เมื่องานของยายผ่านพ้นไปเรียบร้อย ไม่กี่วันต่อมาตำรวจก็ตามจับคนร้ายได้ ถือว่าใช้เวลาไม่นาน ตำรวจบอกว่าเป็นชายไร้บ้านที่ใช้ยาเสพติด พอขาดยาแล้วต้องการเงินแค่นั้น ไม่รู้ด้วยเหตุบังเอิญหรืออย่างไรจึงปะเหมาะเคราะห์หามยามร้ายเข้าบ้านเธอที่มียายอยู่เพียงคนเดียว
เมื่อปิดคดีได้เรียบร้อยทาวน์เฮาส์หลังนั้นก็หลุดจากหลักฐานคดี และหลายสัปดาห์ต่อมาปณัยก็พาเธอกลับมาที่นี่อีกครั้งในเช้าวันหนึ่ง
เมื่อเขาจอดรถส่วนตัวคันหรูลงหน้าประตูรั้ว เจ้านางก็อดหันไปมองด้านหลังรถไม่ได้ แม้รู้ทั้งรู้ว่าสองคันที่ขับตามมานั้นหนึ่งคือรถของวรัท และอีกคันคือกลุ่มบอดี้การ์ดของเขา
“มีอะไร” ปณัยเหลียวไปมองตามสายตาเธอ เขาดับเครื่องสนิทแล้ว
“เอ่อ...คือ” เจ้านางอ้ำอึ้ง
“มีอะไรจะคุยกับนายวินเหรอ” เสียงเขาเจือความหงุดหงิด
เธอยกมือโบก “เปล่าค่ะ นางจะคุยอะไรกับคุณวินล่ะ”
“ใช่ คุณไม่เห็นจำเป็นต้องมีธุระปะปังกับคนสนิทของผม ถ้ามีอะไรก็ถามผมได้” เขายักคิ้วทำให้ใบหน้าออกกวนๆ
“คุณต้องมีบอดี้การ์ด มีคุณวินคอยตามตลอดเวลาทุกฝีก้าวอย่างนี้เลยเหรอคะ” เธอถามออกไป
ชายหนุ่มนิ่ง ไม่ยักตอบเร็วเหมือนเวลาเหน็บแนม แล้วเขาก็ให้เหตุผลสั้นมากเพียงแค่...
“ก็คงงั้น” แล้วเปิดประตูลงรถไป
เจ้านางไม่ใช่คนเซ้าซี้ ในเมื่อเขาไม่พูดไม่บอกอะไรเธอก็ไม่ถามอีก กลับไปให้ความสนใจกับบ้านที่เกิดเหตุแทน เธอเดินช้าๆ ไปหยุดอยู่หน้ารั้วบ้าน ทำใจลำบากเหลือเกินที่จะก้าวเข้าไปข้างในนั้น
ปณัยจับจูงมือเธอให้เดินต่อไปด้วยกัน เธอใจเต้นรัวเมื่อกำลังจะก้าวเข้าไปในโถงห้องรับแขก ภาพสุดท้ายที่นี่คือฝันร้ายอย่างที่สุด มันยังติดตา ติดใจ เรียกความรู้สึกแย่ๆ คืนกลับมา
ทว่าภาพตรงหน้าที่เธอกำลังเห็นอยู่ตอนนี้นั้น ห้องกลับโล่งสะอาดสะอ้าน ไม่มีรอยเลือดร่องรอยรื้อค้นหลงเหลืออยู่แต่อย่างใด ข้าวของถูกจัดกองเป็นระเบียบ แม้จะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ไม่ล้มระเนระนาด
“พอคดีเรียบร้อย ผมให้คนของผมมาเก็บกวาดทำความสะอาด ปรับปรุงนิดหน่อย ผมวางแผนประกาศขาย” เขาพูด
เธอหันขวับ “อะไรนะคะ คุณจะขายที่นี่”
เขาเลิกคิ้วนิดๆ “ใช่ แต่ยังไม่ได้ขาย ถามคุณก่อนนี่ไง”
หญิงสาวนิ่งไป เธอไม่มีคำตอบ ได้แต่กวาดตามองไปรอบๆ
“เจ้านาง... ผมรู้ว่าคุณสับสน ตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม”
ปณัยเหมือนอ่านใจเธอออกอีกแล้ว คงเพราะเขาโตกว่า ผ่านอะไรมามากกว่า ประสบการณ์สำคัญนักในการใช้ชีวิต เขาสบตาเธออย่างจริงจัง มือที่จับอยู่กระชับขึ้น
“เอาอย่างนี้ ทาวน์เฮาส์หลังนี้มีอะไรที่คุณผูกพันทางใจแบบที่ต้องเก็บไว้เพราะมีคุณค่ามีความทรงจำไหม หรือมีใครเป็นเจ้าของที่จะต้องคืนต้องบอกกล่าว ติดสัญญาอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีและคุณคิดว่าจะไม่ได้กลับมาอยู่แน่ๆ ซึ่งผมเดาใจว่าคุณไม่น่าจะอยากกลับมาถูกไหม”
เธอมองเขานิ่ง ใช้ความคิดไปตามที่เขาว่า เหตุผลของเขาชัดเจนดีนัก ทำให้เธอคิดออกว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป เขาพูดต่ออย่างสนับสนุน
“ถ้าไม่ติดอะไร คุณก็ควรขายไปซะ เพื่อเอาเงินมาทำอย่างอื่นที่จะงอกเงยเป็นผลกำไร หรือมาไว้เป็นทุนรอนสำหรับตัวคุณเอง ใช้ในภายภาคหน้า ดีกว่าปล่อยให้สถานที่ทรุดโทรมลงตามเวลา”
เธอถอนใจ “ทาวน์เฮาส์นี้เป็นของยาย เป็นสมบัติเดียวที่...ที่ไม่ถูกยึดเพราะเป็นชื่อยาย”
เจ้านางรู้ตัวว่าน้ำตารื้นเมื่อพูดออกไป เรื่องราวพวกนี้กระตุ้นเตือนไม่เพียงแค่ที่สูญเสียยายไปหมาดๆ แต่มันสะกิดไปถึงแผลเก่าเน่าหนองที่ฝังอยู่ในความทรงจำ นานเท่าไรก็ไม่มีวันแห้งเหือดหาย...หรือแม้แต่จะเป็นแผลเป็นไม่ให้ต้องเจ็บปวดอีก ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหมด้วยซ้ำ
ปณัยนิ่วหน้าก่อนพูดออกมาว่า “ผมว่าเราต้องนั่งคุยกันเรื่องความเป็นมาของคุณสักหน่อยนะเจ้านาง ถ้าคุณไม่รังเกียจ ไว้ใจผมแล้วก็บอกทุกอย่างที่คุณผ่านมาให้ผมรับรู้ได้ไหม”
เขายกมือขึ้นซับน้ำตาที่ค่อยๆ รินลงจากหางตาให้เธอ เสียงที่เอ่ยอ่อนโยนนัก
“ยังไม่ต้องเล่าวันนี้ก็ได้ ไว้พรุ่งนี้มะรืนหรือเมื่อไหร่ที่คุณพร้อม ไม่เป็นไร...ผมรอได้ ขอเพียงคุณไว้ใจผมนะเจ้านาง ตอนนี้คุณมีผมอยู่เคียงข้าง เป็นทุกอย่างที่คุณต้องการ จำไว้นะ”
เจ้านางน้ำตาริน เงยหน้ามองเขาเต็มตา “ทำไม คุณทำให้นางทำไม”
เขาเชยคางเธอขึ้น
“ผมยังคงยืนยันคำตอบเดิม ผมชอบคุณ เจ้านาง ผมถูกชะตาคุณ อยากดูแลคุณ รู้ไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน”
ปณัยก้มลงจุมพิตบางเบารวดเร็ว แล้วจับมือเธอพาเดินต่อเข้าไปด้านในเพื่อดูความเรียบร้อยทั้งหมด เขาพาขึ้นไปชั้นสอง หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญไม่กี่วัน ชายหนุ่มสั่งให้คนของเขามาเก็บข้าวของจำเป็นของเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เคลียร์ทุกอย่างรีโนเวตใหม่อย่างที่เธอไม่รู้เลย เขาทำอะไรให้มากมายนัก
ห้องนอนของเธอที่ชั้นสอง บัดนี้ว่างเปล่าไม่มีข้าวของอะไร มีเพียงแค่เตียงกับตู้เล็กๆ ที่ปณัยคงจัดการโละของเก่าแล้วสั่งของใหม่เข้ามาแทน
“วันนี้ผมไม่ได้อยากจะพาคุณมาที่นี่ให้รำลึกความทรงจำอะไรนะ ผมแค่พามาให้ดูว่าผมทำอะไรไปและวางแผนยังไง สรุปแล้วผมจะประกาศขายนะ ถ้ามีคนซื้อเรียบร้อย ผมจะโอนเงินเข้าบัญชีคุณ”
เธอมองเขาอย่างเกรงใจ “คุณณัยทำให้นางตั้งเยอะ คุณเก็บเงินไปเถอะค่ะ”
“เฮ้ย” เขาสะดุ้ง “ผมไม่เอาเงินคุณ ผมทำธุรกิจของผมก็พอแล้ว นี่มันสมบัติคุณ ผมแค่มาช่วยจัดการนิดๆ หน่อยๆ คุณต้องมีเงินเก็บไว้สำหรับฉุกเฉินนะ เราทุกคนต้องวางแผนชีวิตเจ้านาง”
เธอหน้าเสีย ส่ายหน้าน้อยๆ “นาง...นางไม่เคยคิดไปไกลกว่าแค่สองสามวัน อย่างมากก็อาทิตย์หนึ่งเท่านั้น แค่หาเงินได้พอค่าเช่าค่ากิน เก็บเป็นค่าเทอมก็รอดไปวันๆ แล้ว”
เขาขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยแล้วจูงมือเธอเดินออกจากห้อง “ถ้าไม่มีอะไรที่นี่แล้วเรากลับดีกว่าไหม ผมยังมีที่อื่นที่จะพาคุณไปอีกนะเจ้านาง”
ก่อนขึ้นรถ หญิงสาวมองที่อยู่อาศัยหลังสุดท้ายที่ได้อยู่กับยายก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างที่เธอยังมึนงงอยู่เลย แต่อย่างที่ปณัยว่า สถานที่นี้ไม่มีอะไรให้ต้องผูกพัน
ใช่...ที่นี่...ไม่มีอะไรมากมาย แต่...บ้านหลังแรก หลังที่มีพ่อแม่และเด็กหญิงเจ้านางซึ่งอยู่มาตั้งแต่เกิดนั้นต่างหาก ที่มีความทรงจำและความผูกพันมากมาย เมื่อไหร่เธอพร้อมคงได้บอกเล่าให้เขาฟังสักวัน
“เจ้านาง คุณโอเคหรือเปล่า” เขาเหยียบเบรกรถทันใดเมื่อออกตัวไปได้เพียงนิดแล้วเห็นเธอมีน้ำตาคลอ
ปณัยเอื้อมมือมาประคองแก้มของเธอไว้ข้างหนึ่ง “ร้องไห้อีกทำไมคนดี คิดถึงยายเหรอ ท่านมีความสุขบนฟ้าแล้วน่าเชื่อผมสิ เราที่ยังมีชีวิตเดินดินก็ต้องสู้กันต่อไป ทำต่อไปในสิ่งที่เรายังค้างคาอยู่ เลิกคิดถึงอดีต ก้าวไปข้างหน้านะเจ้านาง”
เธอพยักหน้า รับกระดาษทิชชูจากเขามาซับหน้าตา เขาจึงค่อยขับรถออกไปจากที่ตรงนี้อย่างคงไม่กลับมาอีกชั่วกาล...
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา เปิดจองตั้งแต่วันนี้ - 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก) **
>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<
ราคาโปรโมชั่นสิ้นสุดเที่ยงคืนวันที่ 8 ธ.ค. 65