอาหารของช่อง
หญิงสาวเดินสวนกับไอศูรย์บริเวณทางเข้า หล่อนมองหน้าผากของเขาที่มีผ้าก๊อซแปะด้วยความสงสัย
“หัวไปโดนอะไรมาล่ะ”
ไอศูรย์ยังไม่ตอบ แต่จ้องหน้าหล่อนอย่างพินิจพิจารณา จนณัฐยาทนไม่ได้ ต้องสะกิดถาม
“ไม่ได้ยินที่คุณยิหวาถามเหรอคะคุณไอซ์”
“ได้ยินครับพี่ณัฐ แต่ผมไม่มีคำตอบให้ บางที...คุณยิหวาอาจมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ได้” พูดจบไอศูรย์ก็ผละจากไป ปล่อยให้ญานีนมองตามงงๆ
“เขาพูดอะไรของเขาน่ะ ยิหวาจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นอะไร”
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **