คืนนั้นหลังร้องเพลงเสร็จ คนที่มาส่งเจ้านางคือชายที่มาตามเธอให้ไปพบปณัยในวันแรกที่เธอมาร้องเพลงนั่นเอง เขาแนะนำตัวกับเธอและบอกให้เรียกเขาว่า ‘วิน’
วรัทพาหญิงสาวเดินมาด้านข้างของผับ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ มันทำให้เจ้านางเกร็งไม่น้อย รถสปอร์ตสองประตูสีดำ เจ้านางไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไรหรอก ไม่รู้จักรุ่นอะไรๆ แต่ก็มองแล้วรู้ว่าเป็นรถราคาหลักหลายสิบล้านซึ่งไม่เหมาะกับผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอที่จะเข้าไปนั่งเลยแม้แต่นิด
“รถสวยจัง!” เจ้านางชื่นชม นึกถึงรถทั้งหลายที่เห็นในงานมอเตอร์โชว์ รถสวยๆ แบบนั้นพอมาเห็นบนถนนกับใช้งานจริง ความรู้สึกมันต่างกัน
“รถของนายให้ผมยืมขับ” วรัทพูดยิ้มๆ ดูเป็นคนถ่อมตัว เขาหลิ่วตาถาม “ชอบเหรอ”
เจ้านางทำเสียงในลำคอก่อนเอ่ย “รถสวย หรูอย่างนี้ใครๆ ก็ชอบ”
เขาหัวเราะเบาๆ พูดด้วยดวงตาพริบพราย “รถส่วนตัวคุณปณัย สุดยอดกว่านี้อีก”
แล้ววรัทก็เปิดประตูให้ “ขึ้นรถเถอะ”
หญิงสาวกลับไม่ขยับเขยื้อน “นางไม่เหมาะกับรถอย่างนี้ นางขึ้นรถเมล์กลับบ้านสบายใจกว่า ฝากขอบคุณคุณปณัยด้วยแล้วกันนะคะ”
เจ้านางลาแล้วผละออกมา
“เฮ้ย คุณ!” วรัทแทบจะถลันเข้ามา เสียงเอ่ยกับหน้าตาดูจริงจัง “คุณปณัยบอกให้ผมไปส่ง ขึ้นรถเถอะ อย่าขัดคำสั่งนายเลยถ้าไม่อยากลำบาก”
หญิงสาวเลิกคิ้ว “เจ้านายคุณนี่มีอำนาจมากเลยเหรอ ทำไมดูทุกคนกลัวกันจัง ป้าซูนี่เวลาพูดถึงทีก็เกรงใจสุดๆ”
“คุณปณัยเป็นเจ้านาย เราทุกคนต้องทำตามคำสั่ง” วรัทย้ำน้ำเสียงราบเรียบ
“ทำไมล่ะ” เธอเอียงหน้าถาม “ถ้าเรามีเหตุผลก็ไม่เห็นต้องทำตามก็ได้นี่ นางกลับรถเมล์เป็นประจำไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วนางก็ไม่อยากนั่งรถหรูๆ ขนาดนี้”
“ทำไมเหรอรถหรูแล้วมันยังไง”
“คุณปณัย/นาย!” ทั้งเจ้านางและวรัทตกใจเมื่อจู่ๆ ก็เห็นปณัยเดินเข้ามาใบหน้าบึ้งตึง
ปณัยคว้าข้อมือหญิงสาว “ถ้ารถคันนี้มันหรูไม่พอก็มากับผม”
เจ้านางหันไปมองวรัทที่ได้แต่ยืนนิ่ง สายตาที่มองมานั้นมีความรู้สึกหลากหลาย ทั้งยำเกรงผู้เป็นนาย ไม่เข้าใจ และเหมือนจะข้องใจพอๆ กัน
เจ้านางไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีกเมื่อปณัยจูง...ไม่สิ น่าจะเรียกว่าลากเธอมากกว่า จนถึงลานจอดรถด้านหน้าผับ การ์ดของผับวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังมายังรถคันสีแดงเพลิงรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวโดดเด่นกว่าคันของวรัทเป็นสิบเท่า ขับไปตรงไหนคงได้มีคนมองกันทั้งถนน ไม่น่าเลยเรา ขึ้นๆ ไปกับวรัทก็สิ้นเรื่องแล้วเมื่อกี้!
