ทดลองอ่าน ความเร็ว ความรัก และมายา : ตอนที่ 2

 

 

ตอนที่ 2

 

 

เมื่อปณัยออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งหลังจากอาบน้ำอุ่น และอยู่ในชุดลำลองขาสั้นเสื้อยืดเนื้อผ้าชั้นดีเรียบร้อยก็ค่อยสบายตัว และยิ่งสบายใจเมื่อมองไปในห้องเงียบสงบเช่นเดิม แม้แต่เตียงก็ได้รับการจัดการแล้ว เขากระตุกยิ้ม วรัททำหน้าที่ได้ดีสมเป็นมือขวาของเขา ที่นอกจากดูแลเรื่องงานแล้วก็ยังรู้จักไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นอย่างดี

ปณัยชอบความเป็นส่วนตัว อยู่คนเดียว และหลังเวลาแบบนี้ที่ต้องเสียพลังงานไปเยอะ ใครหลายคนบอกว่าไข่ลวกคือสิ่งเยียวยา แต่สำหรับเขา ชอบที่จะดื่มกาแฟบอดี้หนักๆ เข้มๆ อย่างเอสเพรสโซสักช็อตมากกว่า

นั่นไงสิ่งที่ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพของวรัท

ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวที่มีโต๊ะกระจกทรงกลมเล็กๆ ตั้งวางคู่ มองกาแฟสีดำสนิทในถ้วยเซรามิกสีขาวงาช้างที่ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั้งห้อง ยิ่งจิบยิ่งเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติกาแฟสดอันละมุนลิ้น เขารู้วรัทเข้ามากับแม่บ้านอย่างรวดเร็ว จัดเตียงและวางกาแฟให้ก่อนที่เขาจะก้าวออกมาหลังชำระร่างกายเสร็จสิ้น

ครึ่งชั่วโมงพอดิบพอดีที่ปณัยได้ปล่อยสายตาไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน แสงไฟจากอาคารริมน้ำและเรือที่ล่องผ่านช่วยคลายความล้าและความตึงเครียดในตัว เพนต์เฮาส์ห้องนี้คือห้องที่วิวดีที่สุด ภายในโอ่อ่ากว้างขวางเปรียบบ้านราคาหลายล้านสักหลัง และนั่นทำให้ห้องนี้แพงที่สุดในอาคารชุดนี้ วรัทก้าวเข้ามาตามเวลาที่กะได้ถูกจังหวะ ปณัยกำลังจุดบุหรี่ เขาสูบครั้งสองครั้งได้ควันหนาพอดีก็เดินออกไปริมระเบียงใหญ่ด้านนอก ลมเย็นที่โชยมาช่วยพากลิ่นไปกับมวลอากาศ ไม่อบอยู่ในห้อง

“ยอดวันนี้ครับนาย” วรัทยื่นเอกสารให้ผู้เป็นนาย

ปณัยละเลียดควันบุหรี่ในปาก ให้ทั้งควันทั้งกลิ่นกลั้วในลำคอก่อนค่อยๆ ปล่อยให้ฟุ้งออกจากริมฝีปาก แช่มช้าเป็นสายเหมือนลายกนกลอยได้ และจางหายไปในความเวิ้งว้างของฟ้ายามนิทรา

เขาคาบบุหรี่ไว้มุมปาก รับกระดาษสามสี่แผ่นนั้นมาพลิกดู ดวงตาคมกวาดมองตัวเลขเจ็ดแปดหลักอย่างชำนาญ เขาดูหน้าแรก หน้าสอง หน้าสาม ย้อนกลับมาดูอีกครั้ง ก่อนให้ความสำคัญที่บรรทัดสุดท้ายของหน้าแรก ผลรวมรายได้สุทธิ ยิ้มพอใจแล้วยื่นคืนคนสนิท พร้อมสูดไอบุหรี่อันหอมหวานเข้าปอด คีบตัวมันไว้ในมือคราวนี้พ่นควันรวดเดียวจนหมดจึงเอ่ยคำ

