ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : เลื่อมลายพรายจันทร์ : ตอนที่ 29

 

 

ตอนที่ 29

 

 

บนเรือแจว จิณไตยส่งดอกบัวที่เพิ่งตัดให้ และหญิงสาวก็ค่อยๆ พับดอกบัวไปด้วยอย่างบรรจง เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมอง และเมื่อสบนัยน์ตาวาวหวานของเขา หญิงสาวก็ยิ้มเขิน แทบจะยกดอกบัวในมือขึ้นตีแก้มให้เขามองไปอีกทางอยู่แล้ว หากไม่ติดว่าดอกบัวนี้จะนำไปถวายพระ

“นอกจากพวกแม่พิณแล้ว มิ้งค์อยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอ”

จิณไตยถาม เขาหยุดตัดดอกบัวชั่วครู่เพราะในตะกร้าเกือบเต็มแล้วและดูเหมือนดมิสาจะพับให้ไม่ทัน

“มิ้งค์ไม่เห็นพาพี่ไปสวัสดีญาติผู้ใหญ่ในบ้านเลย หรือพี่น้องคนอื่นของมิ้งค์พี่ก็ไม่รู้จักยกเว้นคุณโต”

ดมิสาเงยหน้ามองเขา ไม่รู้จะบอกเช่นไรว่ายายของเธอเป็นคนร้ายกาจ แค่เขาไปมาหาสู่เทียวรับเทียวส่งทุกวันนี้หญิงสาวก็แอบหวั่นว่าหากวันหนึ่งเจิมจันทร์เดินออกมาด่าทอเฆี่ยนตีเธอจะทำอย่างไร แต่ดมิสาก็ไม่อยากให้การคบหากับเขาเป็นความลับขนาดนั้น เธอโตแล้ว พรุ่งนี้จะอายุยี่สิบเจ็ดปีเต็มแล้ว เธอมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะคบหรือไม่คบกับใคร

“ถ้ามีโอกาส มิ้งค์จะพาไปสวัสดียายนะคะ”

“อ้าว แล้ววันนี้คุณยายไม่อยู่เหรอ”

“วันนี้วันพระ ยายจะอยู่ในห้องพระทั้งวันค่ะ”

หญิงสาวเลี่ยงที่จะบอกว่า ทุกวันพระนั้น เธอเห็นวิญญาณมากมายเป็นอิสระจากการกดขี่ จึงออกมาจกตับควักไส้กันนอกบ้านเป็นประจำ บ้างที่มีพลังสูงก็แอบออกไปนอกอาณาเขตบ้านแล้วก็รีบกลับมาก่อนหมดวันพระ เธอเลิกกลัวพวกมันแล้ว รำคาญเสียมากกว่า และคาดโทษไว้ว่าอย่ามายุ่งกับเธอ กับคนของเธออย่างสุวรรณกับบุญเลิศแล้วกัน

“มียายใจบุญแบบนี้ มิ้งค์เลยชอบเข้าวัดทำบุญสินะ”

ดมิสาแสร้งยิ้มตอบไม่ออกจริงๆ กับเรื่องนี้ เธอถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองเขา คิดจะชวนกันพายเรือกลับเพราะดูเหมือนบทสนทนาจะกร่อยแล้ว แต่ทว่าควันสีดำที่ลอยมาจากบ้านเสน่ห์จันทน์ทำให้หญิงสาวชะงัก มิหนำซ้ำควันนั้นยังหอบเอาไม้ท่อนใหญ่ที่สมคิดตัดไว้จะผ่าเป็นฟืนมาด้วย!

“พี่จิณระวัง!”

ดมิสาร้องกรี๊ดยื่นมือไปหาเขา เมื่อไม้ท่อนนั้นร่วงลงตรงศีรษะของจิณไตยพอดี! พลังของเธอผลักท่อนไม้จนกระเด็นไปอีกทาง เกิดคลื่นน้ำจนเรือโยก เสียงของเธอเรียกให้สุวรรณที่กำลังนอนหลับในจี้เครื่องรางปรากฏกายขึ้น เขาปรี่ไปขวางทางศัตรูเอาไว้ และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น...อยู่ในสายตาของจิณไตยทุกอย่าง! ตั้งแต่ท่อนไม้ใหญ่ลอยมาจากไหนไม่รู้จะหล่นใส่ศีรษะเขา แต่แล้วไม้นั้นก็เหมือนถูกผลักออกไปทั้งที่ไม่มีลม

ที่เขามองไม่เห็นก็มีแต่พรายสุวรรณและพรายเฉงผู้สิงสู่ในรูปปั้น!

‘หลบไปไอ้ขี้ข้า’ พรายเฉงตวาดเสียงดังลั่นคุ้งน้ำและพลังของมันทำให้เกิดคลื่นน้ำขนาดมหึมาจนเรือโคลงเคลง ‘มึงมันขี้ข้าอีเจิม ไอ้สุวรรณ! ส่วนกูสิมีสิทธิ์เฟ้นหาเจ้านายใหม่ได้ เพราะกูไม่ได้ถูกสะกดไว้ในจี้เครื่องรางแบบมึง กูเลือกที่จะสิงสู่รูปปั้นนั้นเอง!’

“อะไรนะ” ดมิสาครางเสียงสั่น “หมายความว่ายังไงสุวรรณ”

“เกิดอะไรขึ้นน่ะมิ้งค์” จิณไตยอยากจะเดินจากเรืออีกฝั่งไปหาหญิงสาวแต่การทำแบบนั้นจะทำให้เรือล่ม เขาเลยทำได้แค่ยื่นมือไปจับมือเธอไว้ ดมิสากำลังมองไปบนฟ้า น้ำตาไหลพราก ลมที่ไหนไม่รู้โหมมาทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังฟ้าใส และตอนนี้ฝนก็เทลงมาราวฟ้ารั่ว

สุวรรณไม่ได้หันมาอธิบายอะไรให้ดมิสาเข้าใจ เขายังลอยอยู่บนฟ้าและกำมือแน่นพร้อมที่จะรับมือกับพรายเฉง เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน กุมารน้อยรู้ดีว่าผีพรายตนนี้รับมือยากเพียงใด และยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตรอดไปจากเหตุการณ์นี้หรือไม่ แต่เป็นตายร้ายดีอย่างไรสุวรรณจะไม่ยอมให้ผีร้ายหน้าไหนมาแตะต้องจิณไตยกับดมิสาเด็ดขาด!

พรายเฉงกลายร่างเป็นควันพุ่งเข้าใส่เรือ แต่สุวรรณเอื้อมมือเข้าไปในควันและจับตัวมันได้ เขาพยายามกระชากมันออกจากควัน แต่เฉงก็เสกงูผีเลื้อยขึ้นบนแขนสุวรรณ กระนั้นสุวรรณก็ไม่ยอมปล่อยมือแม้จะถูกฉกถูกกัด เขาจับเฉงไว้มั่นแล้วเสกกระบองจากกำไลข้อมือทองของตนเอง กระชับกระบองอยู่มือแล้วสุวรรณก็ฟาดลงยังควันนั้นเต็มแรง! แต่เฉงรู้ตัวก่อนจึงสลายร่างไปรวมกันอีกฝั่งหนึ่งจนสุวรรณล้มหน้าทิ่ม กุมารน้อยลุกขึ้นอีกครั้ง พุ่งเข้าใส่ร่างควันของเฉงที่หัวเราะฮิๆ ไปทั่วคุ้งน้ำ เขาเสียเปรียบ เพราะไม่เคยต่อสู้มาก่อน แต่อีกฝ่ายนั้นเจนสนามและมีชีวิตยืนยาวมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรทราวดี นี่หากไอ้หมอผีมอญอาจารย์ของเจิมจันทร์ไม่ได้ฆ่าเจ้านายเก่าของเขาซึ่งเป็นหมอผีเขมร ป่านนี้เขาอาจได้อยู่ในที่ที่ดีกว่าบ้านนี้ก็ได้!

แต่ช่างหัวอาจารย์มอญนั่นเถอะ

ตอนนี้เขาเจอเจ้านายคนใหม่แล้ว...

ดมิสา อิสราภรณ์ ผู้หญิงที่มีอำนาจจิตซ่อนเร้นไว้มหาศาลผู้นี้ยังไงเล่า หากเลือกเดินทางสายอวิชชาเธอจะมีโอกาสเป็นหมอผีที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเจิมจันทร์เสียอีก!

เขาจะสิงสู่สมสู่เธอให้ยอมสยบ แล้วจากนั้นจะพาเธอเดินเข้าทางสายมืดที่แสนหอมหวานให้ได้!

เฉงพุ่งร่างเข้าหาดมิสา แต่ความประมาททำให้เขาถูกสุวรรณใช้กระบองฟาดจนกระเด็นออกไป พรายเฉงตวัดสายตาสีแดงเพลิงมามองสุวรรณอย่างโกรธจัด คำรามดังก้องจนพื้นน้ำกระเพื่อม ก่อนหมุนควงร่างตัวเองราวสว่านทะลุท้องของสุวรรณไป

ดมิสาตกใจและโกรธแทบสิ้นสติ และก่อนจะรู้สึกตัว สติสัมปชัญญะของเธอก็ขาดผึง พรายน้ำนับสิบผู้อาศัยอยู่ในกอบัวพากันลอยขึ้นโอบล้อมร่างของเธอเอาไว้และพยายามกระซิบเตือนสติ แต่หญิงสาวไม่ได้ยิน พรายผู้หวังดีจึงโอบร่างของสุวรรณกลับมาใส่ไว้ในจี้เครื่องราง พวกหล่อนรู้ดีว่าว่านเสน่ห์จันทน์ทองมีฤทธิ์รักษา แต่หากบาดแผลฉกรรจ์เกินไปก็อาจไม่รอด...ขึ้นอยู่กับสุวรรณแล้ว

‘ตั้งสติ ดมิสา’ พรายน้ำพยายามกระซิบ ‘เธอจะทำให้จิณไตยได้รับอันตรายไปด้วย’

แต่หญิงสาวหาได้ยินไม่...

พรายเฉงหัวเราะร่วนเมื่อกำจัดตัวเกะกะไปเสียได้ เขาลอยวนอยู่เหนือน่านฟ้าอย่างผู้มีชัย ก่อนจะเอะใจที่มีลมพายุหมุนรอบตัว วินาทีนั้นเองมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงใส่ศีรษะเขารวดเร็วจนหลบไม่ทัน

พรายชั่วเบิกตากว้าง สำลักเสียงหัวเราะและร่วงลงสู่ผืนน้ำจมลงไป ความเป็นทิพย์ทำให้เขายังไม่ตายและพุ่งร่างขึ้นสู่ผืนน้ำด้วยความโกรธแค้น

‘อีดมิสา! กูจะยัดเยียดอำนาจใส่มือให้ มึงกลับไม่สน เช่นนี้แล้วก็จงตายเสียเถอะ!’ มันตะโกนในดวงจิต ก่อนถูกเหล่าไม้น้ำพันธนาการไว้จนไม่สามารถกลับขึ้นไปเหนือผืนน้ำได้ เมื่อพยายามใช้ฤทธิ์ตัดออกก็กลับพบว่าไม้น้ำนั้นเหนียวราวกับไม่ใช่ต้นไม้ในโลก ราวกับเกิดจากการเสกขึ้นมา

‘ดมิสาเคยช่วยเหลือพวกเรา’

เสียงพรายน้ำดังกังวาน พวกหล่อนเคยเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนหิวโหยทรมานมานานหลายพันปี แต่เมื่อมาเจอดมิสา เมื่อถูกสอนให้อนุโมทนาบุญพวกหล่อนก็มีชีวิตอิ่มทิพย์สุขสบายไม่อดอยากอีก ด้วยสำนึกในบุญคุณจึงกลับมาอาศัยในดอกบัวใกล้เรือนเสน่ห์จันทน์ คอยช่วยเหลือหากทำได้ แต่ที่ผ่านมาดมิสาไม่เคยมีอะไรให้ต้องช่วย

‘หากเฉงแตะต้องนางอีกแม้ปลายเล็บ...’

พรายเฉงหันมองตามเสียงเพราะพริ้งราวกับทูตสวรรค์ แต่ร่างกายสวยสดงดงามกลับกลายเป็นดุร้ายน่ากลัว เล็บแหลมยาวกรีดแควกลงยังของสงวนของมันอย่างไร้ความปรานี

‘จะไม่จบแค่เจ็บแน่ คราวหน้ามึงจะไม่เหลือแม้แต่ตอ!’

เฉงกรีดร้องลั่นคุ้งน้ำ ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา

มันรีบกลับเข้ารูปปั้นไปปรากฏตัวต่อหน้าเจิมจันทร์ในห้องพระทันที ร่างของมันสั่นระริกทรมาน ก่อนถูกเจิมจันทร์พันรูปปั้นไว้ด้วยสายสิญจน์อย่างไม่สนใจว่าผีร้ายที่ไม่เคยภักดีต่อนางจะเจ็บปวดหรือสุขสบายดี

“สมน้ำหน้า ไอ้ผีเนรคุณ!”

เจิมจันทร์โยนรูปปั้นนั้นลงในพานสีทองรวมกับรูปปั้นอื่นที่ถูกสายสิญจน์พันไว้ นางเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากสมาธิ แต่นางก็รอดูว่ายกนี้ใครจะแพ้หรือชนะ หากเฉงชนะนางจะจัดการมันเสีย แต่หากทางดมิสาชนะ นางก็ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากรอให้เฉงคลานเข่ามากราบตีนขอโทษนางเอง!

โชคดีที่สระบัวของเสน่ห์จันทน์อยู่ทางด้านชายป่า ไม่ได้ติดกับบ้านใคร ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่

แต่ถ้ามีใครมาเห็นเข้าล่ะ...

“ไอ้อีตนใดอยู่แถวนี้บ้าง กูขอสั่งให้ล่มเรือของอีมิ้งค์ให้คว่ำ อย่าให้มันทำความเดือดร้อนให้กูได้อีก!”

ยังไม่ทันที่ผีร้ายตนใดจะถึงลำเรือ พรายน้ำก็ช่วยกันคว่ำเรือจนจิณไตยและดมิสาตกน้ำไปเสียก่อน พายุหมุนหายวับ ท้องฟ้ากลับมาสดใสดังเดิม บรรดาผีรับใช้เห็นเช่นนั้นก็รีบกลับไปเสนอหน้าขอรางวัลจากเจิมจันทร์ เพราะพวกมันมองไม่เห็นพรายน้ำที่มีความละเอียดมากกว่าหากพวกหล่อนไม่ปรากฏกายให้เห็นเอง

จิณไตยพุ่งตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ เขาหันซ้ายขวามองหาดมิสา ก่อนดำลงไปอีกครั้งและพบหญิงสาวหมดสติกำลังลอยขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่เธอควรจะจมดิ่งลงไปตามกฎของธรรมชาติ แต่วันนี้เขาเห็นสิ่งผิดธรรมชาติมากมายเสียจนไม่มีเวลาสงสัยอะไรทั้งนั้น

เขารับตัวดมิสามาจากพรายน้ำ เธอยังหายใจอยู่แต่ไม่ยอมฟื้น ชายหนุ่มจึงรีบพาเธอมายังศาลาท่าน้ำและอุ้มวิ่งเข้าไปใต้ถุนบ้าน เจอสายพิณที่นั่น

“พาคุณหนูไปโรงพยาบาลเลยค่ะ”

สายพิณบอกร้อนรนพร้อมดึงแขนชายหนุ่มมาที่รถของดมิสา แม่บ้านร่างท้วมเตรียมกุญแจไว้ให้แล้วเพราะฉุกละหุกแบบนี้จิณไตยคงหากุญแจรถตัวเองไม่เจอแน่ หรือไม่อย่างนั้นกุญแจอาจจะเปียก สายพิณไม่รู้เรื่องรถหรอกแต่นางเดาว่าอาจใช้ไม่ได้และจะทำให้ยิ่งช้า เหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ในสายตาของนางทั้งหมด แต่นางไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนอกจากขอให้จิณไตยพาดมิสาหนีไปอย่างแนบเนียน

“มิ้งค์ยังหายใจอยู่นะครับ ผมอยากให้มิ้งค์เปลี่ยนเสื้อผ้า”

เขาหันไปบอกสายพิณขณะวางดมิสาลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยใส่ให้ แต่สายพิณก็ยัดกุญแจรถใส่มือเขาและกระซิบบอกย้ำ น้ำตาคลอ

“พาคุณหนูไปโรงพยาบาลเลยค่ะคุณจิณ”

จิณไตยเข้าใจเอาตอนนั้นว่าสายพิณพยายามให้เขาพาดมิสาไปจากที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก ชายหนุ่มเห็นกับตาแล้วว่าบ้านเสน่ห์จันทน์ในตอนนี้ไม่ปลอดภัย เขาจึงบอกขอบคุณสายพิณแล้วขับรถออกมาท่ามกลางความไม่พอใจของผีร้าย วินาทีที่เหลือบมองกระจกมองหลังนั้น ชายหนุ่มก็พลันได้เห็นในสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อนแค่ในความฝัน

วิญญาณร้ายที่พันธนาการนุชชารีย์ในความฝันของเขาพากันยืนหัวเราะอย่างสะใจไล่หลังรถ พวกมันพุ่งตัวเข้ามาหมายทำให้เกิดอุบัติเหตุเมื่อมีช่องให้ทำได้เพราะรถของดมิสาไม่คุ้นมือจิณไตยนัก แต่เพราะในรถมีพระพุทธรูป ผีร้ายพวกนั้นจึงกระเด็นหายไปด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ

 

 

ติดตามต่อในฉบับเต็มได้แล้ววันนี้ ทั้งแบบ หนังสือเล่ม และ อีบุ๊ก

 
 


 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com