ทดลองอ่าน ความเร็ว ความรัก และมายา : ตอนที่ 26

 

 

ตอนที่ 26

 

 

คืนนั้น หลังจากที่เจ้านางร้องเพลงเสร็จตามกะ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดนักศึกษาตามเดิม สะพายกระเป๋าเพื่อจะกลับ อันที่จริงแล้วคืนนี้เธอควรจะกลับกับเขา แต่พอเห็นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนกัน มาสายแค่นี้ทำไมต้องไม่พอใจขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้ ก็ผิดจริงนั่นละ แต่ไม่ตั้งใจนี่นา แถมเป็นครั้งแรกที่ผิดเวลาน่าจะให้อภัยกันบ้าง เฮ้อ...ถือว่าเป็นผู้ปกครอง ดุได้ดุเอาหรือไง

เจ้านางกะว่าจะไปโบกแท็กซี่ไม่ก็ขึ้นรถเมล์เอา คอนโดฯ เขาไม่ใกล้ไม่ไกล เวลาสามทุ่มนิดๆ อย่างนี้รถราก็เริ่มน้อยลงแล้ว ทว่าก้าวไปยังไม่ทันพ้นหลังเวทีดี วรัทก็เดินเข้ามาหา ทีแรกเธอคิดว่าปณัยให้เขามาตามเธอ แต่ผิดคาด

“วันนี้ผมไปส่งนะครับ” วรัทยิ้มกว้าง

“ว้าว นางกลับกับคุณจริงๆ เหรอ” เธอตาโต ไม่คิดว่าปณัยจะปล่อยเธอกลับกับวรัทวันนี้ 

“เกือบไม่จริงแต่ตอนนี้จริงแล้ว” เขายักคิ้วข้างหนึ่ง วรัทขี้เล่นกว่า ปณัย แต่เฉพาะตอนที่เขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าเจ้านายนะ ไม่อย่างนั้นก็หุ่นเดินได้ดีๆ นั่นละ อ้อ หุ่นที่คอยพูด ‘ครับนาย’ เสียด้วยสิ

“รถล็อตใหม่เข้าพอดีที่ท่าเรือเมื่อครู่ นายเลยต้องไปรับครับ” วรัทอธิบาย

เธอทำหน้าเหลือเชื่อ “คุณปณัยต้องไปรับรถเองถึงท่าเลยเหรอคะ”

“ครับ ของมีราคาขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นผ่านยาก ใช้เวลาอีกนานเลย”

เจ้านางทึ่งกับเหตุผล นึกแล้วปณัยก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย รถมาส่งต้องไปจัดการอะไรเอง แล้วเธอก็พิศดูคนตรงหน้า เพิ่งสังเกตว่าวรัทตาหวาน แพขนตายาวอย่างผู้ชายน้อยคนจะมี เพียงแต่ผิวเข้มหน่อย แต่โครงหน้าก็คมสันแม้จะไม่เทพบุตรเท่าคนที่งานยุ่งอยู่ตอนนี้ก็เถอะ

“เชิญครับ” เขาผายมือจนเธอเขิน

“โห ไม่ต้องเชิญขนาดนั้นค่ะ นางก็เป็นแค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง เดินไปด้วยกันนั่นละคุณวิน” เธอพูดกับเขากันเองเป็นธรรมชาติ ก็ใครอีกคนมาดเยอะเหลือเกิน ช่วยไม่ได้ จะให้พูดสนิทสนมแบบนี้ก็ใช่ที่

วรัทเปลี่ยนรถอีกแล้ว ถึงจะไม่ใช่ซูเปอร์คาร์เหมือนเดิมแต่ก็ไม่พ้นรถยุโรปรุ่นท็อปเลยทีเดียว ขณะขับไปตามถนนเบื้องหน้าเขาก็พูดดักคอ

“รถคันนี้ของคุณปณัยเหมือนกันนะครับ ที่ผมขับๆ ไม่ใช่ของผมสักคัน ไว้ใช้ทำงานให้นายจะได้คล่องตัวน่ะ” เขายิ้มตามหลังคำพูด ท่าทีอย่างเพื่อนทำให้เธอกล้าพูดกล้าคุยด้วยมากกว่าคนขี้ดุคนนั้น

“คุณวินทำงานให้คุณณัยนานแล้วเหรอคะ” เธอถาม

เขาเหลือบตามามองเล็กน้อย ก่อนตอบเนิบๆ “ถ้านับว่าทำงานก็...ครับ ตั้งแต่นายเริ่มทำบริษัทมา”

เสียงไฟเลี้ยวดังขึ้นสั้นๆ แล้วเงียบลงเมื่อรถเข้าสู่เส้นทางที่ต้องการแล้ว เธอเก็บคำถามที่ตามมาไว้ในใจ ทำไมต้อง ‘นับว่าทำงาน’ แปลว่าถ้าไม่คือยังไง เอาเถอะไม่ใช่เรื่องของเธอ

“ก่อนถึงคอนโดฯ มีร้านนมสดขนมปังสังขยาเจ้าอร่อย แวะสักหน่อยไหม คุณน่าจะยังไม่ได้กินอะไร เห็นมาถึงก็กระโดดขึ้นเวทีเลย” เขายิ้มแซว ยิ่งทำให้ใบหน้าดูขี้เล่นขึ้นมาทันตา

เจ้านางยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก็จอดเทียบบาทวิถีแล้ว ร้านเปิดไฟสว่างไสวเด่นกว่าห้องอื่นในตึกนั้น ด้านหน้ามีวัยรุ่นยืนรอคิวกันหลายคน เอ...ทำไมเธอไม่เคยสังเกต เวลามากับปณัยเขาไม่เคยหยุดหรือชะลอแถวนี้ แสดงว่าเขาไม่กินอะไรแบบนี้เหรอ แต่ก็ไม่นะ ไม่นานมานี้เขายังพาเธอไปตลาดนัดอยู่เลย

ระหว่างรอคิววรัทก็ถาม “เป็นยังไงบ้างครับอยู่ที่นี่”

เธอกลอกตาคิดหาคำตอบ จะตอบแบบไหนดี แบบบอกทุกความรู้สึกเต็มที่ หรือพูดอย่างสงวนท่าที แต่แล้วสามัญสำนึกจัดการตอบเองเสร็จสรรพ

“ก็ดีค่ะ”

วรัทหัวเราะ “ตอบตามสูตรเลยนะครับ อย่างนั้นผมก็ต้องถามตามสูตรกลับว่าดียังไง”

เธอหัวเราะบ้าง คราวนี้คำตอบพรั่งพรู “ห้องกว้างขวางดีค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม การเดินทางก็อย่างที่คุณวินเห็น คุณณัยจัดการให้นางหลายอย่าง จริงๆ นางเกรงใจมากๆ นะคะ แล้วก็...”

อยู่ๆ พอพูดถึงตรงนี้ ความในใจที่มันติดอยู่ตั้งแต่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็เหมือนจะย้อนขึ้นมาให้คิด

วรัทเลิกคิ้วรอฟัง แต่ไม่ได้พูดหรือเร่งเร้าอะไร เหมือนปล่อยให้เธอคิดเองว่าอยากจะเอ่ยออกมาหรือเปล่า วรัทเป็นคนที่...อยู่ด้วยแล้วสบายใจทีเดียว เขามีความอารี มีความธรรมชาติที่ทำให้เธอกล้าเปิดใจ

“เอาตรงๆ เลยนะคะคุณวิน นางก็ไม่สบายใจเท่าไรที่จู่ๆ มาอยู่กับเจ้านายคุณแบบนี้ มันดูไม่งาม ใครมารู้มาเห็นเข้าจะคิดยังไง แต่ทำไงได้ นางไม่ได้มีทางเลือกมากนักนี่ใช่ไหมคะ” เธอสบตาเขา

วรัทนิ่งไปสักพัก หากแววตาและสีหน้าเหมือนพี่ชาย ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแย่ที่พูดออกไปอย่างนั้น

“อย่ากังวลอะไรไปเลยครับ เจ้านายผมต้องรู้สึกดีกับคุณมากๆ เป็นโชคดีของคุณ เจ้านาง” เขาสบตาเธอ

“แน่ใจเหรอคะ เจ้านายคุณไม่ได้หวังอะไรในตัวนางใช่ไหม”

เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กล้าถามไปแบบนั้น และเดาได้ว่าไม่น่าจะได้คำตอบอะไร แต่การได้ระบายสิ่งที่กังวลอยู่ภายในใจให้ใครสักคนฟังก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น

วรัทยิ้มจางๆ “ผมคงตอบแทนคุณปณัยไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ ออเดอร์ได้แล้วผมไปรับให้”

เจ้านางเพิ่งรู้ว่า คอนโดฯ นี้ปณัยยังซื้อไว้อีกหลายห้อง ให้คนของเขาอาศัยอยู่ด้วย อย่างวรัทที่พักอยู่ชั้นล่างๆ ถัดลงไป มิน่า...ทำไมวรัทถึงได้แทบจะตัวติดกับปณัย เรียกหาเมื่อไหร่ก็มาได้แทบจะในทันที

วรัทเดินมาส่งเธอถึงหน้าห้อง ทว่าก่อนประตูจะปิดลงเขาก็อ้ำอึ้ง เอ่ยออกมาว่า

“...เจ้านางครับ เป็นไปได้อย่าบอกว่าผมชวนคุณแวะซื้อน้ำกับขนมนะ”

เธอเลิกคิ้ว จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะเล่าให้ปณัยฟังอยู่แล้ว แต่การที่วรัทกำชับมาแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลก...

“ผมแค่ไม่อยากให้เจ้านายกังวล” เขาบอกเหตุผล

“ไม่เห็นมีอะไรน่ากังวลนี่คะ ก็แค่แวะซื้อของกินก่อนเข้าคอนโดฯ” เธอเอ่ยอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่

“นายหวงคนของนายมากครับผมรู้ ปิดห้องดีๆ นะครับ นายน่าจะกลับดึกเลยวันนี้ มีอะไรโทร.เรียกผมได้ตลอดเวลานะ ราตรีสวัสดิ์”

วรัทค้อมตัวให้เธอ ยิ้มของเขากว้างกว่าครั้งไหนๆ

เจ้านางยิ้มตอบ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขาแล้วปิดประตู หากแววละมุนในดวงตาของวรัทที่มองมา...ทำให้รู้สึกไม่ปกติ เธอคงคิดมากไป เธอเหนื่อยแล้ววันนี้ พรุ่งนี้มีชั่วโมงเรียนแต่เช้าด้วย ไหนจะต้องซ้อมเพลงใหม่ที่วันนี้ยังซ้อมไม่จบก็ต้องรีบมาทำงานจนสายผิดเวลาโดนดุอีก

เธอคิดว่าหัวถึงหมอนก็น่าจะหลับเลย คงไม่ได้อยู่รอฟังเสียงว่าใครจะกลับมากี่โมง ช่างเขาเถอะ คนอะไรเจ้าอารมณ์ ไร้เหตุผล

ทว่าคนที่เธอนึกค่อนขอดในใจ จู่ๆ ก็ส่งไลน์มา เจ้านางถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ดังเตือน รีบเปิดอ่านข้อความนั้นด้วยดวงตาเบิกโต

‘พรุ่งนี้เย็นมีเรียนกับครูนาฏใช่ไหม ผมจะไปรับคุณที่คณะหลังเลิกเรียน อย่าสายล่ะ!’

----------

เสียงเป่าปากไล่เสียงสูงต่ำสลับไปมารอบที่ครึ่งร้อยไม่ทำให้ปณัยเบื่อเลย ไม่น่าเชื่อ ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยทนฟังอะไรซ้ำๆ แต่เพราะเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอเขาชอบทั้งหมด โดยเฉพาะเสียงของเธอคนนี้...เจ้านาง หญิงสาวมีเนื้อเสียงที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นอย่างนี้

“โอววว...”

