ที่เรือนโภชนาวันนี้คึกคักแต่เช้า แม่บ้านทั้งที่อยู่เวรและไม่อยู่ถูกเกณฑ์มาช่วยงานทั้งหมด เนื่องด้วยมีงานสำคัญของท่านแม่ทัพในค่ำคืนนี้ อาหารหลากหลายสำรับถูกกำหนดและแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ทันเวลา
บริเวณท้ายเรือน นานันเทน้ำมันมะกอกใส่ชามดินเผา หยิบกระเทียมมาหลายหัว ขณะที่ระรันตาเอาผักออกจากตะกร้าใบใหญ่ ทั้งแคร์รอต พริกหวานสีแดง ถั่วหวาน ถั่วขาว และมะเขือเทศ
นานันหันไปตั้งไฟในหม้อเหล็กขนาดใหญ่พลางบอก “ข้าจะเคี่ยวน้ำสต็อกไก่ให้ได้ที่ก่อน เจ้าผ่าหัวแคร์รอตออกเป็นครึ่ง หั่นเป็นแว่นบางๆ ตามขวางนะ พริกหยวกให้เอาเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนถั่วหวานเดี๋ยวข้าจัดการเอง เพราะต้องลอกหัวท้ายและผ่าครึ่งด้วย”
ระรันตาเริ่มผ่าแคร์รอตตามสั่ง นานันปอกกระเทียมหลายกลีบแล้วซอยบางๆ พลางชวนคุย “เจ้ารู้หรือไม่ อาหารมื้อเย็นของคนโรมันเรียกว่าอะไร”
ระรันตาครุ่นคิด “ข้านึกไม่ออกเลย มื้ออาหารมีชื่อเรียกด้วยหรือ”
นานันเอื้อมหยิบถั่วหวานมาลอกก่อนเฉลย “มีสิ มื้อเย็นอย่างนี้เราเรียกว่า ซีน่า (Cena) ส่วนมื้อเช้าคือ เจนตะคิวลุม (Jentaculum) เสิร์ฟกันตั้งแต่รุ่งอรุณเชียวล่ะ”
น้ำสต็อกในหม้อเริ่มเดือดนานันใส่น้ำมันมะกอกลงไปแล้วกลับมานั่งหั่นผักตามเดิม พลางเล่าต่อว่าคนโรมันถือมื้อเย็นเป็นมื้อหลักของวัน ส่วนมื้อกลางวันนิยมแค่สำรับเล็กๆ เท่านั้นจึงไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ
“อาหารของพวกเราชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากกรีก เจ้าจะเห็นว่าพวกเราเลยนิยมขนมปังธัญพืช ไข่ เนยแข็ง น้ำผึ้ง”
เสียงน้ำเดือดปุดๆ ดังถี่นานันจึงรีบลุกไปดู แล้วเรียกหาผักที่หั่นไว้ทั้งหมด ระรันตาเป็นลูกมือช่วยใส่ผักทั้งหลายแหล่ลงไป นานันกวนซุปอย่างใส่ใจพลางบอกว่าต้องใช้เวลาเคี่ยวจนกว่าผักจะเปื่อยเข้ากัน แล้วจู่ๆ นานันก็หันมาหลิ่วตาใส่
“ซุปผักมิเนสโตรเน (Minestrone soup) นี้น่ะ เป็นเมนูโปรดของท่านเชลาลุสนะ”
ระรันตาหลุบตามองน้ำซุปที่เดือดในหม้อทำทีไม่สนใจ หากเสียงนานันยังหยอกต่อ “เจ้าฝึกทำให้คล่องๆ ล่ะ”
นางเงยหน้าเห็นนานันยิ้มกว้างถูกใจ
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับข้าสักหน่อย” ระรันตาตอบปัดแล้วก้มมองผักในหม้อที่เริ่มยุบตัว หากผู้อาวุโสกว่าเอียงกายมากระซิบ
“เชื่อข้าเถิด ภายภาคหน้าเจ้าจะได้ดูแลปรนนิบัติท่านเป็นแน่”
“นานัน!” นางเบิกตา
แม่บ้านร่างท้วมหัวเราะคิก “ดูเจ้าสิขี้อายแท้ หน้าแดงไปถึงหูเชียว”
“เตาร้อนต่างหากล่ะนานัน ท่านไปดูอย่างอื่นเถิด ข้าคนซุปให้เอง” ระรันตาขันอาสา ไม่อยากให้นานันหยอกเย้าอีก
“เอาเถอะ ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว” นานันส่งไม้พายให้ กำชับให้คนไม่หยุดมือจนกว่าผักจะนิ่ม
“ข้าเริ่มทำสลัดโคลูเมลลาเลยดีกว่า ยังมีอีกหลายเมนู ขนาดพวกเราแบ่งหน้าที่กันแล้วข้ายังเกรงว่าจะออกสำรับไม่ทัน” นานันบ่น
ระรันตามองรายการอาหารของเย็นนี้ที่ถูกจดมาในกระดาษยาวเหยียด “อาหารมากมายขนาดนี้จะกินกันหวาดไหวหรือ”
“สังคมโรมันเน้นพบปะสังสรรค์ในมื้อเย็น ผู้คนจะมาร่วมรับประทานอาหารและใช้เวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่อนข้างนาน” นานันบอกขณะมือง่วนกับการเตรียมผัก
“เหมือนอย่างค่ำคืนนี้หรือเปล่าจ๊ะที่ท่านแม่ทัพมีงาน” ระรันตาถาม
