คืนนั้นเป็นอีกคืนที่ระรันตานอนไม่หลับ ภาพความเจ็บปวดทรมานของนายทหารผู้มีใบหน้าคมเข้มและดวงตาคมดุยังติดตานาง เหตุการณ์วันนี้ ทำให้หญิงสาวได้รู้ตัวเองว่าเป็นห่วงเขาเพียงใด นางได้แต่นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงอย่างนั้น
เสียงเรียกดังขึ้นหน้ากระโจมทำให้นานันลุกออกไปดู ระรันตานั่งขึ้นชะเง้อมองจากด้านในด้วยความสงสัย สักครู่นานันจึงเดินกลับเข้ามาแจ้ง
“แม่นาง ท่านหมอดาปิโอรุสต้องการพบเจ้าด่วน”
ระรันตาเดินอย่างร้อนรน เมื่อเข้าไปภายในเรือนพยาบาลก็เห็นชาบีกำลังเช็ดตัวท่านเชลาลุส หมอดาปิโอรุสยืนอยู่ข้างเตียง สีหน้าวิตกกังวลหนัก หากเมื่อเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหา
“เจ้านี่เอง แม่นางระรันตา หญิงจากเมืองเมสซานาใช่ไหม”
นางรับคำ ท่านหมอเหลียวมองทหารเอกแห่งโรมที่นอนซม
“ท่านมีไข้ตลอดคืนหลังข้าผ่าเอาเศษหัวแหลนออกไปแล้ว”
นายแพทย์สบตาระรันตา “ท่านเรียกชื่อแม่นางอยู่หลายครั้งตอนที่ตัวร้อนจัด เมื่อครู่นี้ก็เรียกหา ข้าเลยคิดว่าท่านน่าจะอยากพบแม่นาง แม่นางพอจะสละเวลามาอยู่ดูแลท่านได้หรือไม่”
“ได้สิท่านหมอ ข้ายินดียิ่ง” นางรีบรับคำ
“ข้าดูแลท่านเชลาลุสอยู่แล้วทั้งคนนะท่านหมอ” ชาบีลุกขึ้นยืนจังก้า สีหน้าไม่พอใจอย่างที่สุด
“เจ้าก็ดูแลท่านมาหลายชั่วโมงแล้วพักผ่อนเถิด”
“ไม่ ข้าจะอยู่กับท่านเชลาลุส ข้าจะดูแลท่าน นางคนนี้เป็นเชลยอย่าให้มาแปดเปื้อนท่าน” ชาบีไม่พูดเปล่า ส่งสายตาเหยียดหยามมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสียงหมอดาปิโอรุสพ่นลมหายใจ “ชาบี ข้าเป็นแพทย์ เวลานี้ท่านอาการหนักปางตาย ข้ามีสิทธิ์ขาดในการเลือกวิถีทางการรักษาและเลือกคนดูแล ท่านเรียกหานางระรันตามาตลอดเจ้าก็ได้ยิน อย่าให้ข้าต้องใช้อำนาจในการสั่งการไม่ให้เจ้าวุ่นวายเลย”
ชาบีกระทืบเท้า ทำเสียงฟึดฟัดสะบัดตัวและจ้องหน้าระรันตาเขม็งก่อนจะหันหน้าพรืดใส่แล้วเดินกระแทกส้นเท้าเสียงดังจนลับออกไปจากกระโจมพยาบาล ทำระรันตาไม่สบายใจ
“ระ...รันตา ระรันตา”
ทว่าเสียงคนเจ็บเพ้อทำให้นางรีบปราดไปข้างเตียง เอื้อมจับมือของเขาที่ชูล่องลอยไปในอากาศ มือเขาร้อนดั่งคือก้อนถ่านแดง
“ท่าน ตายจริง ตัวท่านร้อนเยี่ยงไฟ โธ่” ระรันตาน้ำตาคลอ
“รีบเช็ดตัวท่านเถิด” หมอดาปิโอรุสเร่ง
