ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : เลื่อมลายพรายจันทร์ : ตอนที่ 19

 

 

ตอนที่ 19

 

 

ทันทีที่ดมิสากลับถึงบ้านเสน่ห์จันทน์ สุวรรณก็เข้าไปพบเจิมจันทร์ทันทีตามที่วิญญาณรับใช้ชื่อ นพ รอถ่ายทอดคำสั่งอยู่ใต้ต้นปีบบนเรือน เจิมจันทร์รอพรายกุมารอยู่แล้วในห้องพระ กลิ่นอายความเจ็บปวดทรมานยังหลงเหลืออยู่ในห้องนั้นจนสุวรรณรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะจับไข้ก็ไม่ปาน เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าคงมีวิญญาณทาสรับใช้ทำให้เจิมจันทร์ไม่พอใจ และป่านนี้วิญญาณที่ถูกทรมานนั้นคงเปลี่ยนภพภูมิไปเกิดใหม่ที่อื่นแล้ว

แบบที่มนุษย์ตายได้ วิญญาณก็เช่นเดียวกัน

ทั้งมนุษย์และวิญญาณตายแล้วจะเกิดใหม่ทันที แต่หากถามว่าทำไมทาสรับใช้เจิมจันทร์ไม่ฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย ก็คงเพราะไม่รู้ว่าตายแล้วจะเป็นอิสระ หรือเวรกรรมจะฉุดรั้งให้ไปเกิดในนรกเหมือนวิญญาณกุมารีผู้ชั่วช้า!

ดังนั้นสำหรับทาสรับใช้ของเจิมจันทร์แล้ว ไม่ตายซ้ำเสียดีกว่า

นพ...ทาสรับใช้ของเจิมจันทร์เป็นวิญญาณเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายหน้าตาหล่อเหลาและมีใบหน้าเฉยเมยอมทุกข์อยู่เสมอ เขาผละออกจากห้องพระไปเมื่อทำหน้าที่บอกกล่าวสุวรรณเสร็จสิ้น วิญญาณหนุ่มลอยเอื่อยไปบนเรือนเสน่ห์จันทน์ ก่อนหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ตอนนี้ถูกปล่อยทิ้งร้าง

เด็กหนุ่มยื่นมือแตะบานประตู

แม้ไม่พูดจา แต่ดวงตาคู่นั้นก็แสดงออกว่าเขากำลังเจ็บปวดหัวใจราวกำลังถูกมีดล่องหนกรีดแทง...

----------

“จิณไตย อนันดากรณ์ อ้อ ข้ารู้จักนามสกุลนี้”

เจิมจันทร์จิบน้ำสมุนไพรที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ขณะฟังสุวรรณเล่าว่าสามวันที่นางไม่อยู่ ดมิสาก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง นางแปลกใจเล็กน้อยที่มีผู้ชายมาติดพันหลานสาวคนนี้ มิหนำซ้ำสุวรรณยังเล่าอีกว่า ชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินหน้าจีบดมิสาเต็มที่ และดูเหมือนดมิสาเองก็ชอบพอมีใจ

อนันดากรณ์ เศรษฐีใหม่ถอดด้าม ข่าวว่าเป็นเจ้าของอนันดาเฮาส์ที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทยในเวลานี้ ใช้ได้...นางสรุปในใจด้วยความที่อารมณ์ดีเพราะได้จัดการอีตานีไปแล้วก็เลยเกิดนิยมชมชอบดมิสาขึ้นมาวูบหนึ่ง น่าเสียดายที่มันหัวแข็ง มิหนำซ้ำยังถูกพระดินล้างสมองให้เห็นผิดเป็นชอบไปแล้ว แต่ช่างหัวดมิสาเถอะ

ตอนนี้เจิมจันทร์มีญานีนอยู่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด

นางมั่นใจว่าผู้หญิงโง่เขลาที่ถูกหล่อหลอมด้วยโมหะแบบญานีน คือทายาทไสยมืดที่จะสืบทอดวิชาจากนางได้แน่นอน!

หญิงชราเบนสายตามองสุวรรณที่รีบหลบตามองพื้นก้มหน้าลงต่ำด้วยความกลัวอย่างเคย นางยิ้มเยาะ ก่อนเอ่ยปากถามด้วยความสมเพชวิญญาณเด็กขี้ขลาด แต่ก็ดี ขี้ขึ้นสมองแบบนี้จะได้ไม่กล้าโกหกนางแบบที่อีกุมารีเคยทำ

“แกไม่อยากได้รางวัลรึ สุวรรณ”

สุวรรณคิดถึงรางวัลที่พวกผีทาสรับใช้ของเจิมจันทร์ปรารถนา ล้วนแล้วแต่เป็นของเน่าเหม็นชวนอาเจียน หลังจากดมิสาสอนให้เขารู้รสชาติแห่งกระแสบุญอันเป็นทิพย์แล้ว สุวรรณจากที่รู้สึกเฉยๆ กับรางวัลของคุณท่าน เขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนรังเกียจ

กุมารน้อยขยับไปจับข้อเท้าเจิมจันทร์ พยายามเอาตัวรอดด้วยการประจบเอาใจ

‘สุวรรณได้รับใช้คุณท่านที่สร้างสุวรรณขึ้นมา แค่นี้สุวรรณก็มีความสุขที่สุดแล้วคับ’

เจิมจันทร์หัวเราะหึในคอพลางด่ากุมารน้อยในใจว่า ไอ้โง่! ใครกันจะสร้างดวงจิตขึ้นมาได้ มีแต่จับมาจากแม่โง่ๆ เหมือนมึงต่างหาก!

“ดี ไม่เปลือง”

เจิมจันทร์พูดออกมาอีกอย่าง นางยังต้องสอยสุวรรณไว้ใช้ ปล่อยให้มันโง่ต่อไปน่ะดีแล้ว

“แกไปได้แล้ว”

----------

ระหว่างที่เจิมจันทร์เรียกสุวรรณไปพบนั้น ดมิสาไม่รู้เลยว่าสุวรรณไม่ได้อยู่ในจี้เครื่องรางเพราะกุมารน้อยไม่ได้ออกมาให้เธอเห็นตลอดเวลา หญิงสาวกลับเข้าบ้านมาหลังจากไปรับประทานอาหารเย็นกับจิณไตย เธอจึงเดินเข้าห้องนอนส่วนตัวอย่างเป็นสุข ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอันใด

แต่เมื่อปิดประตูห้องนอนสนิท ก็เห็นบุญเลิศทำก้นโด่งแนบคางลงกับพื้นไม้ วิญญาณสุนัขกำลังมองเข้าไปใต้เตียง เมื่อมันหันมาเห็นเธอก็วิ่งมานัวเนียกระดิกหางเป็นระวิง แล้ววิ่งกลับไปทำท่าเดิมอีกพร้อมกับร้องงี้ดๆ ชวนให้สงสัย

ดมิสาเดินเข้าไปทรุดตัวลงก้มมองเข้าไปใต้เตียงว่าบุญเลิศกำลังมองอะไร เมื่อเห็น ‘สิ่งนั้น’ หญิงสาวถึงกับผงะถอยหนี ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดของตัวเองสุดกำลัง เธอแทบจำไม่ได้ว่าวิญญาณที่พลังงานลดน้อยถอยลงเหลือเกินนั้นคือดวงจิตที่เธอเคยพบ กระทั่งเห็นสไบสีเขียวขาดรุ่งริ่ง และเห็นกำไลข้อมือที่ดมิสาจำได้ดีว่าตานีที่ใส่กำไลทองแบบนี้ มีแค่ตานีที่เคยมานัวเนียสมคิดเท่านั้น

“ตานี...” หญิงสาวครางเรียกเสียงเบาหวิว และเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะพลันได้ยิน

ตานีที่พุพองไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า กลั้นใจดึงตัวเองออกมาจากใต้เตียงที่หล่อนหลบซ่อน ตอนนี้หล่อนมองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะเจิมจันทร์ทรมานทรกรรมหล่อนจนตาทิพย์มืดบอด หญิงชราร้ายกาจคนนั้นชั่วช้านัก! ถ้าหากเปลวเทียนไม่บังเอิญไหววูบมาถูกสายสิญจน์ขาด ตานีคงหนีออกมาไม่ได้เช่นนี้

ตอนที่กำลังหนีอย่างอับจนหนทาง มือผีทาสหลายมือพยายามยื้อยุดฉุดหล่อนไว้ แต่ตานีก็สู้ยิบตาด้วยความกลัวตาย กระทั่งหนีพ้นออกมาได้จากห้องที่เป็นราวนรกของตน ก็ได้ยินเสียงเจิมจันทร์ดังตามมา

‘ไม่ต้องไปตามมัน สภาพแบบนั้นเดี๋ยวมันก็ตายห่าตกนรกหมกไหม้แล้ว ไม่พ้นคืนนี้หรอก!’

ตานีหนีซมซานเข้ามาในห้องนี้ เพราะได้กลิ่นที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นกลิ่นกายของดมิสา กลิ่นที่อวลด้วยศีล จาคะ ปัญญา ตานีนั้นร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเมื่อนาสิกสัมผัสกลิ่นของกุมารแพทย์หญิงที่นางเคยชัง เมื่อเผชิญหน้ากับเจิมจันทร์แล้ว ดมิสาก็กลายเป็นนางฟ้าสำหรับนางไปเลย

ตานีได้ยินเสียงและสัมผัสของบุญเลิศ รับรู้ว่าเป็นวิญญาณสุนัข แต่บุญเลิศไม่เห่าและไม่กัดหล่อน ตานีเลยซมซานเข้าไปหลบที่ใต้เตียงเพื่อรอดมิสากลับมา หล่อนพยายามฝืนสังขารไว้สุดกำลังแค่เพราะเพียงคิดว่า ดมิสาจะรู้หรือไม่ว่ายายเจิมจันทร์ซุกซ่อนไสยศาสตร์มืดดำไว้ในบ้าน!

“ตานี” ดมิสาร้องเรียก น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม แม้จะเคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน แต่สภาพของตานีสาวในเวลานี้ก็น่าสงสารเหลือเกิน “นี่เธอไปโดนอะไรมา”

ตานีพยายามยื่นมือมาสัมผัสมือของดมิสา หล่อนพยายามเงยหน้ามองแม้ไม่เห็น เนิ่นนานกว่ามือพุพองจะแทรกผ่านกายหยาบของหญิงสาว เมื่อหล่อนสัมผัสได้ ตานีพยายามกำมือดมิสาแน่นๆ ขณะเอ่ยเตือนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะมีทาสรับใช้ของเจิมจันทร์มาได้ยินเข้า

‘ระวังเจิมจันทร์’ เสียงหล่อนแตกพร่า ฟังไม่ชัดนัก

‘อย่าไว้ใจเจิม...จันทร์!!!’

ดมิสาไม่เข้าใจสิ่งที่ตานีพยายามจะสื่อ เจิมจันทร์...ยายของเธอทำอะไรหรือ ตานีถึงพยายามพูดอยู่เช่นนี้ทั้งที่ดวงจิตทุกข์ทรมานแทบจะแตกดับอยู่แล้ว

‘ไส...ยะ’

พูดได้แค่นั้นจิตของตานีก็อดทนต่อไม่ไหว หล่อนค่อยๆ กลายเป็นฟองสีขาวลอยหายขึ้นฟ้าไปโดยไม่รู้เลยว่าจิตใจแห่งความห่วงใยและอดทนรอเตือนให้ดมิสาระวังภัยนั้น นำพาให้ดวงจิตติดกามของหล่อนเปลี่ยนไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะจิตก่อนตายได้เสียสละตน ยินยอมที่จะทุกข์ทรมานเพื่อกระทำกรรมดี และเมื่อเกิดใหม่หล่อนก็ลืมเรื่องราวที่บ้านเสน่ห์จันทน์นี้แล้ว ตามบุญกรรมของหล่อนที่สะสมมา

ดมิสานิ่งอึ้ง เธอจะคิดว่าตานีใส่ร้ายเจิมจันทร์ก็ไม่ได้เพราะแสงสุดท้ายของตานีเป็นสีขาวลอยขึ้นฟ้า เธอเห็นอยู่กับตา นั่นแปลว่าสิ่งที่ตานีพูดคือคำสัตย์ คือความจริง

ระวังเจิมจันทร์ อย่าไว้ใจเจิมจันทร์ ไสยะ...

ไสยศาสตร์!

ดมิสายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตระหนก ยายของเธอน่ะหรือเป็นพวกเล่นของอวิชชา ใช้คุณไสยมนตร์ดำทำร้ายผู้อื่น และเป็นคนลงมือฆ่าตานีอย่างโหดเหี้ยมทรมาน เจิมจันทร์น่ะหรือ!

แม้จะมีบรรพบุรุษเป็นโหรหลวงในวัง มีฝีมือทางการดูดวงและดูหินสี แต่ดมิสาไม่เคยจินตนาการเลยว่ายายของเธอจะหยิบจับอวิชชาให้มือทั้งสองแปดเปื้อน

“ไม่” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อในความคิดของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้”

แม้จะปฏิเสธสักเท่าไร ก็ไม่อาจหนีความจริงพ้น

และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ อยู่ในสายตาของสุวรรณที่กลับมาแล้วเช่นกัน เขายืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของดมิสา ครุ่นคิดกังวลว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ดมิสาไม่ควรรับรู้เรื่องนี้

มันจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายที่สุวรรณเดาไม่ออกเลยว่า เจิมจันทร์จะจัดการอย่างไรกับหลานสาวที่ล่วงรู้ความลับ มิหนำซ้ำยังเป็นหลานสาวที่เจิมจันทร์เกลียดชังจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วย!

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com