ทดลองอ่าน อลเวงนัก รักของมาริสา : ตอนที่ 12

 

 

ตอนที่ 12

 

 

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้นับว่าเป็นวันที่ดีของมาริสา การงานไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไร ไม่โดนฝ่ายบุคคลตำหนิเหมือนอย่างเคยๆ ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีใครมาว่าอะไรหล่อนเลย มาวินก็ดีกับหล่อนเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าได้เป็นแฟน ชีวิตก็คงจะดีไม่น้อย ติดแค่ว่าวิชุดาเกาะเจ้านายของหล่อนแจ วันไหนถ้าเจ้าหล่อนมีอารมณ์มาทำงาน พักเที่ยงก็จะต้องไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนมาวินเลิกงานก็มานั่งรอให้เห็น น่าหมั่นไส้นัก

แต่จะว่าไป เมื่อนึกถึงโปรแกรมสำคัญที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ เรื่องวิชุดาก็ไม่ระคายอารมณ์มาริสาเท่าไรนัก เพราะหล่อนกาปฏิทินเอาไว้แล้ว ปลายเดือนนี้มาริสาจะได้เป็นผู้ติดตามของมาวินไปเข้าร่วมการประชุม ASEAN Marketing Conference ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้เจอผู้นำทางการตลาดจากกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันหรอกนะ แต่งานนี้มีแค่มาวินกับหล่อนเท่านั้นที่ได้ไป จริงๆ ก็มีลูกทีมฝ่ายการตลาดไปด้วยอีกสองสามคน คมสันก็ไปด้วย แต่ไม่ต้องไปนับก็ได้

งานสัมมนานี้จัดที่โรงแรมริมทะเล มาริสาจัดการจองห้องพักเอาไว้ให้สำหรับทุกคนแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซัน ก็เลยต้องจองกันแต่เนิ่นๆ ได้ห้องดีลักซ์สมฐานะผู้จัดการระดับสูงอย่างมาวิน และได้ห้องซูพีเรียร์เตียงคู่ให้ทีมอยู่กันสองห้อง เป็นห้องเชื่อมกัน ปกติโรงแรมมีชื่อติดชายหาดระดับนั้น จองห้องที่ถูกสเปกได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หล่อนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเลขาฯ ที่ดี ไม่บกพร่องต่อหน้าที่เสียนี่กระไร บริษัทควรพิจารณาให้โบนัสหล่อนปลายปีได้แล้ว

อ้อ ถ้าถามถึงห้องของหล่อนน่ะเหรอ อันที่จริงมาริสาจะขอเปิดห้องสแตนดาร์ดหรือซูพีเรียร์ไว้นอนเล่นก็ยังได้ เพียงแค่ห้องสแตนดาร์ดของโรงแรมห้าดาวก็หรูมากแล้ว แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องงบเพราะเบิกได้เต็มที่ แต่งานนี้หล่อนอยากขอเนียนๆ แบบว่าห้องพักโรงแรมเต็มหมด ขออาศัยห้องมาวินอยู่ด้วย ใครจะว่ารุกจนออกนอกหน้าก็ช่าง นี่มันสมัยไหนแล้ว มัวแต่สนิมสร้อยก็อดน่ะสิ

แล้วมาวินคงไม่ปฏิเสธหรอก ทีมการตลาดที่ไปด้วยเป็นผู้ชายกันหมด ถ้ามาวินจะไล่ให้หล่อนไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกก็กระไรอยู่ หวานหมูมาริสาจริงๆ

แหม กำลังฝันหวานถึงทริปสุดโรแมนติก อีเมลแจ้งคอนเฟิร์มห้องพักในนามของบริษัทก็ส่งมาพอดี ด้วยความที่เป็นเลขาฯ ที่ดีก็ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ส่วนอีเมลรายละเอียดการสัมมนาและตารางกิจกรรมที่ส่งมาไม่รู้กี่ฉบับ ไว้เปิดอ่านทีหลัง

เอ...ห้องซูพีเรียร์วิวทะเลที่จองไว้น่ะ ถูกต้อง แต่ทำไมห้องดีลักซ์ที่จองไว้กลายเป็นห้องสวีตไปซะงั้น ใครมาอัปเกรดห้องให้เนี่ย ยังกับรู้ใจหล่อน เอ๊ย ไม่ใช่ ก็แหม...มาริสาอยากจองห้องสวีตอยู่เหมือนกัน แต่ทางโรงแรมแจ้งว่าเต็มนี่นาก่อนหน้านี้ ไม่รู้จู่ๆ มาได้อย่างไร ช่างเถอะ ห้องสวีตก็ยิ่งดีสิ ยิ่งโรแมนติก แค่คิดก็แก้มแดงแล้ว

“คุณมาริสาครับ”

เสียงจากอินเตอร์คอมมุมโต๊ะทำงานดังขึ้น เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ นี้ไม่ใช่ใคร ก็คนข้างในห้องทำงานนี่เอง มาริสาใจกระตุกเล็กน้อย เมื่อไรหล่อนจะชินกับเสียงหล่อๆ ชวนฝันเหมือนหน้าตาของเขากันนะ

“คะ คุณมาวิน”

“บ่ายนี้ผมมีนัดไหมครับ”

“อ๋อ ไม่นี่คะ” มาริสาตอบส่งๆ ไปก่อนตามเคย หากแต่วินาทีถัดมาก็นึกขึ้นได้ ทางโรงพิมพ์ที่จะทำพริวิเลจการ์ดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาใช้จ่ายในห้างฯ ส่งตัวอย่างก่อนพิมพ์มาทางอีเมลหลายวันแล้ว แต่มาวินยังไม่ตอบกลับ ก็เพราะมาริสายังไม่ได้ส่งต่ออีเมลนี้ให้มาวินเลยน่ะสิ! ทางนั้นเลยโทร.มาขอคอนเฟิร์มก่อนพักเที่ยงวันนี้ แต่ตอนนั้นมาวินโดนวิชุดาลากตัวไปแล้ว มาริสาเลยยังโฮลด์เรื่องไว้ ซึ่งหล่อนควรเอาแบบการ์ดไปให้มาวินแอปพรูฟและยืนยันกับทางโรงพิมพ์ได้แล้ว

“เดี๋ยวค่ะ อันที่จริง...”

“คุณมาริสาว่าง...”

ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน แล้วก็หยุดไป

“คุณมาริสาว่ายังไงนะครับ”

“อ๋อ เอ่อ คุณมาวินพูดก่อนเถอะค่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะถามว่าบ่ายนี้คุณมาริสาว่างไหม ผมยังไม่ได้เตรียมของที่จะไปต่างจังหวัดเลย เผื่อคุณจะพอช่วยเลือกซื้อให้ผมได้ เอ่อ เมื่อกี้คุณจะพูดว่าอะไรนะครับ”

คุณพระ! มาวินชวนหล่อนไปเลือกซื้อของเหรอ นี่หล่อนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

“คุณมาริสาครับ...”

“อ้อ ค่ะๆ” มาริสารีบพูดใส่อินเตอร์คอมทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองอึ้งจนเงียบไป “ว่างค่ะ” หญิงสาวมองนาฬิกาที่จอคอมพิวเตอร์ เวลาเพิ่งจะบ่ายสองครึ่ง เท่ากับว่าครึ่งวันที่เหลือหล่อนไม่ต้องมานั่งอุดอู้อยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว แถมยังได้ไปเดินช็อปปิงกับมาวิน อะไรจะบุญหล่นทับขนาดนี้!

“งั้นเดี๋ยวผมขอเคลียร์งานอีกสักสิบนาที แล้วค่อยออกไปพร้อมกันนะครับ”

“ค่ะ”

มาริสากดปุ่มจบการสนทนาพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นก็หยิบกระจกมาส่อง เติมปากหน่อยก็ดี กินข้าวมาลิปหลุดไปเยอะ ไอ้แบบการ์ดบ้าบออะไรนั่น รอไปก่อนแล้วกันเนอะ ส่งอีเมลมาแค่สัปดาห์กว่าๆ ก็เร่งทวงแล้ว จะรีบไปไหน บ่ายนี้ขอมาริสาเที่ยวกับผู้ชายก่อน งานการค่อยทำ

----------

ไม่อยากจะเชื่อว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เกือบปีที่ทำงานให้มาวิน นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ได้ไปข้างนอกกับเขาสองต่อสองโดยที่ไม่ใช่เรื่องงานโดยตรง มาวินถอดสูทกับเนกไทออก พับแขนเสื้อขึ้น ไม่บ่อยนักที่หญิงสาวจะเห็นเขาในมุมสบายๆ ยกเว้นตอนที่หาเรื่องเอาเอกสารบุกไปหาเขาถึงคอนโดฯ ครั้งนั้นน่ะนะ เขาแต่งตัวสบายๆ ก็ดูดีไปอีกแบบ