หญิงสาวกุลีกุจอเช็ดตัวให้เขา ทั้งใบหน้า แขนขา ลำคอ
“เช็ดข้างในตัวด้วยเจ้า” ท่านหมอว่าแล้วช่วยเปิดผ้าสีขาวบางที่น่าจะเป็นชุดคนไข้เพราะนางเห็นทุกคนที่นอนป่วยอยู่ในเรือนนี้สวมผ้าแบบนี้ทั้งนั้น
“เร็วเจ้า” ระรันตารีบเช็ดตัวเขาเมื่อท่านหมอเร่ง ทว่าเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอก กล้ามท้องเป็นลอนสมบูรณ์สวย ทำหัวใจสาวเต้นจังหวะแปลกๆ ไป นางข่มใจเช็ดตัวให้เขาอยู่หลายรอบจนความร้อนค่อยบรรเทาลง หมอดาปิโอรุสช่วยพอกสมุนไพรลดไข้ที่หน้าท้องและข้อพับ
คนเจ็บหายใจเบาลงและสม่ำเสมอขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก แต่ยังคงยกมือปะป่ายและพร่ำเพ้อ
“ระรันตา ระรันตา” เสียงเขาแหบพร่า
นางจับมือเขาวางลงข้างเตียง หากเขาก็ยกมือขึ้นอีก ปากก็พร่ำเรียก “ระรัน...ตา ข้า...คิด...ถึง...เจ้า”
หญิงสาวหน้าร้อนเมื่อเขาเพ้อเช่นนั้นต่อหน้านายแพทย์ประจำกองทัพ ทว่าหมอดาปิโอรุสแนะ
“จับมือท่านไว้ กระซิบที่หูท่านว่าเจ้าอยู่ข้างๆ แล้ว”
เมื่อนั้นระรันตาจึงจับมือของเชลาลุสมากุมไว้แล้วก้มลง “ท่านเจ้าคะ ข้าอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ ท่านนะเจ้าคะ”
ไม่น่าเชื่อว่าทหารหนุ่มสงบลงได้จริงๆ เขาหยุดไขว่คว้าอย่างไร้จุดหมาย หยุดพร่ำเพ้อ เนื้อตัวไม่กระสับกระส่ายนอนนิ่งได้เหมือนคนหลับลึก
ท่านหมออยู่ดูอาการทหารหนุ่มพักใหญ่จนมั่นใจว่าดีขึ้น จึงเอ่ย
“แม่นาง ข้ามียาชงให้สองสำรับเช้าเย็นฝากเจ้าให้แก่ท่านด้วย แต่ข้าว่าเจ้าน่าจะคือยาขนานเอกเสียมากกว่ากระมัง”
นางหลุบตามิกล้าสบตาท่านหมออีกเมื่อถูกเย้าเช่นนี้
“คืนนี้คงต้องรบกวนแม่นางด้วย หากมีเหตุด่วนอันใดให้ทหารตามข้าได้ทันที”
หมอดาปิโอรุสกล่าวก่อนจะเดินออกไป
คืนนั้นระรันตาคอยเช็ดตัวให้เขาเรื่อยๆ จนใกล้ฟ้าสางตัวเขาจึงเย็นเป็นปกติ ระรันตาเตรียมยาในชามดินเผาสำหรับมื้อเช้า ยืนหันหลังให้กับคนที่นอนอยู่ ทว่าได้ยินเสียงร้องดังขึ้น
“โอ๊ย”
เมื่อหันไปก็ต้องตกใจที่เห็นคนเจ็บพยายามยันตัวขึ้น แต่แผลคงระบมจนเขานิ่วหน้ายกมือขึ้นกุมต้นแขนตนเอง
“ท่านเชลาลุส!” ระรันตาถลันประคอง “ท่านฟื้นตั้งแต่เมื่อใด อย่าเพิ่งรีบลุกเลยท่าน”
ทหารหนุ่มขืนตัว พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังเบาหวิว “ข้า...อยากนั่ง”
“แต่ท่าน...”
เขาไม่สนใจ ยันตัวขึ้นนั่งให้จงได้ นางรีบหาหมอนมารองหลังเพิ่มให้ เมื่อเขานั่งได้ก็เอาแต่จ้องนาง
“ข้าอยากเห็นหน้าเจ้าชัดๆ”
ระรันตาเก้อเขินเสมองไปยังแขนของเขา “แผลท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
เชลาลุสเหลือบมองต้นแขนที่มีผ้าขาวพันทับ “ยังระบม เวลาขยับปวดนักเชียว”
“ท่านต้องรับโอสถเจ้าค่ะ ท่านหมอกำชับให้ข้าเตรียมให้ท่าน” นางหยิบชามดินเผาเล็กๆ ที่ปรุงไว้เมื่อครู่ยื่นให้
เชลาลุสมองยาในชามแล้วถอนใจ “ยานี้ช่างขมลิ้นนัก ข้าจำได้”
ระรันตาอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเขาทำหน้าเหมือนเด็กไม่ถูกกับยา “ท่านต้องรับเจ้าค่ะ แผลจะได้สมานเร็ว”
“ให้เวลาข้าสักพักได้ไหมระรันตา ข้าเพิ่งฟื้นไข้นา” เสียงที่เคยห้วนดุกลับเป็นเกี่ยงงอน
นางทำเสียงแข็งตอบ “แต่คราก่อน ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่า มีใครบางคนบังคับจะกรอกยาข้า”
“เจ้าจำแม่นดีนัก ตอนนั้นข้าอยากให้เจ้าหายไวๆ นี่” เขาเอียงหน้ามาใกล้ หลิ่วตาใส่อีกต่างหาก
นางทำเป็นไม่สนใจท่าทีนั้น คะยั้นคะยอให้เขากินยาแทน “รับเลยนะเจ้าคะ”
เขายิ้ม “เจ้าอยากให้ข้าหายไวๆ เหมือนกันใช่ไหม”
“ท่านหมอสั่งมาเจ้าค่ะ” นางอ้อมแอ้ม
“แค่นั้นหรือ”
นางไม่ตอบอันใด ทว่าเขากลับพูด “ถ้าเพราะหมอดาปิโอรุสสั่งก็เอาไว้ก่อน ให้หมอบอกกับข้าเองอีกทีค่อยกิน”
ระรันตาเบิกตา “ท่านควรรับเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวแผลระบมอีกจะไข้กลับซ้ำ”
“ช่างปะไร” เขาทำเสียงห้วน เมินมองไปทางอื่น
ระรันตามองคนตัวโตหากท่าทางตัดพ้อเป็นเด็ก “ท่านเชลาลุส ข้าไม่อยากให้ท่านไข้สูงและเพ้อเช่นเมื่อคืนอีก รับยาเถอะนะเจ้าคะ”
เขาหันมาสบตา ริมฝีปากงามแย้มยิ้ม “เจ้าห่วงข้าใช่ไหมระรันตา บอกกับข้าสักหน่อยเถิด”
“ข้าอยู่เช็ดตัวท่านทั้งคืน ข้ายังต้องพูดหรือ”
เขาดึงมือนางไปกุม ดวงตาพราวเสน่ห์ช้อนมองจนระรันตาคล้ายจะละลาย ยิ่งคำเอ่ยของเขาอ่อนละมุน
“ข้าอยากได้ยินจากปากของเจ้า”
นางอ้ำอึ้ง เขายังคงออดอ้อน “หรือเจ้าไม่อยากให้ข้ากินยาเร็วๆ”
นางสบตาเขา “ข้าเป็นห่วงท่าน เป็นห่วงตั้งแต่เห็นท่านเลือดโซมแขนแล้วล้มพับไปต่อหน้าข้า ยิ่งเห็นท่านเจ็บปวดยามท่านหมอผ่าตัดให้ ข้าก็แทบทนไม่ได้ และทั้งราตรีที่ท่านตัวร้อนเป็นไฟเพ้อพกไม่รู้สติเช่นนั้นข้ายิ่งหวั่นใจ กลัวเหลือเกินว่าท่านจะเป็นอะไรไป ท่านยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ”
น้ำตานางรินลงอาบแก้มเองอย่างยากจะห้าม