นานันหยุดมือมีท่าทีขรึมอย่างน่าแปลกใจ เสียงเอ่ยเจือความกังวล “จะว่าไปงานคืนนี้ข้ามีความรู้สึกแปลกๆ อย่างไรชอบกล”
“ทำไมหรือนานัน” นางใจคอไม่ดีไปด้วย
“ปกติช่วงศึกสงครามถ้าไม่ได้ชัยชนะชัดเจนจะไม่มีการเลี้ยงใหญ่โตเช่นนี้” นานันถอนใจแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “เอาเถิด ท่านแม่ทัพคงมีเหตุอันเหมาะสมจึงสั่งการ เรามีหน้าที่ทำตามไปอย่าคิดเป็นอื่นเลยนะ”
หญิงสาวจึงไม่กล้าถามอะไรอีก ทว่าแว่วเสียงสนทนาจากนางก้นครัวทั้งหลาย ก็พอจะจับความได้ว่า ท่านแม่ทัพมีแขกคนสำคัญที่ต้องต้อนรับในค่ำคืนนี้นั่นเอง
----------
กระโจมใหญ่ถูกกางขึ้นเพื่อจัดเป็นที่รับรองโดยเฉพาะ แขกคนสำคัญคือ ฮันโน ผู้บัญชาการกองกำลังคาร์เธจที่คุมเมืองเมสซานาอยู่ในขณะนั้น ท่านคลอดิอุสลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวทักทายทันที
“สวัสดี ท่านฮันโน”
ผู้นำแห่งคาร์เธจก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ยินดีที่ได้พบกันในวันนี้ท่านคลอดิอุส”
แม่ทัพแห่งโรมมองอย่างประเมินพลางเอ่ยขอบใจที่ฮันโนตอบรับคำเชิญ ผู้นำทัพคาร์เธจนั่งลงหัวโต๊ะตรงข้ามกับท่านแม่ทัพ
“นี่ทหารเอกแห่งข้านามว่าเชลาลุส ข้าจะขอให้นั่งข้างๆ ท่าน เผื่อได้ช่วยหยิบจับอะไร” แม่ทัพคลอดิอุสแนะนำ
แม้ฮันโนจะมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็มิอาจขัดผู้เป็นเจ้าภาพงานได้ เชลาลุสโค้งให้พอเป็นพิธีแล้วนั่งลงข้างๆ
แม่ทัพคลอดิอุสหันไปยังทหารคาร์เธจสามนาย “ถ้าไม่รังเกียจ ให้ทหารติดตามของท่านนั่งตรงกลางดีหรือไม่ จะได้สนทนาทำความรู้จักกับเหล่าขุนพลของข้าได้ถนัด”
สีหน้าฮันโนคงอยากให้ทหารของตนนั่งใกล้กัน แต่ก็ต้องยอมแม่ทัพแห่งโรม
พลทหารเริ่มนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ สลัดโคลูเมลลาและมิเนสโตรเนซุปเป็นอาหารนำ แม่ทัพคลอดิอุสเชื้อเชิญให้ทุกคนรับประทาน บรรยากาศค่อนข้างเงียบ เชลาลุสลอบมองอากัปกิริยาของแขกรับเชิญอย่างประเมินและคอยเตรียมพร้อมเสมอ
“เป็นอย่างไรท่านฮันโน ลองไข่ต้มในซอสถั่วสูตรของเราหรือยัง” ท่านแม่ทัพเอ่ยเมื่ออาหารหลักเริ่มทยอยเข้ามา
“รสชาติดีทีเดียวท่าน” ฮันโนดูรีบร้อนกลืนอาหาร
แม่ทัพคลอดิอุสยิ้ม มองถาดใหญ่ที่มีชิ้นเนื้อหั่นเป็นวงกลมวางซ้อนเป็นตั้งสูง “ลองชิมเนื้อหมูป่าหน่อยเป็นไร” แล้วท่านก็ให้สัญญาณเสิร์ฟเครื่องดื่ม
พลทหารรินไวน์แดงที่เหมาะรับประทานแกล้มเนื้อหมูย่างแก่ทุกคน ขนมปังกระเทียมแท่งยาวที่บากเป็นชิ้นหนาในตระกร้าสานคือเครื่องเคียง
เสียงพูดคุยดังขึ้นเมื่อลิ้นสัมผัสแอลกอฮอล์ เชลาลุสจิบไวน์เพียงน้อย ดวงตาคมคายลอบมองผองเพื่อนทหารโรมัน ทุกคนรู้ดีว่ากำลังทำอะไร หากสังเกตไม่มีใครดื่มไวน์เกินครึ่งแก้วเลยสักคน
“คุมพวกแมมเออร์ทีนซ์เป็นอย่างไรบ้าง ท่านฮันโน” ท่านคลอดิอุสชวนคุย
ฮันโนตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “พวกนี้โหดร้ายนัก แรกทีเดียวมันฆ่าผู้ชายในหมู่บ้าน และจับผู้หญิงไปบำเรอกามให้พวกมัน”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ภาพวันวานก็แล่นเข้ามาฉายชัดในความทรงจำของเชลาลุส วันนั้น...ที่เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง คิดแล้วก็กัดฟันกรอดเมื่อภาพที่นางเกือบโดนทำมิดีมิร้ายวนเวียนหลอกหลอน
เสียงท่านแม่ทัพดึงเขาให้ออกจากภวังค์
“ท่านคิดว่าจะควบคุมพวกมันได้หรือ”
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **