ปณัยกลับมาอีกครั้งในชุดเสื้อคอโปโลสีขาว ตราตรงอกบ่งบอกว่าเสื้อตัวนั้นไม่ธรรมดา พร้อมกางเกงยีนสีดำที่ทำให้เขาดูอ่อนวัยลง ผมที่จัดทรงตั้งยิ่งทำให้เขากลายเป็นเด็กหนุ่ม โคโลญแรงจนได้กลิ่นแม้เขาอยู่ระยะไกล
“หิวไหม กินอาหารเช้าแล้วคุยไปด้วยดีกว่า” เขาหยุดยืนห่างไปจากโซฟาที่เธอยังคงนั่งอยู่ตามคำสั่งเขา รออย่างกับแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง เจ้านางก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องนั่งนิ่งรอเขาตามคำสั่งขนาดนั้นด้วย
งั้นก็ถึงเวลาขัดคำสั่งได้แล้วล่ะมั้ง “ไม่ค่ะ คุณจะพูดอะไรก็พูดเลย แล้วนางจะได้ไปๆ จากที่นี่สักที”
ใบหน้าสดใสอย่างเด็กหนุ่มเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวทันควัน “คุณจะไปไหน”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้ผมก็ไม่ให้ไป” เขาพูดหน้าตาย
เจ้านางลุกขึ้นยืน “ยังไงนางก็ต้องไป นางอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันบ้านคุณ”
เขาก้าวมาใกล้กัน “ถูก บ้านผม และผมให้คุณอยู่กับผมที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ แต่นางไม่อยากรบกวน นางต้องหาที่อยู่เองตามที่ควรจะเป็น คุณช่วยมาขนาดนี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว”
เขาถอนใจ คว้ามือเธอแล้วจูงให้เดินไปโต๊ะอาหาร เลื่อนเก้าอี้บังคับให้นั่ง ขณะที่ตัวเองนั่งฝั่งตรงข้าม
“กินก่อน ผมหิว หมดแรงด้วยเจอคุณทำฤทธิ์แต่เช้า”
“อะไรคะ นางทำอะไรให้คุณ”
เขากวาดตามองเธอแปลกๆ โดยเฉพาะเหมือนมองอยู่ที่หน้าอกของเธอ เขาเอียงหน้า หยิบเหยือกรินกาแฟใส่แก้วหนึ่งพลางเอ่ย “ผมว่าเสื้อตัวนี้มันเล็กไป ไม่สิ เสื้อพอดีแต่หน้าอกคุณ...”
“ทำไมคะ หน้าอกนางทำไม”
เขาโน้มตัวมาใกล้ๆ แม้จะอยู่อีกฟากของโต๊ะก็ตามที “คุณไม่รู้ตัวเลยจริงๆ เหรอ ว่าหน้าอกหน้าใจคุณมันทำให้ผมเหนื่อย”
เธอกลอกตา “เหนื่อย...คืออะไร”
เขาหรี่ตา พรูลมหายใจออกมา “เด็กน้อยเอ๋ย...”
ปณัยทำตาวาววับขณะชโลมสายตาลงทั่วตัวเธอ เสียงพูดแหบพร่า
“เหนื่อยเพราะกลายเป็นม้าคึกต้องคอยเผด็จศึกทั้งวันไง”
“คุณปณัย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเข้าใจอะไรๆ แล้วทำท่าจะลุกหนี แต่ไม่ทันเขาที่ลุกยืนคว้ามือเธอไว้ก่อน
“โอเคๆ นั่งก่อนๆ กินไป เดี๋ยวพอดีไม่ได้กินไม่ได้คุยกันสักทีเช้านี้” เขาว่าแล้วทำขึงขังจัดแจงเลื่อนแก้วกาแฟให้เธอ ก่อนจะรินกาแฟใส่อีกแก้วสำหรับตัวเอง สนใจกับอาหารเช้าอย่างลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่กำลังพูดเรื่องหมิ่นเหม่อยู่
“เอาละ” เขาเริ่มพูดเมื่อจวนอิ่มกันแล้ว
“เจ้านางฟังนะ คุณมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะเลย ซึ่งผมจัดการให้บางส่วนแล้ว เดี๋ยวเสร็จจากนี้เราจะไปสถานีตำรวจก่อน แล้วไปโรงพยาบาลตำรวจรับยายคุณ จากนั้นพาท่านไปวัดจัดงานต่างๆ ให้เรียบร้อย”
เจ้านางสลดลง เมื่อได้ยินเขาพูดเรื่องพวกนั้นที่ตอกย้ำว่ามันไม่ใช่ความฝัน
“เข้าใจใช่ไหมเจ้านาง”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเบาๆ
ปณัยรวบช้อน ส่วนเธอแม้ยังไม่อิ่มแต่ก็กินไม่ลงแล้ว เขาจิบกาแฟพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ
“ทีนี้พูดเรื่องของเราให้เข้าใจตรงกันก่อน”
เธอนั่งนิ่ง มองใบหน้าของเขาที่วันนี้ดูสว่างสดใสกว่าทุกวัน คงเพราะไม่ได้อยู่ในชุดสูทผูกไทอย่างที่เห็นบ่อยๆ
“หนึ่ง ผมยังไม่มีเมีย ไม่เคยแต่งงาน โสดสนิท แต่ไม่ซิง โอเคไหม”
เจ้านางอึ้งที่เขาพูดอะไรเช่นนี้ออกมา ได้แต่ทำตาปริบๆ อย่างไม่รู้ว่าจะต้องตอบรับหรืออะไรยังไง ปณัยพูดต่อ
“ดังนั้น คุณไม่ใช่เมียน้อย ไม่ใช่บ้านเล็กของผมแน่” เขาหยุดถอนใจนิดๆ “ส่วนเรื่องนางบำเรอ ผมไม่จัดคุณไว้ในกลุ่มนั้นเข้าใจไหม”
เธอแค่นยิ้ม “ขอบคุณที่บอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นนางก็คงไม่ใช่ผู้หญิงของคุณนะคะ”
“ไม่รู้สิ” เขาตอบหน้าตาย
เธอเบิกตา ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็ว่าต่อเอง
“เจ้านาง เท่าที่ผมเข้าใจ คุณอยู่กับยายมาตลอด พ่อกับแม่ของคุณเสียไปตอนเก้าขวบใช่ไหม ซูซานเล่าให้ผมฟังตามที่คุณบอกวันมาสมัครงาน”
เธอนิ่ง ซึ่งนั่นคงเป็นคำตอบให้เขาได้แล้ว
เขาสูดหายใจลึกๆ ดวงตาที่มองเธอมีแววหนักใจ “ดังนั้นตอนนี้คุณไม่มีใคร ญาติฝั่งพ่อหรือแม่มีไหม ผมช่วยตามช่วยติดต่อให้ได้นะ ผมพอมีคนของผม”
เธอส่ายหน้า “ไม่แล้วค่ะ นางไม่มีญาติที่ไหนอีก”
คิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ “แปลก หรือคุณไม่สนใจพวกเขาเอง”
เจ้านางถอนใจบ้าง “นางไม่รู้จะไว้ใจใครได้อีก ยายเคยบอกว่าให้อยู่ด้วยตัวเอง”
เขาประสานมือไว้บนโต๊ะ พยักหน้านิดๆ “โอเค อย่างนี้ก็ง่ายขึ้นหน่อย สรุปว่าคุณต้องอยู่ลำพังแล้วต่อจากนี้ถูกไหมเจ้านาง”
เธอแค่มองเขา จะตอกย้ำไปถึงไหน
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอให้คุณมาอยู่กับผมนะเจ้านาง ผมไม่ได้ต้องการให้คุณมาทำเรื่องอย่างว่า บอกกันก่อน โอเค ผมยอมรับตรงๆ ว่าถูกใจคุณ คุณเป็นคนสวย ทั้งหน้าตาและรูปร่าง ผมขอโทษที่เผลอใจไปหลายครั้ง แต่...” เขาเม้มปาก ลุกขึ้นแล้วเดินมาลากเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เธอ
“ผมสัญญาจะไม่ทำอะไรคุณมากไปกว่าแค่...แค่ที่ผ่านมา ได้ไหม”
เธอจ้องตาเขา “คุณทำได้เหรอ”
เขาหัวเราะอย่างเยาะตัวเอง “นั่นสิ เมื่อเช้ายังแทบไม่รอดเลย”
“คุณปณัย!” เธอตาโต
เขาพ่นลมหายใจเสียงดัง เอื้อมมือมาจับมือเธอ “เอาน่า ผมพูดแล้ว สัญญากับคุณคนเดียวนะ ไม่เคยสัญญากับใคร ผมต้องทำให้ได้ เจ้านาง ผมถูกใจคุณไม่รู้ด้วยชะตาหรืออะไร อีกอย่างที่สำคัญ ผมชอบการร้องเพลงของคุณ คุณร้องเพลงเก่งอย่างคนมีพรสวรรค์เลยล่ะ ผมจะสนับสนุนคุณให้ไปได้ไกลทางนี้เลยดีไหม”
เจ้านางตาโต ยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นน่าสนใจเหลือเกิน เพราะมันคือความฝันของเธอ เธอฝันมาตลอดว่าอยากเป็นนักร้องอาชีพ!
“อยากเป็นนักร้องไหม” เขาถามอย่างกับมานั่งอยู่กลางใจเธอ
“ค่ะ นางอยากลงประกวด ถ้าชนะจะได้เป็นนักร้องอาชีพอย่างภาคภูมิ”
เขายิ้ม กระชับมือเธอ “นั่นไง ดีมาก การที่เรามีความฝันมันเป็นสิ่งที่ดีนะ ฝันแล้วทำให้มันเป็นจริง ผมจะช่วยคุณ”
“คุณต้องการอะไรจากนางกันแน่คะคุณปณัย” เธอถามอย่างต้องการรู้จริงๆ
เขาขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น สบตาเธอแน่วแน่
“เอาเป็นว่าผมอยากดูแลคุณเจ้านาง เวลานี้ คุณคือเด็กอายุสิบเก้า กำลังเรียนมหา’ลัยปีหนึ่ง ไม่มีใครในครอบครัว คุณกำลังเคว้ง เชื่อผมสิ คุณต้องการใครสักคน ผมมีกำลังพอที่จะดูแลคุณได้ ส่งเสียคุณเรียนจนจบและทำความฝันการเป็นนักร้องของคุณให้เป็นจริง ส่วนอนาคตข้างหน้าระหว่างคุณกับผม ผมไม่รู้ แต่ช่วงเวลานี้ผมจะตระหนักว่าผมควรวางตัวยังไงกับคุณ ผมจะทำให้ดีที่สุด”
เธอจ้องตาเขา ปล่อยมืออยู่ในอุ้งมืออุ่นๆ นั้น “คุณพูดกำกวมจังค่ะ ถ้านางอยู่กับคุณ นางก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่จะทำอะไรให้คุณด้วย ไม่ใช่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว”
“คุณร้องเพลงที่ผับผมอยู่แล้วไง”
“งั้นนางไม่รับค่าตัว”
เขาขมวดคิ้ว “คุณทำงานก็ต้องได้เงิน อย่าคิดมากน่า”
เธอชั่งใจ... เธอจะทำงานให้ดีก็แล้วกันถ้าอย่างนั้น ทว่ายังมีความกังวลอื่นที่ยังค้างคาในใจ เธอมองเขาเขม็งเอ่ยเสียงแข็ง
“และจะต้องไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง”
“โธ่” เขาอุทาน “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่เกินเลยคุณมากไปกว่าแค่จูบ ได้ไหม”
เธอนิ่งคิดกับคำพูดของชายหนุ่ม แค่จูบ มันคืออะไร... “ไม่ค่ะ จูบก็ไม่ได้ ยิ่งถ้านางต้องอยู่ที่นี่ คุณยิ่งต้องไม่ควรทำอะไรแบบนั้น ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่ควรอยู่กับคุณเพียงลำพังจริงๆ มันไม่เหมาะสม”
เขาถอนใจ ยกมืออย่างยอมแพ้ “โอเคๆ ผมลงแดงตายแน่ๆ เจ้านาง คุณน่ารักขนาดนี้”
ปณัยหยิกแก้มเธออย่างมันเขี้ยวเสียเฉยๆ
“คุณปณัย! ถ้าอย่างนั้นนางจะอยู่ที่อื่น เราอยู่กันคนละที่ดีกว่านะคะ”
“ไม่ ไม่ดีแน่ๆ อยู่นี่นั่นละ ผมหวงคุณจะตาย”
“คะ”
เขากระแอม “ผมห่วงคุณ”
เธอหรี่ตามองเขา “นางไม่มั่นใจคุณเลย”
ปณัยลุกขึ้นยืน หากมือยังเกาะกุมกันไว้
“เจ้านาง ผมจะพยายามข่มใจแล้วกัน คุณอยู่ห้องคุณ ผมอยู่ห้องผม เพนต์เฮาส์นี้ใหญ่มากนะ เราไม่ได้อุดอู้เดินชนกันทุกวันแน่ และผมก็มีงานของผมรัดตัว ไหนจะดูบริษัท ไหนจะแข่งรถ บางทีผมต้องไปต่างประเทศทั้งดูงานทั้งไปแข่ง คุณอาจจะต้องอยู่คนเดียวเป็นสัปดาห์เลยด้วยซ้ำ”
เขายื่นหน้ามาใกล้ๆ “เอาเป็นว่าผมไม่ได้มีเวลามานั่งคิดจะ...นั่นละ กับคุณตลอดเวลาสักหน่อยนะคนสวย”
เธอดึงมือออกทำหน้าชอบกล เขาก็คว้ามือเธอไปกุมไว้อีกรอบ
“ตกลงตามนี้นะเจ้านาง”
“ตกลง ตกลงว่าอะไรคะ” เธอเลิ่กลั่ก
เขาบีบมือเธอแน่น ยิ้มพราย ดวงตาฉายแววยินดีชัด
“ก็ตกลงว่า คุณจะอยู่กับผมที่นี่ และต่อจากนี้ไป ผมคือผู้ปกครองของคุณ!”
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา เปิดจองตั้งแต่วันนี้ - 23 ธ.ค. 65 รายละเอียด (คลิก) **
>> eBook วางจำหน่ายแล้ววันนี้! <<
คลิกอ่านเล่มเต็ม
ดาวน์โหลด eBook ภายใน 7 วันแรก
ลดราคาพิเศษ เหลือเพียง 249฿ (จากปก 350฿)
ราคาโปรโมชั่นสิ้นสุดเที่ยงคืนวันที่ 8 ธ.ค. 65