ขนาดแค่วอร์มเสียง ฝึกห่อปากห่อลิ้นยังน่าฟังเลย ยิ่งมองเรือนร่างดั่งนาฬิกาทรายของเธอไปด้วย กับใบหน้าสวยหวานยิ่งทำให้เขาเพลินตา สบายอกสบายใจลืมเรื่องตัวเลขมากมายของต้นทุนกำไรในหัว งานที่จ่อรอให้เขาไปสะสางอีกหลายอย่างก็พลันจะเบาบางไม่หนักอึ้งให้คิ้วขมวดอย่างตอนอยู่ในห้องประชุม

“ดี คราวนี้ลากให้ยาวกว่านั้นทำเสียงเหมือนไซเรน อ้าปากกว้างๆ จะช่วยเปิดช่องคอ ผ่อนคลายกล่องเสียง”

ครูนาฏว่าแล้วทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เขาเห็นเจ้านางมองอย่างตั้งใจและทำตามได้ดีมากจนได้รับคำชม เสียงครูสอนต่อ

“เราต้องวอร์มเสียงก่อนร้องเสมอนะ มีหลายวิธี ฮัมเพลง ไซเรนอย่างเมื่อกี้ ลิปโรล ทำเสียงบรือๆ น่ะ ครูว่าเราก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม อ้อ มีอีกวิธีน่าสนใจนะ ใช้การออกเสียงผ่านหลอด เขาเรียกว่า Straw Phonation วิธีนี้จะลดความตึงเครียดให้กับกล่องเสียง”

“ค่ะครู น่าสนใจ ไว้นางจะไปลองค่ะ นางมีปัญหาเวลาร้องเพลงเร็วแล้วต้องเต้นด้วย จะเหนื่อยเร็วค่ะครู สงสัยนางไม่ค่อยได้ออกกำลัง”

ปณัยได้ยินเธอพูดอย่างนั้นยังคิดว่าเดี๋ยวต้องพาไปเล่นฟิตเนสชั้น ล่างของคอนโดฯ บ้างแล้ว แต่ครูให้เทคนิคเพิ่ม

“ไม่ยากลูก ใช้วิธีสควอตและร้อง ทำแบบนี้ นั่งเข่างอ ดันสะโพกไปด้านหลังนิดๆ เหมือนออกกำลังไปขณะเราใช้เสียง”

ปณัยอดอมยิ้มไม่ได้กับท่ายืนยองๆ ของสาวเจ้า เธอเหลือบมามองเขาแล้วค้อน แม้จะแค่แวบเดียวแต่เขาก็ทันเห็นหรอกน่า เขินล่ะสิ

ชายหนุ่มขยับตัวบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กที่ไม่ใช่โซฟาโอ่อ่า เพราะนี่เขาอยู่ในห้องเรียนร้องเพลงที่สถาบันดนตรี ไม่ใช่เพนต์เฮาส์ของเขาสักหน่อย

เวลานี้ครูนาฏให้เธอลองเข้าเพลงจริงๆ แล้ว ครูกำลังทำมืออย่างกับวาทยกรโบกสูงๆ ต่ำๆ วาดมือกว้างออกแคบเข้าพร้อมๆ กับเปล่งเสียงร้องในบางท่อนที่เจ้านางยังทำได้ไม่ดีให้ได้ทบทวน เขายิ้มนิดๆ ไพล่นึกไปถึงวันเวลาที่ตัวเองยังมีคำนำหน้าเด็กชายแล้วมายืนต่อหน้าครูนาฏแบบนี้ ไม่สิ ไม่ได้ยืน นั่งอยู่หน้าเปียโนต่างหาก

เขาส่ายหัวให้ความหลังมันฟุ้งกระจายออกไป ปณัยไม่ใช่คนที่มานั่งจมกับอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือควันที่ระเหิดหายไปในห้วงอากาศ ไร้ค่าที่จะคิดถึงมัน รังแต่จะทำให้ยึดติดและหวนไห้กับสิ่งที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้

ปัจจุบันขณะต่างหาก เวลานี้ต่างหากที่เขามีเธอผู้งดงามตรงหน้า ข้างตัว เธอทำให้เขามีความสุข นั่นก็พอแล้ว เขายินดีนั่งโง่ๆ รอเธอเรียนร้องเพลงเป็นชั่วโมงได้อย่างไม่ต้องคิด เขาลอบยิ้มกับตัวเอง เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไอ้ปณัยเอ๊ย แพ้ทางเด็กสิบเก้าซะแล้วสิ!