“ยอดน่าประทับใจมาก รุ่น Thunder SC20 มาแรงกว่าที่ฉันคิดว่ะ ว่าไหมวิน”

คนถือเอกสารก้มหน้านิดๆ “ครับ สมรรถนะเป็นเลิศในราคาที่พอเอื้อมถึงครับ”

เขาหัวเราะ “ราคาที่พอเอื้อมถึง? นายหัดเล่นคำตั้งแต่เมื่อไหร่วะวิน”

วรัทมองเขาอย่างเกรงๆ อยู่ในที สายตาอย่างทุกๆ ครั้งที่สบตาเขา “ผมพูดตามที่ได้ยินมาครับ”

“คนที่จะซื้อรถของเรา เขาต้องคิดมาแล้วว่าไหว ไม่ต้องเอื้อม ราคามันก็แลกกับความแข็งแกร่งของรถนั่นละ”

คนสนิทตอบรับด้วยคำที่ติดปาก “ครับนาย”

ปณัยก็ชินกับคำนี้ของลูกน้อง มันบ่งบอกหลายอย่าง เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทำตามคำสั่ง และเขาอยู่เหนือกว่า ลูกน้องที่แม้จะเป็นคนสนิทแต่ก็ไม่ใช่เพื่อน ก็ถูกต้องแล้ว เขาเชิดหน้าขึ้นพร้อมๆ กับพ่นควันให้หมดปอด เมื่อบุหรี่เหลือก้นมวนหน้าที่ของมันคือไว้คีบระหว่างนิ้ว กับไว้มองสายสีเทาที่ลอยล่องจนกว่าจะหมดไป เพลินตาไปอีกแบบ

เขาหันไปมองคนที่ยืนเยื้องกัน มือยังประสานอยู่ด้านหน้าอย่างสำรวม “คืนนี้ฉันคงไม่แวะไปผับ นายเข้าไปดูความเรียบร้อยแล้วกัน มีอะไรก็โทร.มา แต่พรุ่งนี้ฉันเข้าไปแน่”

“ครับนาย”

เขายกบุหรี่ขึ้นดูดอีกที ยังเพ่งพินิจดูหน้าคนสนิท วรัทผิวคล้ำแต่ใบหน้าได้รูปอยู่ ติดแต่แววตาเศร้าไปหน่อย คงเพราะอยู่ต่อหน้าเขามักจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกอะไร จะว่าเจียมตัวก็คงใช่

ปณัยสูบบุหรี่ต่อเมื่อวรัทออกไปแล้ว เขาทอดสายตาไปยังแม่น้ำที่เปรียบเสมือนเส้นโลหิตสายสำคัญของคนไทย เชื่อมโยงชีวิตผู้คนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ผิวน้ำที่มีริ้วคลื่นสะท้อนแสงไฟและแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับ ลมที่ปนความชื้นชุ่มด้วยละอองไอเจ้าพระยาทำให้สดชื่น นึกถึงเรื่องราคาของรถซูเปอร์คาร์ที่เขานำเข้า มูลค่าของสินค้าขึ้นกับหลายอย่าง ความต้องการของผู้บริโภค คุณภาพของสินค้า การโฆษณา การบริการก่อนและหลังการขาย

บุหรี่หมดมวน เขาเดินกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งมันลงบนที่เขี่ยบุหรี่หินอ่อนแท้ นี่ก็ราคาหลายพัน บางคนคิดว่ามันก็แค่ที่เขี่ยบุหรี่ แต่เขามองว่ามันคือเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ที่สำคัญเขาพอใจ นั่นไง ถ้าผู้บริโภคพอใจ เห็นว่าราคากับสินค้ามันลงตัว ก็ตัดสินใจซื้อก็แค่นั้น

ปณัยนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม ปล่อยสายตามองภาพรถรุ่นต่างๆ ที่ใส่กรอบติดบนผนังห้อง รถแต่ละรุ่นที่บริษัทเขานำเข้า ตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงวันนี้ หน้าที่ของเขาคือเลือกเฟ้นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ เพื่อความมั่นใจของลูกค้า การค้าขายความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด เพื่อการทำธุรกิจได้ยาวๆ ไม่ใช่ซื้อขายกันครั้งเดียวแล้วจบ ความใส่ใจและความจริงใจอีกเช่นเดียวกัน คำสั่งสอนของพ่อ เขาจำได้ขึ้นใจ

คิดถึง พ่อกับแม่...เหลือเกิน

----------

เสียงเครื่องยนต์ดังเป็นช่วงๆ เมื่อรถกำลังเข้าโค้ง ตามด้วยเสียงล้อบดถนนเอี๊ยดอ๊าด ควันขาวฟุ้งขึ้นจากล้อหลังหนาทึบจนแทบจะท่วมรถ ก่อนจะค่อยๆ จางลงเมื่อรถเข้าสู่ทางวิ่งตรง

ปณัยจับพวงมาลัยแน่น ถุงมือหนาที่ใส่อยู่กับชุดกันไฟทำให้เขาร้อนเหงื่อท่วม หมวกกันน็อกที่สวมอบใบหน้าเขาเยี่ยงซาวน่า แต่เขาชินแล้ว สายตาคมปลาบจับจ้องอยู่ที่แนวโค้ง เมื่อเข้าไลน์ตามที่กะก็หักพวงมาลัยทันที เมื่อล้อท้ายเริ่มจะปัดหลุดโค้งเขาก็หมุนพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ล้อหลังเบี่ยงไป เสียงยางเบิร์นถนนดังอีกครั้งพร้อมๆ กับควันขาวฟุ้งตลบ

เขาเร่งเครื่องใหม่เพื่อวิ่งทางตรงต่อแล้วรอเข้าโค้งต่อไป ซ้อมดริฟต์อยู่สิบนาทีกว่าๆ จนพอใจแล้วขับเข้าที่จอดประจำ

ผู้ช่วยในทีมแข่งรถของเขากรูเข้ามา ต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเอง เปิดฝากระโปรง เปิดประตูรถ ฉีดน้ำเข้าตัวเครื่องที่ร้อนจนแทบไหม้ หน่วยดูแลยางเข้ามาสำรวจ ส่วนเขาแม้ร้อนแสนร้อนแต่ยังคงนั่งคุยกับช่างจูนเครื่องหรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘จูนเนอร์’ ซึ่งนั่งไปกับเขาด้วยเมื่อครู่ตอนซ้อมดริฟต์เพื่อปรับเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพราะในวันแข่งจริง ไม่มีใครนั่งกับเขา คนขับขับเอง ลุยเดี่ยวคนเดียว

แม้ปณัยจะแข่งรถทางเรียบเป็นหลัก หรือที่เรียกกันว่าแข่งเซอร์กิต (Circuit) แต่เขาชอบการขับแบบดริฟต์ด้วย ดังนั้นถ้ามีโอกาสปณัยจะซ้อมไว้ด้วย เขาต้องการฝึกทักษะในการขับรถให้หลากหลาย ในสถานการณ์จำเป็นการมีฝีมือพวกนี้ไว้บ้างก็อาจช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้

“เพิ่มเวลาการเปิดของหัวฉีดอีกหน่อย กับปลดล็อกความเร็วอีกนิดได้ไหม” เขาปรึกษาจูนเนอร์ประจำทีม

“ครับ ผมกำลังจะเรียนคุณปณัย แต่น่าจะเพิ่มได้อีกไม่มาก กลัวว่าอันตรายเกินไปครับ” ช่างมองเขาอย่างเกรงใจ