ระหว่างที่เดินอยู่ในห้างฯ ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่าลืมปลดกระดุมคอเสื้อ เลยปลดออก ไม่แคร์สายตาเลขาฯ ของเขาบ้างเลยว่ามองจนจะน้ำลายหกแล้ว อืม...ขาวจัง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คะ? อ๋อ เปล่าค่ะ”

มาริสาสติกระเจิง ก็แหม ใครให้มาปลดอะไรต่อหน้าหล่อนล่ะ หวังว่าเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนคิดอะไรซุกซนอยู่ข้างในแล้วกัน

“ผมพันกันหมดแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดพลางอมยิ้ม

มาริสาทำหน้างง หากแต่เสี้ยววินาทีต่อมาก็รู้ตัว นอกจากแอบมองคอขาวเนียนไล่ไปถึงแผงอกภายใต้เสื้อเชิ้ตของเขาแล้ว หล่อนยังเอานิ้วม้วนผมตัวเองอยู่อย่างนั้น นั่นไง โดนเขาจับได้แน่ๆ เขินทีไรทำแบบนี้ทุกที ยายสาเอ๊ย...

“คุณมาวินมีลิสต์หรือยังคะ ว่าจะซื้ออะไร” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ไม่รู้สิครับ เพิ่งจะเคยนำทีมไปสัมมนาต่างจังหวัดครั้งแรก ควรมีอะไรติดไปด้วยดีล่ะครับ”

ไปทะเล ก็ควรจะมีเสื้อผ้าไว้ใส่เดินชายหาด รองเท้าแตะสวยๆ สักคู่ ชุดว่ายน้ำดูดีสักตัว เอิ่ม...ชุดว่ายน้ำเหรอ นี่หล่อนจะต้องเลือกชุดว่ายน้ำให้เจ้านายจริงๆ ใช่ไหม ตายแล้ว เป็นสาวเป็นแส้ เลือกชุดว่ายน้ำให้ผู้ชาย ถ้าเขาเอามาใส่จริงๆ มาริสาได้หน้าแดงไปถึงหูแน่ล่ะคราวนี้

“ถามแค่นี้ต้องหน้าแดงด้วยเหรอครับ”

อะไร ใครหน้าแดง

มาริสาหันไปทางกระจกเงาที่ติดกับเสาในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ จริงด้วย แค่คิดเตลิดไปไกลก็หน้าแดงแจ๋แล้ว ตายๆๆ จะรอดไหมเนี่ยยายสา

“แหม เปล่าซะหน่อยค่ะ สา...แค่...ช่วงนี้สา...ช่างเถอะค่ะ” ขี้เกียจแถละ เดี๋ยวสีข้างถลอกอีก ยอมรับก็ได้ว่าแอบคิดติดเรตอยู่ พอใจไหมคะ คุณมาวิน

“อืม ผมว่าเริ่มต้นจากกระเป๋าเดินทางสักใบดีไหมครับ จะว่าไปใบเก่าของผมมันก็เชยแล้ว”

โถ มาริสาก็คิดไปไกล ข้าวของจำเป็นๆ นอกจากชุดว่ายน้ำยังมี อย่าให้ใครรู้ความในใจหล่อนเชียว อายจะแย่

อย่างไรก็ตาม มาวินคิดถูกแล้วที่ไว้ใจเลขาฯ คนนี้ให้เป็นเพอร์ซันนอลช็อปเปอร์ เรื่องใช้จ่ายเนี่ย มาริสาไม่เคยเป็นรองใครอยู่แล้ว เห็นๆ กันอยู่ ถึงเวลาที่ต้องแสดงฝีมือ

มาริสาเลือกแบบนั้นรุ่นนี้จากหลากหลายแบบในแผนกกระเป๋าเดินทาง แต่ละแบบล้วนสแกนแล้วว่าเหมาะกับมาวิน จากนั้นก็ให้เขาลองเปรียบเทียบดู ระหว่างที่ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ พิจารณาราคา มาริสาลอบมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วยิ้มกว้าง พอเขาหันมาหา หล่อนก็แสร้งมองไปทางกระเป๋าแล้วออกความเห็นเสียงเจื้อยแจ้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ลงเอยที่กระเป๋าใบใหญ่น้ำหนักเบา มีระบบล็อกทันสมัย

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินนำไปที่แผนกเครื่องแต่งกายผู้ชาย เขาบอกว่าเขาคงไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำเดินกลางชายหาดแบบพวกฝรั่งแน่นอน ขอเป็นแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นก็พอ ซึ่งมาริสาก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ไม่ได้ว่าอะไรเลยจริ๊งๆ แค่มโนเบาๆ

หญิงสาวเลือกเสื้อยืดสวมสบายกับกางเกงขาสามส่วนให้เขาไปลอง ซึ่งเขาหายไปในห้องแต่งตัว แล้วออกมาอยู่สองสามครั้ง แต่ละครั้งมาริสารู้สึกได้ว่าตัวเองเอานิ้วม้วนผมโดยอัตโนมัติตลอด เวลาที่ไม่ใส่ชุดทำงาน มาวินก็ดู...ดูน่ารักไม่เบา ยิ่งใส่เสื้อยืดกางเกงสามส่วนแบบนั้น

มาวินเลือกไปสองชุด ซื้อรองเท้าแตะใหม่อีกคู่ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินดูของจิปาถะ ถกเถียงกันเล็กน้อยว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็นสำหรับทริปนี้ มาริสาพาเขาไปที่แผนกเครื่องสำอาง ยืนกรานท่าเดียวว่าเขาจะต้องพกครีมกันแดด SPF สูงไปด้วย ขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางซีเรียสของหล่อน มาริสานั้นแปลกใจไม่น้อยที่มาวินไม่เคยพกครีมกันแดดเลย ผู้ชายนี่จริงๆ เลยนะ หญิงสาวเลยหยิบใส่ตะกร้าไปสองหลอดเลย

ชายหนุ่มพามาริสาไปเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นๆ ต่อ เขาคิดว่าของพวกแชมพู โฟมล้างหน้า โรลออน แปรงสีฟัน ควรซื้อใหม่แบบขนาดพกพาใส่กระเป๋า ขณะที่มาริสาแอบเบ้หน้า ของพวกนี้เอาจากบ้านไปก็ได้ แต่ในเมื่อมาวินอยากได้ หล่อนก็ช่วยเลือกให้อย่างเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องทำหน้าบู้ด้วยตอนที่หล่อนบอกว่าโฟมล้างหน้าฟอร์เมนมันแรงไปสำหรับผิวเรียบๆ เกลี้ยงๆ ของเขา หล่อนแนะนำที่หล่อนใช้อยู่ให้ อย่ามาติดใจทีหลังแล้วกัน มาริสาใช้ทุกวันนี้ผิวสะอาดชุ่มชื่นเนียนเด้ง

สุดท้าย ทั้งคู่ต้องหอบของพะรุงพะรังไปเก็บที่รถของมาวิน มาริสาแอบมองหน้าเจ้านายหนุ่ม เขาจะรู้ไหมนะว่าเขาทำให้หล่อนมีความสุขมากเหลือเกินวันนี้ ลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น ลืมว่าตัวเองเป็นแค่เลขาฯ ของเขา ลืมว่าเขามีวิชุดาคอยเกาะแกะ รู้แต่เพียงว่าเวลานี้มีเพียงแค่เขากับหล่อนสองคน เดินเลือกซื้อของด้วยกัน เหมือนความฝันที่เป็นจริง

“เรียบร้อยสักทีนะครับ” มาวินพูดยิ้มๆ พลางปิดกระโปรงหลังรถเสียงก้องไปทั้งลานจอดรถ

“หวังว่าคงไม่ขาดอะไรนะคะ แต่สาว่าไม่ขาดหรอกค่ะ เยอะเต็มรถขนาดนี้”

“ไม่ขาดหรอกครับ แต่ถ้าขาดคงต้องโทษคุณสาที่ไม่รอบคอบ ต้องมาเลือกซื้อเป็นเพื่อนผมอีกรอบด้วยนะครับ”

เดี๋ยวก่อนนะ อย่ามาพูดแบบนี้ได้ปะ นี่หล่อนคิดไปไกลจริงๆ นะเออ รู้อย่างนี้น่าจะแกล้งลืมซื้ออะไรสักอย่างสองอย่างจริงๆ

“นี่ก็เย็นมากแล้ว หาอะไรกินกันก่อนกลับดีไหมครับ คุณสาเลือกร้านได้เลย ถือว่าเป็นการขอบคุณที่มาช่วยผมซื้อของวันนี้”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com