ทดลองอ่าน ความเร็ว ความรัก และมายา : ตอนที่ 6

 

 

ตอนที่ 6

 

 

“เด็กที่มาสมัครร้องเพลงที่ผับเมื่อวานใช่ไหม” เขาถาม

“ครับ เจ้านาง” วรัทเอ่ยอย่างมั่นใจ ทำไมคนสนิทจำชื่อแม่นนักนะ

เธอยืนอยู่ตรงรถคันสุดท้ายซึ่งห่างจากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ไปอีกสองคัน ปณัยก้าวไปหาทันที

“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เขาตกใจกับเสียงตัวเองที่มันติดไม่พอใจไปได้อย่างไร

สีหน้าเธอดูแปลกใจไม่น้อยที่เจอเขาที่นี่ แต่แล้วก็เชิดขึ้นอย่างรั้น “เกี่ยวอะไรกับคุณ”

เออ ก็จริง ไม่เกี่ยว แต่ทำไมเขาหงุดหงิดยังไงไม่รู้ ก็ตรงหน้านี่คือเด็กสาววัยขบเผาะที่สวมเพียงชุดเกาะอกผ้าสีเงินมันปลาบ เปิดผิวขาวลออทั้งคอระหงไหล่ไปจนถึงเนินอก ยังหน้าท้องแบนเห็นสะดือมีจี้พลอยสีชมพูกลัด กระโปรงแนบตัวสั้นแค่ต้นขาแหวกหลังลึกเห็นไปถึงไหนๆ เรียวขาขาวเนียนจนเหมือนจะมีประกายเรืองรอง

ปณัยรู้สึกร้อนรุ่ม อยากจะถอดสูทตัวเองออกคลุมเจ้าหล่อนแล้วแบกพาไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง นี่เขาเป็นอะไรไปวะเนี่ย เธอไม่ใช่ของเขา

ที่สำคัญเธออายุสิบเก้า!

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา เดินไปใกล้เธอขึ้นอีก “ก็เมื่อวานเห็นยังอยากเป็นนักร้องที่ผับผมอยู่เลย แต่วันนี้เกิดอยากจะเป็นพริตตี้กลางงานมอเตอร์โชว์ ตกลงคุณอยากทำอะไรกันแน่”

ดวงตากลมหวานมองเขา แววตาไม่มีเกรงกลัว คอขาวนวลตั้งขึ้นอย่างกล้าแกร่ง “ทำอะไรก็ได้ที่เป็นงาน มีเงิน และสุจริต ขอโทษ กรุณาหลบด้วยจะทำงาน!”

ไม่พูดเปล่า สาวเจ้าเดินแทบชนเขาแล้วยิ้มหวานให้กับหนุ่มใหญ่ที่เดินเข้ามาชมรถคันงามทันที

ปณัยยิ่งหงุดหงิดเมื่อมองตาก็รู้ว่าไอ้หนุ่มนั่นตั้งใจมองนมเธอมากกว่ายานยนต์คันงาม

“น้องคนสวย พี่ลองนั่งหน่อยได้ไหม”

ดูมันพูด ปณัยกำมือแน่น

“คันนี้ดูได้ข้างนอกเฉยๆ ค่ะ” เจ้านางตอบเสียงใส

“เปล่า พี่หมายถึงตักน้องน่ะครับ”

ไอ้... เขากำลังจะอ้าปากด่า หากเจ้านางสวนกลับทันควันด้วยเสียงห้วนจัด

“ถ้าไม่ดูรถก็ไปไกลๆ เลยพี่ พริตตี้รถไม่ได้ขายอย่างอื่นกรุณาให้เกียรติกันด้วย”

“อ้าว น้อง พูดดีๆ กับพี่สิ จะพริตตี้จะอะไรก็ขายเซ็กซ์เหมือนๆ กันนั่นแหละ”

ปณัยก้าวปราดไปข้างหน้ามือกำหมัดแน่น ทว่าไม่ไวเท่าหญิงสาวที่ยื่นมือไปตบหน้าหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ย!” ปณัยอุทาน จากที่จะเข้าไปจัดการไอ้หน้าหม้อนั่นเขารีบคว้าเอวบางไว้ก่อนที่เธอจะเข้าไปซ้ำนายคนนั้นอีกรอบ

แต่เพราะแรงผู้หญิง และไอ้หื่นนั่นก็หลบได้ทันก่อนที่จะโดนซ้ำจึงไม่เจ็บตัวอะไรมาก มันยังยืนจังก้าเล่นเกมกวนประสาทกับเธอต่อ

“แหม...น้อง อยากจะถูกเนื้อต้องตัวพี่ก็บอก ไม่ต้องทำเป็นตบ”

“มาให้ตบอีกทีเลย” เธอยื่นมือออกไปเต็มที่

“เดี๋ยวๆ คุณ” เขาออกแรงดึงตัวนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมกอด แต่เจ้านางฮึดฮัด

“ปล่อยนาง! นางจะชกให้มันฟันร่วงพูดไม่ได้เลย เกลียดนักพวกดูถูกผู้หญิง!”

“อะไรวะ นุ่งน้อยห่มน้อยอย่างนี้ยังมาทำเป็นหวงตัวหน้าบาง จะให้หิ้วไปที่ลับๆ ล่ะสิ” อีกฝ่ายยังมองเธอด้วยสายตาแทะโลม

“มึง อยากโดนอีกหมัดจังๆ ใช่ไหม แน่จริงอย่าหลบสิโว้ย!” เธอท้า ยื่นหมัดเหวี่ยงไปกับลมแล้ง

ปณัยออกแรงกดเธอแนบอกตัวเอง ก้มลงพูดใกล้ๆ แก้มสาว ตัวเธอหอมจริงๆ ให้ตายสิ

“คุณอยู่เฉยๆ ผมจัดการให้เอง”

“ไม่! นางจะชกปากมัน เอาหมาออกจากปาก” หญิงสาวดิ้นไม่หยุด

ปณัยออกแรงรัดเธอแน่นขึ้น ก้มลงจนปากใกล้พวงแก้มนวล “หยุดดิ้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะจูบปิดปากคุณให้มันเห็นว่าคุณมีเจ้าของแล้วดีไหม มันจะได้เลิกตอแย”

ได้ผล เธอยืนนิ่งทันใด เขาปล่อยตัวเธอ ชี้นิ้วปราม “ยืนเฉยๆ นะ”

เธอทำหน้างอเหมือนเด็กงอนๆ สักคน เขาก้าวไปใกล้ชายคนนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาไปยังเหล่าการ์ดของตัวเองที่รู้หน้าที่ดีไม่ต้องบอก เพราะแต่ละคนต่างดาหน้าเข้ามาแล้วตั้งแต่เห็นเหตุการณ์ โดยมีวรัทคอยยืนอยู่ใกล้ๆ เขาเช่นเคย

คนชีกอเริ่มลนลานเมื่อถูกรุม

“อ่อนแล้วยังอวดดีอีก ดูผู้หญิงยังดูไม่ออกเลยว่าคนไหนเล่นไม่เล่นด้วย” ปณัยมองอย่างนึกสมเพช

“เฮ้ย! อะไรวะ หมาหมู่รุมกูเหรอ”

“เออ! ทำนิสัยแบบนี้ก็ต้องเจอแบบนี้ ดูถูกผู้หญิง ทุเรศ” แล้วปณัยก็สั่งเสียงแข็ง

“ขอโทษเธอซะ!”

นายนั่นยังยืนเป็นหุ่นทำท่าฮึดฮัด ปณัยใช้สายตาสั่งการ์ดของเขาให้ล้อม เมื่อโดนกดดันหนักขึ้น มันก็เริ่มหน้าซีด อาการกร่างหายสิ้น เสียงและท่าทางอ้ำอึ้ง

“เอ่อ...เอ่อ...ขอโทษ”

พูดจบก็รีบเผ่นหายไปจากตรงนั้นทันที

ปณัยยิ้มเยาะแล้วหันกลับมายังหญิงสาวที่ยืนจ้องเขาเขม็งแทนคราวนี้

“อ้าว! ช่วยแล้วยังไม่ขอบคุณอีก” เขายักคิ้ว

“คุณเป็นมาเฟียเหรอ” เธอถามหน้าตาย

ปณัยยอมรับว่างงไปชั่วขณะ ไม่เคยมีใครถามอะไรเขาแบบนี้ คำถามนั้นทำเขาหันมองรอบตัว วรัทยังยืนที่เดิมข้างๆ เขา ขณะที่การ์ดในชุดสูทดำกระจายตัวแทรกไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว มองเผินๆ เหมือนหายไปหมดแล้ว

เขาสบสายตากับเจ้าหล่อนอีกครั้ง “เปล่า ผมเป็นนักธุรกิจเฉยๆ”

เจ้านางมองเขาอย่างประเมิน “ขอบคุณ แต่นางจะทำงานต่อแล้ว”

เธอพูดแค่นั้นแล้วก้าวเดินกลับไปยังรถคันที่รับผิดชอบเมื่อครู่

“เดี๋ยว!” เขารั้งเธอด้วยเสียงห้าว แต่เธอไม่สนใจจนเขาต้องเดินตามไปยืนข้างรถสีส้มคันเดิมเพื่อถามต่อ

“ยังอยากร้องเพลงไหม”

เจ้านางเลิกคิ้วทีท่าสนใจ ดวงตากลมๆ คู่นั้นดูโตขึ้นไปอีก แพขนตางามงอนส่งให้แววตาหวานเป็นประกายยามต้องไฟ แก้มที่แต่งสีชมพูอ่อนๆ เขาเพิ่งสังเกตว่ามีกากเพชรระยิบระยับอยู่บนผิวนวล น่ามองยิ่งนัก เขาอยากใช้ริมฝีปากสัมผัสความนุ่มของผิวแก้มสาวนักเชียว

“อยากสิ คุณยอมให้นางร้องเพลงที่ผับคุณได้แล้วเหรอ” น้ำเสียงและแววตาเธอตื่นเต้น ดุจเด็กรอฟังผู้ใหญ่อนุญาตให้ไปเที่ยวเล่นได้อย่างนั้น

“อืม” ชายหนุ่มตอบในลำคอ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

ดวงตาเธอยิ้มพร้อมๆ กับริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง น้ำเสียงไร้เดียงสาผิดกับอารมณ์เอาเรื่องชายคนเมื่อครู่ลิบลับ

“คุณหมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ คุณให้นางไปร้องเพลงที่ผับคุณได้จริงๆ นะ” เสียงใสเอ่ยถามซ้ำๆ อย่างดีใจเป็นที่สุด มันทำให้เสือยิ้มยากอย่างเขายิ้มไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว

“ให้เริ่มงานได้เลยไหม นางพร้อมนะ คืนนี้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาอย่างรวดเร็วแล้วผละไปทำงานต่อเมื่อมีลูกค้ามาเมียงมองรถคันงาม

“เดี๋ยว! ผมยังพูดไม่จบ” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแข็งเช่นตอนแรก

เธอผินหน้ากลับมา เสียงถามห้วนไม่แพ้กัน “อะไรอีกล่ะ อย่าบอกว่าเปลี่ยนใจนะนางโกรธจริงๆ ด้วย”

เสี้ยวหน้าด้านข้างที่มีผมปรกลงมาปิดแก้มดูน่าค้นหา กับหน้าอกตูมและเนินเนื้อที่เห็นชัดเมื่อเธอเอี้ยวตัวทำเขาหายใจแรง

ปณัยเอ่ยออกมาถ้อยคำช้า...ชัด

“คุณต้องเลิกเป็นพริตตี้ เดี๋ยวนี้!”

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com