ปณัยยิ้มนิดๆ “โอเค เพราะผมก็คงใส่หมดน่ะถ้าปลดให้ เออ เพิ่มองศาไฟด้วยนะ” เขาแนะ

“ครับผม” ช่างรับคำแล้วง่วนกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์สั่งงานไปยังกล่องควบคุมรถ หรือเจ้ากล่อง ECU (Engine Control Unit)

“นายถอดหมวกก่อนไหมครับ” วรัทเดินเข้ามายืนตรงประตูรถที่เปิดหราอยู่ ปณัยจึงถอดหมวกยื่นให้พร้อมกับหน้ากากกันไฟหรือหมวกโม่งที่สวมก่อนใส่หมวกกันน็อกให้คนสนิทไปด้วย

“น้ำครับ” วรัทยื่นขวดน้ำแร่เย็นเฉียบที่มีหยดน้ำเกาะพราวให้เห็น

ปณัยก้าวลงจากรถแล้วยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย ก่อนจะเดินไปดูเครื่องยนต์ด้านหน้า พลางถามกับทีมดูแลรถ

“เรียบร้อยดีไหม”

ทีมงานรายงานสภาพเครื่องยนต์ต่างๆ เมื่อเขาฟังแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็หันไปถามเรื่องยาง

“หมดเลยไหม ผมใส่เต็มที่เลยเมื่อกี้” เขายักคิ้ว

“ดริฟต์สวยมากครับคุณปณัย เปิดน้อย ไม่สะดุด” หัวหน้าทีมดูแลหมายถึงเขาไม่หลุดโค้งมากเกินไป และขับต่อทางตรงได้อย่างไม่เสียเวลา

“ผมยังอยากลากยาวๆ กว่านี้ ไม่อยากใช้แต่วิธี Braking Drift ผมอยากทำ Inertia Drift แต่ไม่ค่อยถนัด” เขาบ่น

“ซ้อมไว้ไม่เสียหายครับ แต่ผมห่วงความปลอดภัยคุณปณัย โอกาสรถหมุนสูงนะครับ”

ปณัยตบบ่าหัวหน้าทีมช่างแล้วเดินไปดูล้อที่กำลังถูกเปลี่ยน ขณะที่คนสนิทเดินมายืนใกล้ๆ อย่างเป็นปกติ

“วิน” เขาเรียก “เดี๋ยวฉันประชุมทีมแข่งเสร็จแล้วจะเข้าไปดูความเรียบร้อยในงานมอเตอร์โชว์ เย็นๆ ก็ตรงไปผับเลย ไม่แวะคอนโดฯ เตรียมเอกสาร เสื้อผ้า และรถให้พร้อมด้วย”

“ครับนาย” เสียงตอบรับเช่นเคยพร้อมกับร่างสูงๆ ผอมๆ ของวรัทก้าวไปทำตามคำสั่งด้วยท่าทีกระตือรือร้น

ปณัยหันมาสนใจทีมช่างต่อ เขาก้มสำรวจดอกยางล้อที่หมดไปจนแทบจะเรียกว่าล้อหัวโล้น การขับดริฟต์เช่นนี้ทำให้ล้อหมดสภาพได้ภายในเวลาสิบยี่สิบนาทีเลยละ ในขณะที่รถบ้านทั่วไปใช้ธรรมดาๆ อายุยางอยู่ได้ปีสองปีหรือกว่านั้นเลย

ใครๆ มักพูดว่า การใช้ความเร็วคืออันตราย

แต่การขับรถแข่ง คือการใช้ความเร็วอย่างถูกต้องปลอดภัย และชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็ชอบความเร็วระดับเลือดในกายแทบจะไหลกลับทิศเลยทีเดียว

นั่นละ...เขา ปณัย ปภังกร เจ้าของธุรกิจนำเข้ารถซูเปอร์คาร์อันดับต้นของประเทศ และนักแข่งรถคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง พ่วงดีกรีหนุ่มฮอตที่ยังไม่ยอมควงสาวไหนเป็นตัวเป็นตนสักทีด้วยอีกตำแหน่ง!

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com