ทดลองอ่าน ความเร็ว ความรัก และมายา : ตอนที่ 3

 

 

ตอนที่ 3

 

 

สถานบันเทิงใหญ่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ผับที่มีชื่อติดอันดับต้นๆ ของสถานบันเทิงหรู ที่ผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่มักเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งในแวดวงไฮโซ วงการบันเทิง รวมทั้งนักการเมืองและคนมีสี

บนชั้นลอยด้านหนึ่งคือห้องกว้างใหญ่ มีเลานจ์ส่วนตัว เก้าอี้โซฟาบุหนังขนาดใหญ่ พื้นห้องปูด้วยพรมสั่งตรงจากเปอร์เซีย ด้านหนึ่งกรุกระจกกว้างที่สามารถมองลงไปเห็นความเป็นไปของผับด้านล่างได้ ปณัยสั่งทำห้องนี้ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อความสะดวกในการดูแลกิจการของตนเอง มุมมองยังเห็นไปถึงเวทีใหญ่ที่มีวงดนตรีแสดงสดอยู่ประจำทุกค่ำคืน เช่นเดียวกับค่ำคืนนี้

ปณัยนั่งสบายๆ บนโซฟา มือข้างหนึ่งพาดไปตามพนักพิงดวงตาทอดมองบรรยากาศภายในผับ ผู้คนเต็มแทบทุกโต๊ะ นักดนตรีเล่นเพลงต่อเนื่องให้บรรยากาศสนุกสนานลื่นไหลไม่สะดุด

“วันนี้ได้ยอด SC20 มาอีกใช่ไหม” เขาเพียงเปรยขึ้น วรัทที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เดินเข้ามาหาพร้อมค้อมศีรษะนิดๆ อย่างเคยก่อนจะตอบ

“ครับนาย ห้าคันครับ ของท่านก็สามคันแล้วครับ”

เขาทำเสียงในลำคออย่างพอใจเมื่อรู้ว่าลูกค้าท็อปสเปนเดอร์ เจ้าประจำยังคงกระเป๋าหนักเช่นเคย “นี่ผ่านมาไม่กี่วันยอดดีกว่าที่เราคาดการณ์กันไว้เยอะเลย”

“นายทำการตลาดดีครับ” วรัทยอ

เขาแค่พ่นลมหายใจ คำชมมันหอมหวาน กระตุ้นความรู้สึกดีๆ ภายใน แต่คนเราต้องไม่รับความดีเข้าตัวคนเดียว “ก็ทั้งทีมนั่นละ มันคือผลงานของทุกคนในบริษัท”

เขาเห็นรอยยิ้มบางๆ ในหน้าคนสนิท ปณัยดื่มไวน์ในแก้วทรงสูงจนพร่อง บริกรหลังเคาน์เตอร์รีบเดินเข้ามา ปณัยเขม้นมองทุกท่วงท่า

บริกรจับขวดไวน์มือหนึ่งโดยไม่บังฉลาก หันฉลากเข้าหาเขาอย่างถูกหลัก อีกมือหนึ่งไพล่ไว้ด้านหลัง ปากขวดขณะรินอยู่ใกล้แต่ไม่สัมผัสโดนแก้ว ไวน์แดงมีราคาไหลลงแก้วอย่างนุ่มนวล ปริมาณไม่เกินสองส่วนสามของแก้ว บริกรก็บิดขวดเล็กน้อยแล้วรีบยกขึ้น มิให้ไวน์หยดแม้แต่นิดเด็ดขาด

“ดีมาก อย่าลืมเทรนพนักงานใหม่ๆ ให้เสิร์ฟไวน์ได้อย่างนี้ทุกคนนะ อย่าให้เสียชื่อผับผม” เขาเอ่ยชม หากยังคงมาดและท่าทีอย่างผู้นำ เจ้านายลูกน้องต้องมีช่องว่างเพื่อการปกครองที่ดีและราบรื่น

ชายหนุ่มนั่งพิงโซฟาตัวนุ่มเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะต้องรับฟังปัญหาต่างๆ ของผับหลังปิดให้บริการตามเวลาคืนนี้ ด้วยความที่ทุกสัปดาห์เขากำหนดให้มีการประชุมแจ้งข้อติดขัด แจงยอดรายรับรายจ่าย และทุกปัญหาประดามีของร้าน การบริหารไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไป การวางระบบที่มีประสิทธิภาพ วางนโยบายต่างๆ และยึดมั่นสม่ำเสมอคือพื้นฐานการดูแลองค์กรไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องใดก็ตาม ปณัยพยายามวางระบบกิจการทุกอย่างที่อยู่ภายใต้การบริหารของเขาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หลายคนว่าเขาแข็งเกินไป ดุ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ไม่จริง เขาอาจจะดุ แต่ในบางครั้งที่สมควรก็ต้องใช้ไม้แข็ง เขาไม่รับฟังความคิดเห็นที่มันไม่มีประโยชน์ ไม่ก่อเกิดสาระ แต่ใครความเห็นดีๆ ทำไมเขาจะไม่ฟัง

ขณะที่หัวเขากำลังคิดอะไรโลดแล่น จู่ๆ เสียงร้องเพลงของนักร้องบนเวทีก็พลันให้สมองของเขาต้องหยุดชะงัก แล้วหันมาให้ความสนใจทั้งที่ปกติแล้วแทบไม่เคย ไม่สิ พูดให้ถูกคือที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้เขาหยุดฟังอย่างตั้งใจได้เช่นนี้เลยต่างหาก

ใครวะ ร้องดีเป็นบ้า

เสียงเพลงสากลหวานซึ้งที่โด่งดังในช่วงห้าหกปีมานี้สะท้อนก้องกังวาน และเมื่อเขาเขม้นมองเจ้าของเสียงร้อง ก็ทำให้ปณัยถึงกับต้องนั่งหลังตรงอัตโนมัติ วางแก้วไวน์รสเลิศที่แทบไร้ความหมายไปในทันทีเมื่อมีสิ่งที่ควรค่าแก่การสนใจมากกว่าอยู่ตรงหน้า

ไฟบนเวทีเวลานี้สลัวลง โทนสีอ่อนละมุนตา คิ้วเข้มขมวด ดวงตาบุรุษจดจ้องสาวเรือนร่างสูงโปร่ง ผมดำยาวสลวยจรดกลางหลัง เห็นลอนคลื่นเล็กๆ ที่ปลายผม ลอนคลื่นอันขัดตาเพราะนางปัดปลายผมมาอยู่บนอกเต่งตูมทั้งสองข้าง ปณัยหรี่ตา นึกอยากปัดเกลียวผมทั้งหมดนั้นไปด้านหลัง เพื่อคะเนขนาดของทรวงสล้างคู่นั้น ใบหน้ากลมมนเห็นพวงแก้มสองข้างน่าเอ็นดู ดวงตาโตดั่งจันทร์เต็มดวง แม้อยู่ไกลก็ยังเห็นได้ว่าผิวเธอดีเพียงใด เมื่อแสงไฟกระทบขับความขาวลออตาดุจมีรัศมีเรืองรอง

เสียงพลิ้วหวาน ไม่ใช่แค่ไพเราะ แต่ยังไล่สเกลโน้ตอย่างมีชั้นเชิง เพลงนี้ช่วงเสียงกว้างจากต่ำไปสูง ร้องยากแต่เธอทำได้ดี ดีมากเลยทีเดียว

ตำแหน่งนักร้องนำทำให้เห็นทรวดทรงชัด เพราะยืนโดดเด่นอยู่ด้านหน้าเวที ไฟสปอตไลต์สาดฉายบนลำตัวเธอ เสื้อสีดำผ้ามันปลาบแขนสามส่วนรัดรูปเห็นเอวคอด คอเสื้อกว้างเผยลำคอระหงน่า... กระโปรงหนังสั้นสีดำพอดีตัวยาวเพียงครึ่งของต้นขาเปลือย เรียวขาสวยรับบูตส้นสูงสีดำ ปณัยเม้มปากเมื่อเลือดในตัวร้อนรุ่ม

ให้ตายเถอะ เธอเซ็กซี่เหลือเกิน...แต่ที่ทำเขาคิดหนัก หญิงสาวดูเยาว์วัยนัก ดรุณีแรกแย้มราวผีเสื้องามที่เพิ่งฟักออกจากดักแด้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง

ปณัยจิบไวน์อยู่นาน ดวงตาไม่ละไปจากโฉมงามบนเวที เธอเป็นใคร ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำปณัยสนใจจนตาไม่กะพริบ ที่สำคัญ ทำใจเขาสั่นแบบนี้!

“ไปตามซูซานมาพบผมเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงห้วน ดวงตาคมดุยังจ้องอยู่แต่นักร้องนำบนเวที อย่างกลัวว่าหากคลาดสายตาแล้วผีเสื้อแสนสวยจะโบยบินหนีหายไปอย่างนั้น

หญิงร่างท้วมวัยกลางคน แต่งตัวกระชากวัยด้วยเสื้อยืดรัดรูป แม้ทรวงเต็มล้นแต่เนื้อส่วนเกินเป็นชั้นด้านข้างนั้นลดความดึงดูดไปจนหมด เจ้าหล่อนใส่สร้อยคอพลาสติกเม็ดใหญ่สีดำขาวเด่นหรากับตุ้มหูวงใหญ่สีทอง ใบหน้าแต่งจัดจ้าน ท่วงท่ากระฉับกระเฉงแต่ยำเกรงในทีขณะก้าวเข้ามาในห้องพักผู้บริหาร

“สวัสดีค่ะคุณปณัย” ซูซานยกมือไหว้ ท่าทีเกร็งผิดไปจากปกติที่มักจะร่าเริงกว่านี้ ทุกคนรู้ว่าถ้าถูกเรียกมาที่นี่มักมีปัญหา

“นั่นใคร” เขาถามห้วน สายตาอยู่ที่นักร้องสาว

หญิงผู้คร่ำหวอดดูแลเรื่องการแสดงของผับเขามาช้านานหันมองตามก่อนตอบ “อ๋อ น้องเจ้านาง นักร้องใหม่ค่ะ”

เขาขมวดคิ้ว ส่งสายตาดุๆ กลับไปยังซูซาน “รับนักร้องมาใหม่ ทำไมไม่แจ้งผม!”

“ยะ...ยังไม่ทันรับค่ะ จริงๆ แล้ว...” ซูซานอ้ำอึ้ง

“คุณพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผมไม่ชอบคนพูดกลับไปกลับมาคุณก็รู้นะ ซูซาน ทำงานกับผมมานานเท่าไรแล้ว หรือได้เวลาเปลี่ยนผู้จัดการ”

“อุ๊ย ไม่ค่ะ ซูหมายถึง น้องเจ้านางมายื่นใบสมัครไว้ค่ะ ซูกำลังจะพามาให้นายดูก่อนรับตามกฎ แต่...คือ...”

“แต่อะไรพูดมา เด็กคนนี้อยู่ๆ มาร้องเพลงในผับผมได้ยังไง!”

ซูซานยิ่งลนลาน “คือ คือน้องมาสมัคร ซูให้ลองร้องแล้วเสียงดีมาก แต่ยังไม่ทันพามาให้คุณปณัยดู วันนี้นักร้องประจำโทร.มาลากะทันหัน ซูหาใครไม่ได้จริงๆ เลยเรียกน้องมาแก้ขัดไปก่อนค่ะ”

ปณัยจ้องผู้จัดการสาวใหญ่ตาเขม็ง “มีปัญหาขนาดนี้ยังไม่แจ้งผมอีกนะ แล้วแก้ด้วยการเอานักร้องที่ยังไม่ผ่านอนุมัติจากผมขึ้นเวที คุณกล้าตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างนี้โดยไม่ปรึกษาผมเหรอซูซาน”

“คือ คือ”

“นายเอาประวัติไหมครับ เดี๋ยวให้ซูซานเอาประวัติมาให้นายดูเลย” วรัทเอ่ย คนเป็นนายรู้ว่าคนสนิทพยายามช่วยซูซาน ลองเขาเริ่มอารมณ์เสียก็พายุทอร์นาโดขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว

“ผมไม่อยากรู้ประวัติ ผมอยากรู้อายุ เด็กคนนั้นอายุเท่าไร!” เขาขึ้นเสียง หงุดหงิดที่ลูกน้องปฏิบัตินอกลู่นอกทาง

“เอ่อ...”

“หยุดเอ่ออ่าน่ารำคาญสักทีซูซาน อายุยังไม่รู้ นั่น” เขาชี้ไปยังสาวน้อยที่กำลังร้องเพลงด้วยท่าทางดื่มด่ำ เขายอมรับว่าเธอร้องได้ดีจริงๆ สะกดผู้คนในผับจนเงียบสนิท แต่ปัญหาอื่นที่จะตามมาถ้าเธอไม่เหมาะสมที่จะทำงานที่นี่มันจะเดือดร้อนเขาด้วย

“ดูไม่ออกเหรอว่าหน้าตาอย่างนี้ไม่ถึงยี่สิบแน่ อยากเสี่ยงให้ผับโดนปิดตกงานกันหมดหรือไง!” เขาเสียงดัง ยิ่งพูดยิ่งโมโห คนอย่างปณัยจะมาตกม้าตายด้วยเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ เขาหันไปทางวรัท

“ไปตามเด็กคนนั้นขึ้นมาพบผมเดี๋ยวนี้”

“ครับนาย”

วรัทรับคำอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มค่อยพอใจขึ้นมาหน่อย ลดระดับความแรงของพายุอารมณ์ลง ทว่าซูซานกลับเพิ่มเชื้อด้วยการเอ่ยขึ้นอีกเสียงตะกุกตะกัก

“ตะ...แต่...น้องกำลังร้องเพลงอยู่นะคะ”

“ผมไม่สน ไปตามมาเดี๋ยวนี้!”

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com