ปณัยลากเธอมาจนถึงประตูฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ แล้วเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง ยืนรอด้วยหน้าตาถมึงทึง สั่งเสียงห้วน “เข้าไปสิ”
เจ้านางจำต้องนั่งลงบนเบาะสีน้ำตาลอ่อน เมื่อเขาปิดประตูก็รู้สึกได้ทันทีว่าภายในรถยังกับคนละโลกกับข้างนอก เบาะอันโอ่อ่ากลิ่นหนังหอมๆ ให้ความรู้สึกสะอาด เมื่อปณัยขึ้นนั่งและสตาร์ตเครื่อง แสงไฟสีฟ้าเข้มเป็นแนวรอบรถก็ปรากฏ จอด้านหน้าเธอมีตัวเลขอะไรต่ออะไรขึ้นแวบวาบ เธอคิดว่านั่งอยู่ในยานอวกาศก็ไม่ปาน
ปณัยถอยรถและขับออกจากผับอย่างรวดเร็ว ลงถนนไม่นานก็เลี้ยวขึ้นทางด่วน น่าแปลกเขาไม่ได้ใช้ความเร็วให้สมกับสมรรถนะรถ ขับช้ากว่าที่เธอคาดไว้ด้วยซ้ำ
“ทำไมคุณชอบขัดคำสั่งผม” เขาถามเป็นคำแรกหลังจากอยู่ในรถกันมาได้สิบนาที
“นางไม่ได้ขัด นางมีเหตุผลที่จะไม่ทำตาม” เธออธิบาย
“นั่นละ เขาเรียกขัดคำสั่ง” เขาย้ำพร้อมกับเหลียวมองเธอ
เจ้านางถอนใจ “คุณปณัยคะ”
“ผมบอกให้เรียกณัยไง”
“ค่ะคุณณัย การที่คุณมองว่าคนที่ไม่ยอมทำตามที่คุณบอก คือการขัดคำสั่งไปเสียหมด นางอยากให้คุณคิดใหม่ คนเราไม่สามารถสั่งให้ใครทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการได้หมดทุกอย่างหรอกนะคะ เรื่องหนึ่งคุณคิดอย่าง คนอื่นอาจจะคิดอีกอย่าง คนเราคิดแทนกันไม่ได้”
เขาชะลอความเร็วรถลง เมื่อรถด้านหน้าเริ่มติดจนหยุดสนิทจึงหันใบหน้าคมคายมามองจ้องกัน “ผมเป็นเจ้านาย สั่งแล้วใครไม่ทำตามก็คือขัดคำสั่ง ผมเข้าใจผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่คุณคิดว่าเป็นเจ้านายตลอดเวลาไง” เธอจ้องตาเขากลับ
ปณัยขมวดคิ้ว “ยังไงนะ”
“คุณไม่ได้เป็นเจ้านายยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ อย่างนางหลังหมดชั่วโมงร้องเพลงก็เท่ากับว่าหมดเวลาทำงานแล้ว เป็นตัวของตัวเอง จะกลับบ้านยังไงก็เรื่องของนาง”
“อ้าว” เขาขัดขึ้นทันควัน รถเคลื่อนพอดี เขาออกตัวแรงเหมือนมีอารมณ์ รถสมรรถนะเลิศทำให้เขาต้องเบรกซ้ำเพราะเกือบจะชนท้ายคันหน้า
“คุณมีสมาธิหรือเปล่าคะ”
เขาพ่นลมหายใจพรืด “ก็ตั้งใจฟังคุณไง ว่าคุณกำลังว่าผมที่อุตส่าห์หวังดีให้วินไปส่ง”
“ฟังอย่างไม่มีอารมณ์สิคะ ไม่งั้นนางไม่พูดต่อแล้วนะ”
เขากลับมาขับด้วยความเร็วเดิม เอ่ยเสียงติดจะแข็ง “พูดมา”
“นางขอบคุณในความหวังดีของคุณ แต่อย่างที่บอก หลังเลิกงานนางจะเลือกกลับยังไงก็เป็นสิทธิ์ของนางค่ะ เพราะมันอยู่นอกเหนือเวลางานแล้ว คุณสั่งไม่ได้ นางรู้ว่าคุณมีน้ำใจ แต่นางก็มีเหตุผลของนาง นางคุ้นเคยแบบไหนก็อยากกลับแบบนั้น คุณไม่ควรใช้ความเป็นเจ้านายมาสั่งนาง พอนางไม่ทำตามก็มาหาว่าขัดคำสั่ง”
“แปลว่านอกเวลางานสั่งไม่ได้ว่างั้น”
เจ้านางถอนหายใจ “นางคิดว่าคุณเข้าใจแล้วนะคะ คุณปณัย”
เขาเอียงหน้านิดๆ “เข้าใจก็ได้ ถ้าไม่ใช่เวลางาน บอกอะไรไปแล้วคุณไม่ทำ ห้ามว่าว่าขัดคำสั่ง ถูกไหม”