แล้วเสียงเธอเริ่มร้องเพลงก็ทำเขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านลง หูสดับฟังแต่เสียงใสกังวานของเจ้านางที่กำลังเอื้อนไปตามทำนอง ครูนาฏพยักหน้าและทำมือให้จังหวะหญิงสาวไปด้วยในตัว เจ้านางที่ยืนร้องเพลงอยู่กลางห้องดูมีสมาธิดีมาก ควบคุมน้ำหนักเสียงหนักเบา สูงต่ำ ได้สม่ำเสมอ ค่อยๆ ไต่บันไดเสียงขึ้นไปแล้วขยี้ที่ปลายท่อน จับใจดีจริงๆ

“ใช้ได้” ครูนาฏเอ่ย เสียงนั้นทำให้ปณัยหลุดจากภวังค์ แต่ครูคงหันมาเห็นอาการเหม่อของเขาเลยกระเซ้า

“อะไรกันณัย นั่งเหม่อกับเขาก็ได้ด้วย เห็นมองน้องเขม็งแต่ใจลอยไปหาสาวไหน”

“ครับครู” คนถูกแซวยิ่งกว่าสะดุ้ง รีบลุกขึ้นสบตาเจ้านางที่ยืนข้างครูนาฏ ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ ปณัยยกมือโบกตามสัญชาตญาณ “ไม่ได้คิดถึงใครเลยครู เหม่อเพราะถูกเสียงหวานๆ ของใครไม่รู้สะกดต่างหาก” ประโยคนั้นเขาหลิ่วตาให้เธอ หากสาวเจ้ายิ้มยียวน

“เขาเรียกว่าหลับในค่ะ ไม่ใช่ถูกสะกด”

เขาก้มต่ำจ้องเธอ “หลับในแต่ร่างกายตื่นตัวเสมอนะ พร้อมทันทีที่ถูกกระตุ้น” ปณัยกระซิบอย่างให้เธอได้ยินคนเดียว “ยิ่งถ้าเป็นคุณผมจัดได้ทันที”

เธอขึงตา กำลังจะอ้าปากว่าเขา แต่เขากลับไปยืนตัวตรงแน่วตีหน้าขรึมเป็นการเป็นงานหันไปถามผู้อาวุโสทันที

“เป็นไงครับครู จะฝึกทันไหมครับ”

เจ้านางชะงักเล็กน้อย มีสีหน้างงงวยเข้ามาแทนที่

“ทันสิ สบายมาก เจ้านางเขามีของอยู่แล้ว ช่วงเสียงกว้าง เส้นเสียงหนา ร้องขึ้นสูงต่ำได้สบาย จังหวะจะโคนก็แม่น” ครูนาฏตอบด้วยน้ำเสียงบวกสีหน้าอันมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์

เจ้านางยกมือขึ้นพนม “ขอบคุณครูค่ะ ว่าแต่...” เธอหันมาทางปณัยแล้วดวงตาสุกสกาวก็จ้องเขาเขม็ง

“ทันอะไรเหรอคะคุณณัย คุณจะให้นางไปทำอะไร”

เขายิ้มกริ่ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ เขารู้เธอร้อนใจ แต่ยังไม่บอกตอนนี้หรอก แกล้งให้สงสัยไปก่อนนั่นละ โทษฐานน่ารักเกินไป เขาลาครูแล้วเร่งหญิงสาว พาออกจากสถาบันดนตรีแห่งนี้ แล้วขับรถขึ้นทางด่วนไปไหนสักที่ที่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดฯ ของเขา

 

 

** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา หนังสือพร้อมส่ง

ยังสั่งในราคาสั่งจอง #ส่งฟรี ได้ถึง 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก

 

>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com