ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : เลื่อมลายพรายจันทร์ : ตอนที่ 13

 

 

ตอนที่ 13

 

 

กุมารแพทย์หญิงเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาเข้าเวร เธอเดินผ่านโซนเด็กเล่นตกแต่งด้วยสีชมพูสลับฟ้า ทักทายพยาบาลที่เคาน์เตอร์แล้วก็เข้าห้องตรวจที่มีชื่อตนติดอยู่หน้าบานประตู ภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มีโต๊ะตรวจคนไข้ เตียงพยาบาล และอุปกรณ์ตรวจโรคขั้นพื้นฐานครบครัน

ใช่ว่าสุวรรณจะไม่เคยออกจากจี้เครื่องรางมาวิ่งเล่น แต่เมื่อก่อนนั้นเขาต้องแอบซ่อนตัว จึงไม่สนุกเท่าวันนี้ที่สามารถสำรวจทุกซอกทุกมุมได้โดยอยู่ในสายตาของดมิสาตลอด

หญิงสาวปล่อยให้สุวรรณวิ่งเล่น เพราะเด็กชายไม่ได้รบกวนใครแม้กระทั่งกับเธอเอง ดมิสาเปิดตำราศึกษาโรคเพิ่มเติมเพราะวันนี้มีนัดติดตามอาการเคสไข้หวัดของคนไข้รายหนึ่ง เธอยังสรุปได้ไม่ชัดนักว่าเป็นไข้ธรรมดา ไข้เลือดออก หรือไข้หวัดใหญ่ แต่มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าอาจเป็นไข้เลือดออก วันนี้คงต้องเจาะเลือดไปตรวจ

“คุณหมอจะเริ่มตรวจคนไข้เลยไหมคะ”

พยาบาลสาวเคาะประตูยื่นหน้าเข้ามาถาม เมื่อดมิสาพยักหน้า จึงเรียกชื่อคนไข้แล้วถือแฟ้มเข้ามาวางให้บนโต๊ะ

“น้องจุนไม่ฉีดยา”

เด็กชายหน้าตาซูบซีด ผิวขาว แต่งตัวน่ารักถูกผู้ปกครองบังคับอุ้มเข้ามาในห้องตรวจด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา เขาร้องโยเย โวยวาย ทำอย่างไรก็ไม่ยอมให้ดมิสาแตะเนื้อต้องตัว เมื่อลองจับหน้าผากได้ก็พบว่าไข้สูงมากจนน่าวิตกทั้งที่ยังไม่ทันได้ใช้ปรอทวัดไข้เสียด้วยซ้ำ

“น้องจุนครับ เป็นผู้ชายต้องปกป้องคุณแม่นะครับ”

เมื่อคุณหมอไม่ได้ดุดัน ไม่ได้เอาใจ ไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้อยู่เฉยหรือหยุดร้องไห้ แต่ไพล่พูดไปอีกทาง เด็กชายเลยงุนงง หันมามองหน้าดมิสา ทั้งที่ยังสะอื้นฮักๆ

“ไหน ดูซิว่าหมอจะทำให้หนูสบายเนื้อสบายตัวได้ไหม ถ้าหนูยังมีไข้ ยังไม่สบาย ถ้ามีใครมารังแกคุณแม่ น้องจุนจะช่วยคุณแม่ไม่ได้นะ”

คนไข้มองคุณหมอทั้งน้ำตาเต็มตา ก่อนสะอื้น แล้วพูดคำเดิมซ้ำอีก

“น้องจุนไม่ฉีดยา”

ดมิสายิ้มอ่อนโยน

“มดกัดเจ็บกว่าฉีดยาอีกนะครับ นี่ไงดูสิ หมอจะฉีดยาตัวเองให้ดูไม่เจ็บเลย” ว่าแล้วดมิสาก็หยิบไซริงค์ฉีดยามาใส่หัวเข็ม แล้วกดลงที่แขนของตัวเอง โดยที่คนไข้ไม่รู้เลยว่านั่นคือไซริงค์และเข็มปลอมที่เธอสั่งทำไว้หลอกเด็กโดยเฉพาะ

“นี่ไง หมอไม่เจ็บเลย เพราะเข็มฉีดยาของหมอเป็นเข็มวิเศษ น้องจุนอยากลองฉีดยาด้วยเข็มวิเศษไหมครับ หรือให้คุณแม่ลองก่อนก็ได้นะ”

คนไข้หันมองมารดา ก่อนมองหน้าหมอ แล้วส่ายหน้าดิก

“ไม่คับ ไม่ฉีดคุณแม่ จุนจะเจ็บแทนคุณแม่เองคับ จุนจะปกป้องคุณแม่คับ”

คนเป็นแม่ยิ้มให้ดมิสาอย่างขอบคุณด้วยดวงตาแดงเรื่อ หล่อนก้มลงจูบที่ศีรษะเด็กชายและปล่อยให้กุมารแพทย์สาวทำการตรวจรักษาตามขั้นตอน ระหว่างวันหากมีเด็กดื้อไม่เชื่อฟังพูดอย่างไรก็ไม่สงบ สุวรรณจะช่วยดึงความสนใจด้วยการแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆ และพยายามสื่อสารกับเด็กที่ตาละเอียดยังไม่ถูกประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมลดทอนไปจนหมด

ดมิสาจึงเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าตั้งแต่ได้เครื่องรางอันใหม่มา เธอทำงานง่ายขึ้นเยอะ เพราะมีผู้ช่วยอย่างสุวรรณอยู่ข้างกายโดยที่เธอไม่เคยเอะใจเลยนี่เอง

ออกเวรแล้วหญิงสาวจึงพาสุวรรณมาร้านเค้กเจ้าอร่อยใกล้โรงพยาบาล แม้สุวรรณจะคิดว่าดมิสาจะซื้อเค้กให้กิน แบบให้บุญเลิศกินไก่เป็นบางครั้ง แต่หญิงสาวบอกกับสุวรรณว่ามีวิธีการกินเค้กที่อร่อยกว่านั้น สุวรรณจึงได้แต่รอด้วยใจจดจ่อ

‘โห แถวยาวจังคับ’ เด็กชายตื่นเต้น ‘ต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย’

ดมิสายิ้มรับอาการนั้นด้วยอกที่อึดอัดเมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้สุวรรณใช้ชีวิตมาแบบไหน ไม่รู้สิว่าทำไมเธอจึงรู้สึกผูกพันและสนิทสนมกับเขาเร็วนัก หญิงสาวไม่นิยมเลี้ยงผีไว้ใกล้ตัวด้วยเหตุผลหลายอย่าง ยกเว้นบุญเลิศที่รู้จักรักใคร่กันมาตอนมันเป็นหมาที่เธอเลี้ยง

‘นี่สุวรรณ’ เธอเอ่ยถามในดวงจิต ขณะนั่งรอเค้กอยู่ที่เก้าอี้ฉลุลายหน้าร้าน ‘ไม่อยากไปเกิดเหรอ อนุโมทนาบุญเป็นไหม’

ที่ถามแบบนี้เพราะวิญญาณร้อยละเก้าสิบที่เธอเจอ ต่างอนุโมทนาบุญไม่เป็น จึงติดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน ที่อนุโมทนาบุญกันได้นั้นไปเกิดที่อื่นเกือบหมดแล้ว ไม่มาเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนเช่นนี้ วิญญาณส่วนใหญ่ยึดติดในความรู้และความเชื่อครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ ชาติล่าสุดของตน เช่นนี้มนุษย์เราจึงควรศึกษาธรรมะ ควรมีความรู้การอนุโมทนาบุญไว้เบื้องต้นก็ยังดี หากผิดพลาดพลั้งไปเป็นผีเร่ร่อนจะได้มีทางออกให้ชีวิต มากกว่าที่จะทรมานหิวโหย

‘สุวรรณอยากเกิดเป็นมนุษย์คับ’ สุวรรณนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงหน้า ตาเป็นประกาย ‘อนุโมทนาบุญ คือการรู้สึกยินดีเมื่อผู้อื่นทำความดี หลวงพ่อสอนสุวรรณแล้วคับ’

‘หลวงพ่อ?’

‘คับ หลวงพ่อที่วัดป่าอิสราภรณ์’

ดมิสาร้องอ๋อในใจ รู้ได้ทันทีว่าสุวรรณหมายถึงพระดิน

‘แล้วทำไมสุวรรณไม่อนุโมทนาบุญแล้วไปเกิดล่ะ’

สุวรรณสั่นศีรษะ หน้าตาหมองเศร้า

‘สุวรรณทำไม่ได้คับ สุวรรณติดอยู่ในจี้ หลวงพ่อบอกว่าถ้าสุวรรณอยากไปเกิด สุวรรณต้องออกมาให้พี่มิ้งค์เห็น ขอให้พี่มิ้งค์ช่วยตามหาแม่ให้ สุวรรณจึงจะเกิดได้คับ’

‘แล้วแม่ของสุวรรณเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน จำได้ไหม’

พรายกุมารสั่นศีรษะอีกครั้ง

‘จำไม่ได้เลยคับ’

แม้จะสะเทือนใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง แต่ดมิสาก็ไม่แสดงออกให้สุวรรณกังวล

‘ไม่เป็นไรนะ หลวงลุงท่านไม่เคยมุสา ไม่เคยให้ความหวังใครลมๆ แล้งๆ คำพูดของท่านศักดิ์สิทธิ์ อะไรที่ท่านบอกว่าได้ จะสำเร็จเสมอ วันนึงเราคงเจอแม่ของสุวรรณ แล้วสุวรรณก็ต้องได้เกิดแน่ๆ’

เด็กชายทำตาโต ยิ้มกว้างอย่างยินดี

‘จริงเหรอคับ ไชโย สุวรรณจะได้เกิดเป็นมนุษย์ สุวรรณจะได้บวชเณรแล้วคับ’

ดมิสาหยิบโทรศัพท์ออกมาทำทีเป็นกดดูเฟซบุ๊กแล้วหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของสุวรรณ ยิ่งได้ยินว่าเขาอยากบวชเณร หญิงสาวก็ยิ่งอยากช่วยให้ความปรารถนานั้นสัมฤทธิ์ผล เธอกดออกจากเฟซบุ๊กเพราะมีแจ้งเตือนในโปรแกรมไลน์ว่ามีคนส่งข้อความมาให้ เมื่อกดเปิดดู หัวใจของเธอก็ไหววาบ

จิณไตย...

นับจากวันที่เจอกันที่คาเฟ่กระต่าย เขาก็หายไปจากชีวิตเธอราวกับไม่เคยเดินเข้ามา นี่ก็กว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ติดต่อกัน ไม่ได้แลกเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ไอดีกันไว้

หญิงสาวไม่แปลกใจที่เขาแอดไลน์เธอมา คงขอมาจากอรจีรา แต่...เขาจะติดต่อเธอมาทำไมกันนะ

‘สวัสดีครับ คุณมิ้งค์จำผมได้ไหม’

จะตอบว่าจำไม่ได้ก็คงใจร้ายเกินไป หญิงสาวจึงกดพิมพ์ข้อความตอบโดยมีสุวรรณลอยมาเกาะบ่า ยื่นหน้ามาแอบอ่านอยู่ข้างแก้ม

‘จำได้ค่ะคุณจิณ’

ข้อความนั้นถูกกำกับว่าเขาอ่านทันทีที่เธอส่งข้อความไป หญิงสาวนั่งรอเขาตอบกลับด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ นั่นทำให้สุวรรณจับได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้น และแก้มของเธอขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ยาก สุวรรณยังเด็ก แต่ก็ไม่เด็กเกินกว่าจะรู้จัก ความรัก

‘ดีใจจัง คุณมิ้งค์อยู่ไหนครับตอนนี้ พอมีเวลาว่างไหม ผมอยากเจอคุณ’

ผมอยากเจอคุณ...

ดมิสาอ่านประโยคสุดท้ายด้วยความรู้สึกเหมือนใกล้จะจมน้ำ แก้มเธอแดงขึ้นอีก เลือดในกายสูบฉีดเสียจนอยากจะมุดหน้าลงไปในโทรศัพท์เพราะไม่อยากให้ใครในร้านเห็นว่าเธอกำลังเขินอาย หญิงสาวกดพิมพ์ตอบกลับไป แม้จะกลั้นยิ้มไม่สำเร็จก็ตามที

‘คุณจิณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ’

เขาเงียบไปนาน เสียจนพนักงานเรียกคิว หญิงสาวจึงเดินไปรับเค้กที่สั่งไว้หลายก้อน พนักงานชายช่วยเธอถือกล่องเค้กไปส่งถึงรถ

เมื่อปิดประตูจนสนิทดีแล้ว สุวรรณตามมานั่งตาแป๋วที่เบาะโดยสารเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูอีกครั้งว่าจิณไตยตอบมาหรือยัง

‘ถ้าไม่มี...จะขอไปเจอคุณมิ้งค์ได้ไหมครับ เย็นนี้คลินิกคุณเปิดหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปรอหน้าคลินิก ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านนะ’

‘อื้อหือ’ สุวรรณยื่นหน้ามาสนอกสนใจ ‘พี่คนนั้นต้องจีบพี่มิ้งค์แน่ๆ เลย’

“คงไม่มั้ง” เธอตอบสุวรรณแบบปากไม่ตรงกับใจ

ดมิสาพิมพ์บอกจิณไตยว่าวันนี้เธอไม่ได้เข้าคลินิก เถลิงเกียรติเข้าคนเดียว และพิมพ์บอกจุดหมายที่เธอกำลังจะออกเดินทางไปกับสุวรรณ ดมิสาไม่แปลกใจที่จิณไตยไม่รู้ว่าบ้านเสน่ห์จันทน์เป็นบ้านที่เธอเกิดและเติบโต เพราะเธอใช้นามสกุลบิดา...ไม่ใช่เสน่ห์จันทน์ หากเขาจะเข้าใจว่าเธอเช่าพื้นที่หรืออะไรทำนองนั้นก็ไม่แปลก คนไข้ที่เดินทางมาจากที่อื่นก็เข้าใจเช่นนั้นกันเยอะ

หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า และไม่แปลกใจที่วิทยุเปิดเองโดยที่เธอไม่ได้กด เพลงรักหวานแหววที่ดังออกมาจากลำโพง ประกอบกับรอยยิ้มหยอกล้อของสุวรรณทำให้เธอหัวเราะและนี่หากไม่ใช่ว่าสุวรรณอยู่ในรูปแบบกายละเอียดละก็ เธออยากจะหยิกแขนเด็กแก่แดดให้เขียวเลยนักเชียว

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com