ทดลองอ่าน โคเฒ่าสายเปย์ : ตอนที่ 1

 

 

ตอนที่ 1

 

 

เจ้าของรูปร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรสวมเพียงกางเกงยีนขายาวสีซีดตัวเก่า ช่วงบนเปิดเปลือยเผยให้เห็นมัดกล้ามเป็นลอนสมส่วน เมื่อเหงื่อไคลจากการออกแรงกลางแจ้งสะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์ยามบ่ายส่งผลให้ผิวสีแทนเป็นมันวาวชวนมอง เขายกแขนข้างหนึ่งขึ้นเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผาก ก่อนจะสะบัดใบหน้าแรงๆ เสยผมที่เปียกชุ่มไปทางด้านหลังอย่างไม่ยี่หระ

ฉึก!

เสียงจอบกระทบผืนดิน ขุดเอาหน้าดินออกจนเป็นหลุมลึก เพื่อใช้สำหรับปลูกต้นพิลังกาสาของปู่ ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยสรรพคุณในการรักษาโรคมากมายไม่ว่าจะเป็นผลช่วยแก้ลมพิษ ใบแก้ท้องเสีย หรือแม้แต่รากยังใช้แก้พิษงูได้อีกด้วย แต่ที่ปู่ของเขาปลื้มที่สุดก็เห็นจะเป็นผลของพิลังกาสา เพราะท่านเก็บมาบ่มทำไวน์ รสชาติดีอีกทั้งยังเป็นยาอีกด้วย เรียกได้ว่าจะเมาทั้งทีก็ต้องเมาอย่างมีประโยชน์ไม่ก่อโทษต่อร่างกาย

ขณะที่หนุ่มใหญ่กำลังลงแรงขุดดินอย่างแข็งขันอยู่นั้น เสียงล้อจักรยานบดลงบนถนนโรยกรวดก็ดังใกล้เข้ามา เขาปรายตามองผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ด้วยคิดว่าอาจเป็นคนงานในสวน หรือไม่ก็ชาวบ้านละแวกนี้ที่มักแวะเวียนมาทักทายพูดคุยกับปู่ของเขาที่แม้จะมีอายุกว่าแปดสิบปีแล้วแต่ยังมากไปด้วยอารมณ์ขันจนเป็นที่รักของชาวบ้าน

ทว่า...

สายตาที่ควรแค่เหลือบมองกลับต้องสะดุดกึก มือที่กำลังทิ้งจอบกระแทกลงผืนดินหยุดชะงัก เมื่อเจ้าของขาขาวนวลเนียนที่นุ่งกางเกงยีนตัวสั้นได้ปั่นจักรยานผ่านหน้าเขาไป

ใคร? เหตุใดเขาจึงไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

แต่เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็เลี้ยวรถจักรยานกลับมาจอดอยู่ตรงหน้าเขา

นั่นแหละ...เขาจึงได้เห็นเจ้าของขาขาวเต็มตา สาวน้อยวัยละอ่อน รูปร่างอ้อนแอ้นผอมบาง ใบหน้ารูปไข่ชวนมอง ดวงตากลมโตสดใส ปลายจมูกเชิดรั้น ริมฝีปากเล็กสีชมพูระเรื่อ เธอเกล้าผมม้าขึ้นสูงเผยให้เห็นลำคอระหง เสื้อเชิ้ตสีส้มพีชแขนยาวถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก ชายเสื้อรวบมัดเป็นโบระหว่างสะดือจนเผยให้เห็นเอวคอดกิ่วที่แม้โผล่ออกมาเพียงน้อย แต่กลับกระตุกหัวใจคนมองจนแทบไม่อาจละสายตา อีกทั้งกางเกงยีนขาสั้นรับกับรองเท้าผ้าใบสีครีมดูทะมัดทะแมง

“หนูมาหาคุณลุงอาชวินทร์ คุณย่าให้นำของมาฝากค่ะ”

“คุณลุง?”

ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความคิดเมื่อถูกเรียกว่า ‘ลุง’ รู้สึกราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดลงกลางแสกหน้า นิ่งอึ้งไปหลายอึดใจกว่าจะตั้งสติได้

ให้ตายเถอะ! เขาไม่ชอบคำนี้เอาเสียเลย

“ค่ะ หนูมาหาคุณลุงอาชวินทร์”

คนถูกเรียกว่าลุงยืดตัวขึ้นเล็กน้อยราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติแล้วตอบเธอออกไปว่า

“ฉันเอง...อาชวินทร์”

“อุ๊ย!”

คนตัวเล็กถึงกับอุทานด้วยความตกใจ ในเมื่อหนุ่มใหญ่ตรงหน้าเธอนั้นดูยังไงก็ไม่น่าจะเรียก ‘ลุง’ เลยสักนิด

“นะ...หนูขอโทษค่ะ แต่พ่อของหนูเรียกคุณว่า ‘พี่’ หนูเลยเรียกคุณว่า ‘ลุง’ หนู...” รตาอึกอักเมื่อเห็นอีกฝ่ายตีหน้ายักษ์บึ้งตึงเหมือนจะไม่พอใจ

“พ่อชื่ออะไร”

“ชื่อโรจน์ค่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อเพื่อนบ้าน อาชวินทร์ก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ‘ไอ้ไพโรจน์’ มันไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมโตเป็นสาวสวยสะพรั่งอีกด้วย จะว่าไปเขาพอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ไพโรจน์ทำเพื่อนสาวในชั้นเรียนเดียวกันท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบมัธยมฯ ปลาย ทำเอาวุ่นวายกันพักใหญ่แล้วเรื่องราวก็เงียบหายไป ช่วงนั้นเขากำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เลยไม่ได้สนใจเรื่องราวของเพื่อนรุ่นน้องแถวบ้านเท่าใดนัก ได้ยินปู่เล่าให้ฟังบางส่วน และส่วนใหญ่ก็จะเป็นวีรกรรมความเจ้าชู้ไก่แจ้ที่ไม่ยอมทิ้งลายเสียที

“อืม ว่าแต่หนูมีธุระอะไร”

“คุณย่าให้หนูเอาน้ำพริกลงเรือมาให้คุณ...อะ เอ่อ...”

รตาติดอ่างอีกครั้งด้วยไม่รู้ว่าควรใช้สรรพนามใดในการเรียกขานหนุ่มใหญ่หล่อเหลาตรงหน้าดี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้อายุมากกว่าบิดาของเธอ เพราะนอกจากหุ่นที่แซ่บเต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้ว ใบหน้าของเขายังจัดว่าหล่อระดับพระเอกละครยังชิดซ้าย

โครงหน้าเป็นสันชัด หน้าผากกว้าง จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหนาหยักได้รูป อีกทั้งผมหยักศกที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อนั่นทำให้เขาดูเป็นผู้ชายใช้แรงงานที่ทรงเสน่ห์เหลือร้าย ถ้าบอกว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของลุงอาชวินทร์ยังน่าเชื่อเสียกว่า

เอ...เขาน่าจะอายุเท่าไรนะ ปีนี้บิดาของเธออายุสามสิบเก้าปี ชายคนนี้อายุมากกว่าบิดาของเธอไม่มาก ก็น่าจะอายุสี่สิบต้นๆ เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มใหญ่วัยที่สาวๆ ในโลกโซเชียลกำลังนิยม เพราะวัยนี้นั้นหากหมั่นดูแลตนเองดีๆ ก็จะยังคงความหล่อเหลา สมาร์ต อบอุ่น อยู่ในจุดที่พร้อมทุกอย่างด้วยผ่านช่วงเวลาในการสร้างเนื้อสร้างตัวมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายครบเครื่องที่สาวๆ ฝันหา

“ขอบใจมาก เอามาสิ”

เขายื่นมือออกไปรับปิ่นโตสามเถามาจากเด็กสาว แม่หนูน้อยโตมายังไง! ถึงได้มองผู้ชายด้วยสายตาเปิดเผยเช่นนี้ หากเขาเป็นพวกไอ้แก่หื่นกาม คงลากนังหนูไปกระทำชำเราในป่ารกข้างทางเสียนานแล้ว

ดีนะ! ที่เขาเป็นไอ้แก่ที่มีคุณธรรม

“นี่ค่ะ”

จังหวะที่รตายื่นปิ่นโตให้อาชวินทร์ ปลายนิ้วของทั้งสองสัมผัสกันด้วยความบังเอิญ ทว่าสัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้ทั้งสองรู้สึกราวกับว่าถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าอย่างจัง

รตารีบชักมือกลับ ใบหน้าแดงก่ำเห่อร้อนไปจนถึงใบหู รีบละล่ำ-ละลักเอ่ยลา “นะ...หนูกลับก่อนนะคะคุณลุง” รีบสาวเท้าก้าวขึ้นจักรยานแล้วปั่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าอารามรีบร้อนทำให้เธอปั่นจักรยานตกหลุมที่อาชวินทร์ขุดไว้

ว้าย!

ร่างบางกระเด็นลอยออกจากจักรยานกระแทกลงบนพื้นดิน ขณะที่ล้อหน้าของจักรยานบิดเบี้ยวจนไม่อาจใช้การได้อีก อาชวินทร์รีบปราดเข้าไปประคองสาวน้อยเอาไว้ทันที

“เป็นยังไงบ้าง”

“นะ...หนูไม่เป็นอะไรค่ะ”

หญิงสาวนิ่วหน้า กัดริมฝีปากล่างเพื่อข่มความเจ็บปวด อาชวินทร์เห็นดังนั้นจึงรีบซักถามเธอด้วยความห่วงใย

“เจ็บตรงไหน ขอฉันดูหน่อยสิ”

รตาเหลือกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบส่ายหน้ารัวๆ ร้อยบอกไม่ได้ พันบอกไม่ได้ รถจักรยานตกหลุมกระแทกจนล้อเบี้ยวเช่นนั้น ทำให้ผืนนาน้อยๆ ของเธอกระแทกอานจักรยานเข้าอย่างแรง

และมันเจ็บมาก!

“มะ...ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลย” หญิงสาวรีบโกหกคำโต

เธอเพิ่งตระหนักว่าเวลานี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของ ‘คุณลุงกล้ามโต’ อ้อมแขนแข็งแกร่งเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของหนุ่มใหญ่กำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก

โอ้...ไม่นะ! ไม่นะรตาใจเย็นๆ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ กำหนดสติให้อยู่กับลมหายใจของตัวเอง พุท โธ พุท โธ...

หญิงสาวหลับตาแน่น พยายามปลุกปลอบตนเองอยู่ในใจให้มีสติตามที่คุณย่าเคยสอน แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามมีสติอยู่กับลมหายใจมากเท่าไร สติที่ควรจะอยู่กับเนื้อกับตัวกลับเตลิดเปิดเปิงไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเลยทีเดียว

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com