“ค่ะ”
แม้เขามองถนนแต่เธอก็เห็นเขายิ้มมุมปาก รถหยุดอีกครั้ง เขาเอี้ยวตัวมามองเต็มตา
“แล้วเรียกผมใหม่ซิ คุณณัย”
แปลกที่เธอรู้สึกหวั่นๆ ยามเขาก้มมองใกล้ๆ ทุกครั้งไป แปลกจริงๆ
“คุณณัย” เธอพูดไปให้เขาเอาใบหน้าคมคายออกห่างสักที แต่ชายหนุ่มยังคงมองเธอในระยะประชิด ไฟแดงก็อีกหลายร้อยวินาที
“ดีมาก” เขายิ้มกริ่ม “รู้ไหม ปกติผมไม่ให้ใครเรียกชื่อเล่นผมเลยนะ”
เธอมองเขาอย่างงงๆ เพราะเข้าใจว่าพอรู้จักกันแล้วก็อาจจะอยากให้เรียกง่ายๆ แต่คร้านจะถามเหตุผล แล้วเขาก็บอกต่อเอง
“ผมไม่ชอบให้ใครมาสนิทกับผมจนเกินไป ผมต้องการเว้นช่องว่างให้ตัวเองไม่ว่าจะกับใครก็ตาม”
“อ้าว แล้วให้นางเรียกคุณอย่างนั้นทำไมคะ”
เขายิ้มชัดๆ คราวนี้ “เพราะผมไม่อยากมีช่องว่างกับคุณ”
ไฟเขียว เขาหันไปสนใจถนนและการขับรถอีกครั้ง จนลงทางด่วนเขาจึงหันมาถาม
“เข้าซอยแล้วบอกผมหน่อยว่าไปยังไงต่อ ผมไม่รู้แล้ว”
เมื่อนั้นเจ้านางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกเขาสักคำว่าอยู่ที่ไหน ปล่อยเขาขับมาเรื่อย มาถูกด้วยถึงหน้าซอยเลยจริงๆ
เขาหันมายิ้มอีก “ไม่ต้องทำหน้างง คุณเขียนในใบสมัครไว้ไงที่อยู่ น่ะ”
เออ จริง แต่ก็งงอยู่ดีนั่นละว่าอย่างเขาจะมาสนใจที่อยู่เธอ นักร้องใหม่ประจำผับเนี่ยนะ
“เอ้า บอกผมหน่อยไปไหนต่ออย่ามัวแต่อึ้ง”
คำแซวของเขาทำเธอค้อนแล้วบอกทาง จนถึงหน้าทาวน์เฮาส์สองชั้น
“ถึงแล้วค่ะ”
เขาดับเครื่อง ลงรถแล้วเดินมาส่งเธอถึงหน้าประตูรั้วบ้าน แถวนี้คนไม่พลุกพล่าน ค่อนข้างเงียบ สี่ทุ่มนิดๆ ยิ่งไม่มีใคร ไฟก็สลัว
“เปลี่ยวนะบ้านคุณ” เขาเอ่ยพลางกวาดตามองไปรอบๆ
“ค่ะ แต่ก็ไม่วุ่นวายดี พอมืดคนแถวนี้ก็เข้าบ้านหมดค่ะ”
เขาทำหน้ายุ่งๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง ระหว่างรอเธอไขประตู
“คุณอยู่กับใคร” เขาถามแล้วมองเข้าไปภายในตัวบ้าน
“นางอยู่กับยายแค่สองคน ดึกป่านนี้ยายคงนอนแล้ว” เจ้านางบอกตามจริง ไม่ได้จะดักคอถ้าเขาจะขอเข้าไป เธอก็ไม่คิดว่าอย่างเขาจะขอเข้าบ้านเธอหรอก
ปณัยพยักหน้านิดๆ
“ขอบคุณมากนะคะที่กรุณามาส่งถึงบ้าน” เธอเอ่ยเมื่อเปิดประตูได้แล้ว
เขาสบตาเธอนิ่ง ดวงตาของผู้ชายคนนี้น่ามอง ทั้งเครื่องหน้าของเขา เหมือนอย่างที่ในเว็บไซต์ต่างๆ พูด ใบหน้าของปณัยหล่ออย่างไร้ที่ติ มันทำเธอใจสั่นวาบๆ ทุกครั้ง เจ้านางพยายามข่มใจ ไม่อยากหวั่นไหวไปกับรูปลักษณ์ของเขา
“ผมยินดีเจ้านาง ผมอยากมาส่งคุณ”
เขาโน้มตัวลงพร้อมๆ กับก้มหน้าเข้ามาจนใกล้ ริมฝีปากแตะลงบนหน้าผากเธออย่างรวดเร็วแผ่วเบา เร็วมากปานลมพัดวูบไป แต่ความรู้สึกชัดเจนเหลือเกิน
“ราตรีสวัสดิ์ เข้าไปได้แล้ว ปิดล็อกให้ดี”
ร่างสูงสง่ายังยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เจ้านางรีบเดินเข้าบ้าน หน้าร้อนไปจนถึงหู จุมพิตบนหน้าผากยังตราตรึง ปณัย หนุ่มฮอตไฮโซ อะไรกันนี่
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **