เจ้านางปิดประตูหน้าบ้านอย่างเบามือ สี่ทุ่มกว่าแล้วเธอเกรงใจยายจะตื่นเพราะสุ้มเสียงที่เธอกลับเข้าบ้าน ทว่าเสียงเดินยักแย่ยักยันทำให้หญิงสาวรีบก้าวไปหาร่างผอมที่หลังงองุ้ม ขาโค้งดังคันธนูเพราะเข่าที่เสื่อมมาก แต่ผู้สูงวัยก็ไม่ยอมผ่าตัดรักษา เดินทั้งปวดๆ อย่างนี้มาหลายปีจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“ยายยังไม่นอนเหรอ หรือนางทำยายตื่น” เธอรีบประคอง ยายยกมือโบกถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“ยายยังไม่นอน เราน่ะทำไมกลับดึกนัก”
เมื่อพายายมานั่งบนเก้าอี้แล้ว เจ้านางก็นั่งลงข้างๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ หยิบกล่องขนมกับน้ำเต้าหู้ขวดออกมา
“ขนมเจ้าอร่อยยายชิมไหมคะ” เธอว่าแล้วเปิดกล่องกระดาษ ขนมเปี๊ยะรูปทรงนำสมัย เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าผอมๆ ชิ้นเล็กๆ พอดีคำวางเรียงเป็นตับ เจ้านางหยิบเคี้ยวตุ้ยๆ ไปห้าหกชิ้นรวด ก่อนจะตามด้วยหยิบขวดน้ำเต้าหู้หมุนเปิดแล้วยกดื่ม
“ไม่ได้กินข้าวเย็นมาล่ะสิ กินเอาๆ อย่างนี้” ยายทัก
เธอทำหน้างอ “ยายรู้ทันนางอีกแล้ว”
“ตกลงนี่เราทำอะไรทำไมกลับดึก ถ้างานพิเศษมันต้องเลิกค่ำมืดแบบนี้ทุกวันยายว่าเปลี่ยนงานเถอะ เนี่ยรีบกลับมาช่วยยายทำกระทงใส่ขนมดีกว่า”
เจ้านางมองผู้เป็นยายกับกระจาดหวายใส่ใบตองสดอยู่หลายใบวางเกลื่อนเต็มโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องโถงของบ้าน มือกร้านของท่านหยิบมีดที่วางอยู่ขึ้นมา พร้อมใบตองที่เจียนค้างไว้เพื่อทำต่อ
“นางต้องทำงานอื่นช่วยอีกทางสิคะถึงจะดี ถ้ามาทำด้วยกันรายได้ก็ได้ทางเดียว ส่วนพวกนี้ยายวางไว้เถอะ นางกลับมาก็มาทำต่อให้ได้อย่างวันนี้ไง” ว่าแล้วหลานสาวก็หยิบใบตองที่ยายเจียนแล้วขึ้นมาหมุนเล่น
“งานของยายยายทำได้ ทำไปเรื่อยๆ” ท่านว่าแล้วก็เจียนใบตองต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ยายควรจะนอนได้แล้ว เดี๋ยวความดันขึ้นอีกนะ แค่นี้ใช่ไหม เดี๋ยวนางอาบน้ำแล้วมาทำต่อให้” เธอเอ่ยอย่างประจบ เอื้อมมือไปบีบแขนเหลวๆ ของยายเล่นอย่างที่ชอบทำ
“ยายยังไม่ง่วง เราเองก็เหนื่อยแล้ว ตกลงเราทำงานอะไรเจ้านาง”
เจ้านางถอนใจเบาๆ ยอมตอบในที่สุด เธอไม่เคยคิดปิดบังอะไรยายอยู่แล้ว ก็มีกันอยู่แค่นี้สองคน บางอย่างที่บอกบ้างไม่บอกบ้าง หรือบอกไม่หมดก็เพราะแค่ไม่อยากให้ยายเป็นห่วงเท่านั้น อย่างงานที่มอเตอร์โชว์นั่นก็ไม่ได้บอกท่าน
“นางได้งานร้องเพลงที่ผับน่ะยาย” หญิงสาวตอบ มือหนึ่งหยิบใบตองมาช่วยเจียน
“ผับอะไรนี่มันใช้ได้หรือเปล่า ร้องเพลงกลางคืนระวังเรื่องผู้ชาย เราเป็นสาวเป็นนาง” เธอรู้ยายพูดด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้คิดว่ากล่าวหรือดูแคลนใดๆ
“งานนี้เงินดีนะยาย ที่สำคัญนางมีความสุขกับการร้องเพลง มันเอื้อกับสิ่งที่นางเรียนอยู่ ถือว่าได้ซ้อมร้องเพลงและได้เงินด้วยอีกต่างหาก” เธอยิ้มแป้น สัญญาที่ปณัยให้เซ็นค่าตอบแทนงามทีเดียวเชียว
“แต่งานมันเลิกดึกดื่น เอ็งจะกลับบ้านลำบาก” ยายยังเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอกยาย” เธอรีบเขยิบเก้าอี้มาซบไหล่ผู้สูงวัย “สี่ห้าทุ่มยังไม่ดึกเกินไป รถเมล์ก็ยังมีคนขึ้นอยู่ แล้วผับนี้นางว่าก็ไม่ไกลจากบ้านเรามากนัก”
“แต่เอ็งยังต้องเรียนอีก”
“ก็นั่นไงยาย นางยิ่งต้องทำงาน จะได้ช่วยค่าเทอมด้วย”
ยายถอนหายใจ วางมือจากกระทงใบตองหันมามองเธอ ดวงตาของท่านฝ้าฟางใบหน้าเต็มไปด้วยกระเนื้อและริ้วรอยตามอายุ หากเป็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคยแต่เล็กแต่น้อย ยายผู้ดูแลเธอมาเพียงผู้เดียวตั้งแต่เธอยังไม่ครบสิบขวบดีด้วยซ้ำ
ยายลูบหัวเธออย่างทุกครั้งที่เวลาให้กำลังใจ ให้พร หรือนึกเอ็นดูสงสารขึ้นมา มันทำให้เธออบอุ่น เป็นสัมผัสที่บ่งบอกว่าเธอไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย อย่างน้อยๆ ก็มีดวงตาฝ้าฟางกับมือเหี่ยวย่นคู่นี้ที่คอยประคองให้มีแรงกายแรงใจเดินต่อไปได้บนเส้นทางชีวิต ที่ไม่รู้จะยาวนานและจบสิ้นที่ใด
“นางเอ๊ย ชีวิตเอ็งมันน่าเห็นใจนัก ไม่รู้กรรมเวรอะไรทำให้ต้องมาเจอความทุกข์ยากเช่นนี้ แต่ยายก็ดีใจนะที่เอ็งอดทน ไม่จมอยู่กับความคิดอะไรที่มันบั่นทอนจิตใจ สู้มาได้จนถึงตอนนี้ เราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ยายก็สบายใจแล้ว อย่างน้อยก็มีปริญญาสักใบ จบมาก็หางานทำได้ไม่อดตายนะเรา”
เธอยกมือไหว้กราบแทบอกท่าน “นางมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะยายค่ะ นางรักยายมากนะคะ ยายเลี้ยงนางมา ยายต่างหากที่อดทนมากกว่านาง”
“ยายเองก็แก่ลงทุกวัน แม้เรี่ยวแรงมันจะยังมีแต่ก็ถดถอยไปเยอะ ยายอยากให้เราเข้มแข็งอย่างนี้นะเจ้านาง อดทนให้ได้อย่างนี้กับทุกๆ เรื่องที่จะพบเจอ จำไว้ เข้มแข็งอดทน อย่าน้อยใจอย่าก่นด่าในโชคชะตา ถ้าเราดูแลตัวเองได้อย่างนี้แล้วยายก็หมดห่วง”
เธอซบหน้าลงกับอกผู้เป็นยาย “ได้ไงล่ะจ๊ะยาย นางอยากให้ยายห่วงนางไปเรื่อยๆ จนนางแก่เลย”
ยายตบหัวเธอเบาๆ “เด็กน้อยเอ๋ย...ยายจะไปอยู่ค้ำฟ้าได้อย่างไร เราก็รู้น่า เอาเถอะ ยายสบายใจแล้วที่เห็นเรามาได้ขนาดนี้”
เธอเงยหน้าขึ้นมองท่าน “ไม่เอาสิยาย ยายต้องอยู่กับนางไปเรื่อยๆ จนช่วยเลี้ยงหลานด้วยเลย”
“โอ๊ย เลี้ยงไม่ไหวแล้วปูนนี้”
“ไหวสิยาย ยังแรงดีอยู่เลย” เธอจับมือยายบีบเล่น
ยายยิ้ม “อย่าบอกว่าจะมีหลานวันนี้พรุ่งนี้ให้ยายนะเจ้านาง เรียนให้มันจบก่อน”
“ว้าย ยาย ไม่ใช่อย่างนั้น” เธอหัวเราะร่วน ยายเข้าใจผิดแล้ว
หญิงสาวโอบกอดร่างท้วมของผู้เป็นยายอย่างรักใคร่ สุดท้ายก็กล่อมให้ท่านไปนอนก่อนจนได้ เจ้านางพายายไปส่งถึงห้องนอน แม้ทาวน์เฮาส์นี้จะเล็กแต่มันก็คือสมบัติเดียวที่เหลืออยู่ โชคดีที่เป็นชื่อของยาย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เหลืออะไรเลย
เจ้านางเลิกคิดเมื่อความหลังเริ่มพรั่งพรู เรื่องราวมากมายในอดีตที่มันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึง ยิ่งถ้ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ รังแต่จะส่งคืนความเจ็บปวดกลับมาในหัวจิตหัวใจ ลืมๆ มันไปเสีย จะแกล้งลืมหรือลืมได้จริงๆ ก็ช่าง แต่อย่าไปคิดถึงดีที่สุด
เธอมองใบตองอีกหนึ่งตะกร้า ไม่เป็นไร อาบน้ำแล้วมาทำต่อสักครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ พรุ่งนี้เช้ายายจะได้ทำขนมแล้วตักใส่ขายได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเจียนต่ออีก
** หมายเหตุ: ความเร็ว ความรัก และมายา เปิดจองวันที่ 14 พ.ย. 65 รายละเอียด (คลิก) **