“โธ่ระรันตา ข้าขอโทษ ข้าเพียงอยากได้ยินคำหวานจากเจ้าก็เท่านั้น” เขาไล้เช็ดน้ำตาให้ แล้วดึงตัวนางกอดแนบอก
“ข้าไม่เป็นอันใดมากดอกแม่นาง อย่ากลัว ข้ารับปากเจ้าไว้แล้วอย่างไรล่ะ ว่าข้าจักต้องกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”
ระรันตาซบหน้าไปบนแผงอกกำยำ ความรู้สึกอบอุ่นเต็มตื้นในหัวใจ แม้ชีวิตนี้จะเดียวดายไร้ญาติขาดมิตร แต่อย่างน้อยนางก็ยังรู้ว่ามีใครคนหนึ่งอยู่เคียงข้าง
จู่ๆ เสียงกระแอมดังขึ้นใกล้ๆ นางตกใจรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขา ขณะที่เชลาลุสดูจะไม่สะทกสะท้านกลับอ้อยอิ่งรั้งตัวนางไว้อีกพักจึงค่อยปล่อยเป็นอิสระ
ระรันตาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ได้แต่ทำความเคารพแล้วก้มหน้างุด
“ดูท่าทหารเอกของข้าจะมียาดี” ท่านแม่ทัพเปรยขณะดวงตามองนางนิ่งอย่างประเมิน สีหน้าท่านคล้ายคิดคำนึงบางสิ่ง ผู้นำทัพนิ่งไปพักใหญ่เลยทีเดียวก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ
“เชลาลุสเป็นคนช่วยชีวิตเจ้ามานี่นะ”
ท่านเปรยเพียงเท่านั้น และไม่ได้เอ่ยอะไรที่เกี่ยวกับนางอีกหากหันไปถามอาการของทหารหนุ่ม
“ข้าดีขึ้นมากแล้วขอรับ ขอบพระคุณท่านที่กรุณามาเยี่ยมอาการข้า” เขาค้อมศีรษะลงเมื่อเอ่ยจบ
ท่านแม่ทัพพยักหน้าเล็กน้อย “ดี เช่นนั้นข้าคงมิต้องห่วงอะไร เจ้าพักให้ฟื้นกำลังวังชาแล้วเราจะได้สู้ศึกกันต่อไป”
“ขอรับ”
ท่านแม่ทัพเดินลิ่วออกไปด้วยท่าทางองอาจ ระรันตารู้สึกไม่ดียิ่งนักรีบเอ่ยกับเขา
“ข้า ข้าทำให้ท่านผิดในวินัยหรือไม่”
“ผิดวินัยอะไร” เชลาลุสกลับมีท่าทางสบายอกสบายใจ กว่านั้นสีหน้ายิ้มอย่างยินดีเสียอีก
“ก็...ก็...” นางร้อนรนมิกล้าเอ่ย
เขารวบมือนางไปกุมอีกครั้ง “ที่เรากอดกันน่ะหรือ”
“ท่าน!” นางเบิกตาโต
เชลาลุสใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บคล้องเอวนางรวบตัวไปกอดอีกหน “ดีเสียอีก ท่านจะได้รู้ว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้า”
“ท่านเชลาลุส” นางขืนตัว แม้เขาใช้แขนข้างเดียวแต่แรงมากนัก ยิ่งใบหน้าคมคายก้มลงมาจนใกล้ ปล่อยริมฝีปากคลอเคลียบนแก้มนางทำให้ระรันตาใบหน้าร้อนผ่าว
“อย่ากังวลเลย ท่านแม่ทัพเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารย่อมรู้ดีในการวางตัว ข้าสบายใจเหลือเกินที่ท่านได้รู้เห็นเช่นนี้”
เชลาลุสจุมพิตลงข้างแก้มนวลอย่างที่นางมิอาจหลบเลี่ยงทัน
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **